บทที่37 สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้
เอาเถอะ ถือว่าเธอเข้าข้างตัวเอง
เสิ่นเฉียวเอ่ยปาก: “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ดิฉัน ขอตัวค่ะ”
เยโม่เซินไม่พูดอะไร เสิ่นเฉียวยืนอยู่พักหนึ่งจาก นั้นจึงหมุนตัวและเดินออกไปจากห้องทำงาน
เมื่อออกมาจากห้อง เสิ่นเฉียวจึงนึกขำตัวเอง
ทำไมเธอถึงโง่ได้เพียงนี้ที่คิดว่าเย่โม่เซินทำเรื่อง นี้เพื่อเธอ? ใช้สมองอันน้อยนิดยังคิดได้ว่าเป็นไป ไม่ได้ เขาเกลียดชังเธอถึงที่สุด เขาจะยอมเสียผล ประโยชน์ตนเองเพื่อเธอได้อย่างไรกัน
เสิ่นเฉียวเอ๋ย เสิ่นเฉียว เธอนี่ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย
หลังจากเลิกงานแล้ว เสิ่นเฉียวเพิ่งกลับถึงตระกูล เย่ สาวใช้จึงแจ้งให้ทราบว่านายท่านเรียกเธอไปพบ ที่ห้องหนังสือ
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เสิ่นเฉียวจับชาย เสื้อแน่น
ไม่ไปคงไม่ได้ เสิ่นเฉียวได้แต่พยักหน้าเป็นการ บอกว่ารับรู้แล้ว จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องหนังสืออย่าง ไม่ค่อยเต็มใจนัก
เปรียบเทียบกับความกดดันครั้งก่อนที่มาห้อง หนังสือ เสิ่นเฉียวรู้สึกความกดดันครั้งนี้เหมือนกับ แบกภูเขาลูกใหญ่อยู่บนบ่า
“นายท่าน” เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างและเอ่ยขึ้น
ด้วยน้ำเสียงเบาบาง
นายท่านเย่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ สายตาแข็งที่อมองอย่างประหลาดใจ จ้องไปที่เสิ่นเฉียวที่ตัว เล็กและผอมบาง เขาหรี่ตาลง: “ได้ยินว่า… โม่เซิน ยกเลิกสัญญากับตระกูลลู่แล้ว?”
เป็นความจริง! !
ตอนที่สาวใช้บอกเธอว่านายท่านต้องการพบ เธอก็ พอจะเดาจุดประสงค์ที่เรียกเธอไปพบได้อยู่แล้ว
คิดไม่ถึงว่าเธอจะเดาถูก นายท่าน ไม่ได้ไปทำงาน แต่กลับรู้เรื่องนี้ แสดงว่าเขามีสายอยู่ในบริษัท แน่นอน
ดังนั้นโกหกไม่ได้แน่ เสิ่นเฉียวจึงได้พยักหน้าด้วย ความจริงใจ
“อืม ฉันก็เพิ่งทราบค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น นายท่านเย่โกรธจนปัดหนังสือบน โต๊ะลงไปกองกับพื้น เกิดเสียงดังโครมใหญ่ทำให้เสิ่นเฉียวตกใจอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหลาย ก้าว
“เจ้าเด็กนี่ทำอะไรไม่ได้ความ! ตระกูลลู่เป็นเนื้อ ก้อนใหญ่แล้วเกิดจะมายกเลิกความร่วมมือ?”
นายท่านเย่โมโหขนาดนี้ เสิ่นเฉียวยิ่งตระหนักถึง ความสำคัญของโครงการนี้
“เฉินโย่ว!”
เสิ่นเฉียวตะลึงงัน เธอเกือบจะลืมไปแล้วว่าเธอสลับ
ตัวเจ้าสาวมา
“นายท่าน?”
“ห้ามยกเลิกความร่วมมือกับตระกูลลู่ เธอ..ไปหาลู่ สุนฉาง แล้วดูว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ไปหาลู่สุนฉาง? เสิ่นเฉียวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แต่ ไม่กล้าจะคัดค้าน จึงรับคำ
หลังจากที่ออกมาจากห้องหนังสือแล้ว เสิ่นเฉียว รู้สึกขาดความมั่นใจ คืนวันนั้นพวกเขาได้เผชิญหน้า กับสู่สุนฉาง ต่อให้เธอไปหาเขา ตระกูลลู่ก็คงไม่ ยอมร่วมมือกับตระกูลเย่หรอก? ต่อให้ตระกูลลู่ยอม ก็ไม่คิดว่าเยโม่เซินจะตอบตกลงด้วย
ดังนั้นเธอควรจะบอกเย่โม่เซินเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม
แต่ถ้าบอกไปแล้ว ไม่เพียงแค่บอกเยโม่เซิน ปู่คุณก็ จ้องมองคุณอยู่เหรอ?
สำหรับคนพิการหนึ่งคนแล้ว ถ้าคนในครอบครัวต่อ ต้านเขาล่ะก็ เช่นนั้นเขา….คงต้องเจ็บปวดมาก?
ยากจริง ๆ
เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าตนเองถูกพัดตกอยู่ในกระแสความ วุ่นวายในครอบครัวทรงอิทธิพล
เมื่อกลับถึงห้อง เสิ่นเฉียว ปิดประตู มองไปยังพื้นที่ ของตัวเอง กลับพบว่ามีเตียงหลังเล็กหลังหนึ่ง เธอ ตกใจคิดว่าเข้าห้องผิดและกำลังจะออกไป จึงได้พบ ว่าของบนเตียงเป็นของของเธอ
นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?
เสิ่นเฉียว ยืนอึ้งอยู่หน้าเตียงของตัวเอง
ความใจดีของเย่โม่เซินปรากฏแล้ว? ดังนั้นเลยให้ คนหามาให้?
ในระหว่างที่ใช้ความคิด ก็เกิดเสียงดังจากข้างหลัง เย่โม่เซินกลับมาพอดี เซียวซู่เข็นเขาเข้ามา
เย่โม่เซินที่หน้าตาเย็นชาเป็นทุนเดิม แต่เมื่อได้เห็น เธอยืนอยู่หน้าเตียงหลังเล็ก ดวงตาสีเข้มกลับมีแวว ตาที่ผิดแปลกไปจากเดิม
“คุณกลับมาแล้ว” เสิ่นเฉียวหันหน้าไปและชี้ไปที่ เตียงหลังเล็กแล้วถาม: “เตียงหลังนั้น…”
“มีปัญหาเหรอ?” เย่โม่เซินเลิกคิ้วตอบอย่างไม่สบ อารมณ์
เมื่อได้ยิน เสิ่นเฉียวส่ายหน้า: ไม่มีปัญหาค่ะ เพียง แค่…”
“เพียงแค่อะไร? เธอคิดว่าฉันซื้อเตียงให้เธอเห รอ?” เย่โม่เซิน พูดอย่างเย็นชา
เซียวซู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังมีปฏิกิริยาทันใด ยิ้มหวาน และพูดกับเสิ่นเฉียว “คุณหนูเสิ่นครับ เป็นผู้หญิงนอน บนพื้นและรับความเย็นได้ง่าย ดังนั้นผมเลยให้คน หาเตียงมาให้คุณ ไม่ทราบว่าคุณหนูเสิ่นชอบไหม ครับ?”
เสิ่นเฉียว: “..”
แสงในดวงตาหรี่ลงไปครู่หนึ่ง
ที่แท้ไม่ใช่เขาที่ส่งคนมา หาคนมา เป็นเซียวซูเอง
“เหอะ” เยโม่เซ็นหัวเราะเย้ยหยันและคนที่อยู่ข้าง หลัง “ฉันอนุญาตให้นายหาเตียงมาให้เธอแล้วเห รอ? เชียวซูเดี๋ยวนายยิ่งเอาใหญ่แล้วนะ”
ได้ฟังดังนั้นเชียวซูลำบากใจเล็กน้อย แต่ยังคง อธิบาย: “คุณชายเย ในเมื่อคนเขาต้องอยู่อีกนาน คุณกับคุณหนูเสินมีข้อตกลงกันหกเดือนอย่างน้อย ก็ควรหาที่นอนให้คุณหนูเสิ่นนะครับ อีกทั้งตอนนี้คุณ หนูเสิ่นทำงานที่บริษัท ถ้าป่วยไปจะยุ่งยาก”
เยโม่เซินไม่พูดอะไรอีก ก็ถือว่ายอมรับในเหตุผล
ของเขา
เสิ่นเฉียวหลบสายตาและไม่พูดอะไรอีก
เซียวซูปาดเหงื่อหนึ่งที
เขารู้สึกว่าเขาคงจะเป็นแพะรับบาป เดียงหลังนี้ชัด
ๆ ว่าเป็น.ช่างเถอะ ๆ!
เขาเป็นผู้ช่วยเผโม่เซ็นมาหลายปี แพะรับบาปจะ เป็นไรไป แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ง่ายกว่าบุกน้ำลุยไฟ เผอะเลย
“ฉันทราบแล้วค่ะ ขอบคุณนะ” สุดท้ายเสิ่นเฉียว กล่าวขอบคุณเชียวซู
เยโม่เซ็นกลับเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ขยับเนคไท เล็กน้อย
เขียวซู่เป็นเย่โม่เซินเข้าไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแล้ว เสิ่นเฉียวกลับไปที่เตียง นั่งลงไปไม่ใช่พื้นแข็ง ๆ อีก ต่อไป ลำธารไหลเอ่อจากกันปั้งหัวใจ
อันที่จริง ความรู้สึกที่อยู่ตระกูลเย่ก็ไม่แย่ขนาดนั้น
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวยกมุมปากและยิ้ม จาก นั้นจึงลุกขึ้นและย้ายเสื้อผ้า เสิ่นเฉียวเก็บข้าวของ ของตัวเองอีกครั้ง ในระหว่างที่หยิบเสื้อตัวหนึ่งกลับ ได้ยินเสียงวัตถุโลหะตกกระทบลงพื้น
40
แกล้ง–
เสิ่นเฉียวก้มมองพื้นด้วยความสงสัย
กระดุมโลหะเม็ดหนึ่งร่วงลงพื้น สาดแสงกระทบ จากหลอดไฟเป็นแสงแวววาว
กระดุม?
เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ใช่ของเธอ
ไม่ว่าจะวัสดุหรือเนื้อสัมผัสดูแล้ว กระดุมนี้ถือว่า เป็นกระดุมที่ดูมีราคา จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะ
ปรากฏอยู่บนเสื้อของเธอได้
แต่ว่า ทำไมมันถึงหล่นลงมาจากเสื้อของเธอได้
ล่ะ?
เส้นเฉียวใคร่ครวญ เอื้อมมือไปหยิบเม็ดกระดุมและ วางไว้ที่ฝ่ามือและดูมัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในหัวก็ปรากฏภาพที่คุ้นชินภาพหนึ่ง
เมื่อเดือนก่อนท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำ ชายหนุ่ม แปลกหน้าที่ทาบทับเธอที่เบาะรถ ตอนนั้นเธอต่อสู้ ตะโกนร้อง แต่ก็ไม่สามารถสู้กับแรงของเขาได้ สุดท้ายเมื่อโดนรังแกเธอยื่นมือไปจับเสื้อเขาไว้แน่น คว้ากระดุมเขามาได้โดยไม่ตั้งใจ จากนั้น เสิ่นเฉียวที่ เจ็บปวดจึงได้ดึงกระดุมของอีกฝ่ายออกมา
เพียงแต่ เจ้ากระดุมเม็ดนี้หล่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อเธอ ตั้งแต่ตอนไหน? ทำไมเธอถึงจำไม่ได้?
มองดูกระดุมที่สะท้อนแสงทองเรืองรอง เหมือน เสิ่นเฉียวจะนึกอะไรได้
ถ้าจะบอกว่าในเมื่อมีกระดุมเม็ดนี้ แล้วเธอต้องการ จะตามหาผู้ชายคนนั้น มันจะง่ายขึ้นบ้างรึเปล่า?
คิดถึงสิ่งนี้ เสิ่นเฉียวรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความหาหานเสโยวอย่างรวดเร็ว
หานเสโยวรับข้อความของเธอไม่ถึงสองนาทีก็รีบ โทรหาเธอทันที
“ว่ายังไง? มีอะไรคืบหน้าไหม?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ