บทที่35 ใครอนุญาตให้เธอใส่ร้ายเธอ
“ถ้าเธอรู้ตัวล่ะก็ ป่านนี้คงไสหัวออกไปจากตระกูลเย่ แล้ว? ไม่ดูเสียบ้างว่าพวกเธอ ตระกูลเสิ่นก็แค่ตระกูลทั่วไป คิดจะมาเกาะร่มไม้ใหญ่?” คนรับใช้เห็นเสิ่นเฉียวเงียบไป จึงเข้าใจว่าเธอกลัว จึงทำให้ยิ่งได้ใจ
เสิ่นเฉียวชายตามองต่ำ มองดูเสื้อผ้าที่เปียกนม นมยัง หยดลงพื้นติ้ง ๆ บนพื้นมีเศษแก้ว ทั้งนมและไข่ที่ผสมกัน เละเทะ
น่ากระอักกระอ่วนใจเหมือนเธอในตอนนี้
“พวกเธอทำอะไร?”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยลอยมา
สาวใช้ที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกคนอื่นอยู่เมื่อครู่ เมื่อ ได้ยินเสียงนั้นก็หน้าถอดสีแล้วก้าวถอยไปก้าวหนึ่ง
เย่หลื่นหานที่ถือกระเป๋าเอกสารมือหนึ่ง เดินเข้ามาด้วยสีหน้าสงสัย เมื่อเห็นเสิ่นเฉียวนั่งก้มหน้ามองรอยเปื้อน นมบนเสื้ออยู่ตรงนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“น้องสะใภ้?”
สาวใช้มีสีหน้าร้อนใจและไม่กล้าพูดอะไร
ทำไมวันนี้คุณชายใหญ่จึงได้ลงมาแต่เช้า? ทั้ง ๆ ที่ทุกที่ จะลงมาเจ็ดโมงเช้าแท้ๆ
ถูกคุณชายใหญ่เห็นเข้าแล้วจะทำอย่างไรดี?
“คุณชายใหญ่คะ คุณนายน้อยถือแก้วไม่ดีเอง ไม่ระวัง เลยหกใส่ตัวเอง” สาวใช้เกรงว่าเย่หลิ่นหานจะโทษเธอ จึง ได้รีบแก้ตัว
แต่ว่าเย่หลิ่นหานก็ไม่ได้สนใจเธอแต่แรกแล้ว รีบวางของ ในมือและเข้าไปดูเสิ่นเฉียว
เสิ่นเฉียวนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ เย่หลิ่นหานเดินเข้าไป
“ลุกขึ้น”
เขายื่นมือไปดึงเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียว กัดริมฝีปากล่างแน่น
ปัดมือของเขา: “พี่ใหญ่ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
เย่หลิ่นหานสังเกตเห็นว่าเสื้อเธอมีรอยเปื้อนบริเวณ หน้าอก ที่เธอไม่ยอมลุกขึ้นคงเป็นเพราะเหตุผลนี้ เย่หลี่ นหานขมวดคิ้วเล็กน้อย และไม่ได้คิดมาก เขาปลดกระดุม และถอดเสื้อสูทออก จากนั้นจึงเอามาคลุมให้เสิ่นเฉียว
“ลุกขึ้นเร็ว ไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ”
เสื้อสูทนั้นยังคงมีไออุ่น เส้นเฉียวนิ่งไปพักหนึ่ง ค่อย ๆ
เงยหน้า
เย่หลิ่นหานมีแววตาอบอุ่น มองเธอด้วยความปวดใจเล็ก
น้อย
แววตาเช่นนั้น …. เสิ่เฉียวชะงักไป จากนั้นเขาค่อย ๆ ประคองเธอลุกขึ้น
“ขอบคุณค่ะ”
ไม่ต้องเกรงใจ ไปเปลี่ยนเสื้อก่อน”
“คุณชายใหญ่…เป็นเธอที่ไม่ระวังแล้วทำหกจริง ๆ นะคะ ฉันไม่เกี่ยว!” สาวใช้ยังพยายามแก้ตัวหาข้ออ้างให้พ้นจาก ความผิดของตนเอง
ใครจะรู้ว่าเย่หลิ่นหานหันไปอย่างฉับพลันและพูดกับเธอ อย่างไม่รู้สึกรู้สา: “คราวก่อนที่คุณรังแกเธอผมเห็นกับตา ครั้งนี้คุณก็ยังทำ? คราวก่อนผมบอกคุณแล้วใช่ไหม? ถ้า คุณไม่อยากจะอยู่ที่ตระกูลเย่ คุณสามารถเก็บของแล้ว ออกไปได้เลย”
สาวใช้ได้ยินแล้วมีสีหน้าซีดเผือด: “คุณชายใหญ่ไม่เกี่ยว กับฉัน ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ”
“คุณกำลังจะบอกว่าเธอเทนมหกใส่เสื้อตัวเองอย่างนั้นเห
รอ?”
สาวใช้พยักหน้า
เย่หลื่นหานมีแววตาผิดหวัง “เธอมันเกินจะเยียวยาจริง ๆ ตอนนี้เธอช่วยไปเก็บของ จากนั้นไปรับเงินเดือนค้างรับที่ พ่อบ้านแล้วออกไปจากบ้านซะ”
“คุณชายใหญ่ ไม่นะ” สาวใช้รีบก้าวไปคว้ามือของเย่หลี่ นหาน: ได้ ต่อให้ฉันทำแล้วมันจะทำไมล่ะ? คุณชายสอง ไม่ได้ชอบเธอเสียหน่อย จะให้คนอย่างนี้อยู่ในตระกูลเย่ เพื่ออะไรกัน?”
เสิ่นเฉียวไม่เคยคิดจะผลักความรับผิดชอบไปให้สาวใช้ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะสารภาพมันออกมาเอง
เธอรู้ตัวดีว่าอยู่ตระกูลเย่ต้องถ่อมตน ดังนั้นจึงได้แต่ กล้ำกลืนฝืนทน
เธอคิดว่าขอเพียงเธอทำอะไรด้วยความรอบคอบ ก็คง สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี แต่ว่ามีบางเวลาก็มีคลื่นลม
“เธอจะอยู่ในตระกูลรึเปล่ามันไม่ใช่หน้าที่เธอตัดสิน!” สายตาของเย่หลิ่นหานเย็นชาอย่างยิ่ง “เธอก็เป็นแค่คนใช้ สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เป็นเพราะละเลย ที่จะอบรมพวกเธอรีไง ดังนั้นจึงคิดว่าสามารถจะรังแกใคร ก็ได้ตามใจ”
เย่หลิ่นหานมักจะเป็นคนอบอุ่น เป็นครั้งแรกที่เคร่งขรึม เช่นนี้ สาวใช้รู้สึกตกใจกลัว ยืนอึ้งและมองไปที่เขา: ” คุณชายใหญ่…เธอเป็นเพียง..
“เธอออกไปก่อนเถอะ” ทันใดนั้นเย่หลิ่นหานยื่นมือออก มาถูที่คิ้วตัวเองไปมา พูดด้วยแววตาซับซ้อน
สาวใช้จ้องไปที่เสิ่นเฉียว อย่างเกรี้ยวกราดก่อนเดินออก ไป
หลังจากเธอไปแล้ว เย่หลิ่นหานจึงได้หันกลับไปดูเสิ่น เฉียว: “ขอโทษนะทำให้คุณไม่ได้รับความยุติธรรมใน ตระกูลเย่ แต่ก่อนพวกเธอไม่ได้เป็นแบบนี้ ครั้งนี้ต้อง ขอโทษจริง ๆ ผมจะกำชับเรื่องนี้ให้คุณเอง”
พูดเสร็จ เย่หลิ่นหานไม่พูดกับเธออะไรอีก และจ้องมอง เธอครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นมือออกไปโอบไหล่เธอ: “มา เธอ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ”
โดยไม่รอคำตอบของเสิ่นเฉียว เย่หลิ่นหานจูงมือเธอขึ้น ไปข้างบน
ไม่มีทางเลือก เสิ่นเฉียวไม่มีแรงพอจะขัดขืนเขา บวกกับ ตอนนี้เย่หลิ่นหานช่างอ่อนโยน เธอไม่มีทางปฏิเสธได้เลย ทำได้เพียงปล่อยให้เขาจูงมือขึ้นข้างบน
เมื่อถึงมุมทางเดินชั้นบน จึงบังเอิญพบกับเย่โม่เซินที่กำลังมาทางนี้ พวกเขาพบกันขณะที่เขานั่งอยู่บนวีลแชร์ที่
วิ่งอัตโนมัติ
เสิ่นเฉียวหยุดชะงักและเบิกตาโพลง รีบดึงมีอกลับ จาก นั้นจึงรักษาระยะห่างจากเย่หลิ่นหานประมาณหนึ่ง
ไม่ใช่เพราะเธออาย
ความประทับใจที่เยโม่เซินมีต่อเธอค่อนข้างแย่มาก ถ้า หากว่าให้เขาเห็นว่าเธอกับ เย่หลิ่นหานมีการสัมผัสกัน หรือยืนคุยกัน เยโม่เซินคงจะคิดว่าเธอกำลังให้ท่าเย่หลี นหาน
เย่หลิ่นหานก็สังเกตเห็นท่าทีของเสิ่นเฉียวอย่างเห็นได้ ชัด และไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเธอดึงมือกลับเขาจึงได้รู้สึกว่าง เปล่า แต่ก็ดึงสติกลับมาโดยไว และยกมุมปาก
“โม่เซิน”
เยโม่เซินยังคงสายตาเย็นชาและหยุด: “พี่ใหญ่”
“อือ เมื่อกี้น้องสะใภ้ไม่ระวังทำเสื้อเลอะตอนอยู่ข้างล่าง พี่ให้เธอกลับมาเปลี่ยนเสื้อที่ห้อง ในเมื่อนายมาแล้ว งั้นฉันไม่ยุ่งแล้วล่ะ ไปก่อนนะ”
“ผมมีธุระ ไม่ว่าง” ใครจะรู้ว่าเย่โม่เซินจะปฏิเสธเขาอย่าง ไม่คาดคิด
เย่หลิ่นหานชะงัก “โม่เซิน?”
เยโม่เซินไม่แม้แต่จะหันมามองเสิ่นเฉียว ปล่อยให้วีลแชร์ แล่นผ่านไป
เมื่อเขากระแทกแขนเสิ่นเฉียวผ่านไป เสิ่นเฉียว หัวใจเต้น แรง เธอกัดริมฝีปากล่างและรวบรวมความกล้าพูดกับเย่โม่ เซิน: “คุณจะลงไปข้างล่างเหรอ? ชั้นช่วยเข็นนะคะ?”
อย่างไรก็ตาม เย่โม่เซินทำราวกับไม่ได้ยินที่เธอพูด
พูดให้ถูกต้องคือทำเหมือนเสิ่นเฉียวเป็นมนุษย์ล่องหนไร้
ตัวตนและจากไป
โดนมองข้ามอีกแล้ว…
เสิ่นเฉียวเก็บมือลงอย่างเงียบเชียบ จากนั้นได้แต่จับมุม เสื้อแน่นปลายนิ้วขาวซีด
“น้องสะใภ้ เย่โม่เซินเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ อย่าไป ใส่ใจเลย”
เสียงที่อ่อนโยนของเย่หลิ่นหานดังมาจากด้านหลัง เสิ่น เฉียวจึงได้สติ เธอสายหน้า: “ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่ ฉันทราบ ค่ะ”
“ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเถอะ”
“อืม พี่ใหญ่ไม่ต้องไปส่งฉันแล้วค่ะ ฉันไปเองได้ ขอบคุณ ค่ะ”
เมื่อพูดจบเสิ่นเฉียวไม่ได้รอคำตอบของเย่หลิ่นหานและ เดินไปห้องตนเอง
เมื่อเยโม่เซินขับวีลแชร์มาถึงหน้าลิฟต์ กลับปรากฏร่าง ของคนคนหนึ่งช่วยเขากดลิฟต์
“คุณชายสอง”
ลิฟต์นี้ถูกติดตั้งเพื่อเย่โม่เซินโดยเฉพาะเพราะเขา เคลื่อนไหวลำบาก แต่เมื่อมีลิฟต์แล้วทุกอย่างก็ไม่เหมือน เดิม มันสะดวกขึ้นมาก
คนที่โผล่มาก็คือสาวใช้ที่รังแกเสิ่นเฉียวเมื่อครู่ เธอเข็น เย่โม่เซินเข้าลิฟต์แล้วจึงเริ่มพูด “คุณชายสอง ฉันเจ็บปวด ใจแทนคุณจริงๆ ค่ะ คุณคงไม่ทราบ…เมื่อครู่ดิฉันเห็น คุณนายน้อย กอดกับคุณชายใหญ่โดยบังเอิญ คุณชาย ใหญ่ ไม่สนใจหล่อน แต่ คุณนายน้อยก็ยังจะยั่วเขา อีกทั้ง ยังแกล้งทำนมหกใส่เสื้อตัวเอง แล้วก็หายไป..”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ แววตาของเย่โม่เซินก็ทวีความโหดเหี้ยม หรี่ตาอันตราย
คิดขึ้นมาได้ว่าตนกระแทกแขน เธอสวมทับเสื้อสูทของเย่
หลิ่นหาน อยู่
เหอะ ยายผู้หญิงสมควรตายคนนั้น
ในที่สุดก็มีโอกาสยั่วผู้ชายแล้วสินะ?
“คุณชายสอง คุณนายน้อยเธอเกินไปจริง ๆ นะคะ จู่ๆก็สวมเขาให้คุณอย่างโจ่งแจ้ง เธอ…
“ไสหัวไป”
จู่ๆ เยโม่เซินก็พูดขึ้นมา
“อะไรนะ?” สาวใช้ไม่เข้าใจ คิดว่าเธอได้ยินผิดไป
“ลืมกฎของตระกูลเย่ไปแล้วรึไง? ฉันอนุญาตให้เธอเข้า ใกล้ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่? ไสหัวไป!”
เยโม่เซินระเบิดออร่าที่เย็นชาและทรงพลัง: “ยังมีอีก ทำไมเธอถึงกล้าใส่ร้ายป้ายสีเจ้านายเธอลับหลัง”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ