บทที่19 ใจคนน่ากลัวที่สุด
เย่โม่เซินเจ็บขึ้นมา เขาหดลิ้นตัวเองกลับไป
“ดูเหมือนว่าคุณนายเย่จะไม่ใช่แค่เห่าเป็นเท่านั้น ยังชอบ กัดคนอีกด้วย”
เย่โม่เซินยิ้มเยาะขณะที่ยื่นมือออกปาดรอยยิ้มบนริม ฝีปากนั้น ที่จริงแล้วเขาเกิดมาหน้าตาหล่อเหลา เวลาปกติ ก็มักจะทำหน้าเฉยๆ พอยิ้มขึ้นมาแล้วมันช่างน่ามองเป็น อย่างมาก แต่ว่าตอนนี้รอยยิ้มของเขากลับเป็นยิ้มแห่ง ความกระหายเลือด เหมือนสิงโตที่หิวกระหาย ยิ่งไปกว่า นั้นด้วยริมฝีปากสีแดงสด ยิ่งทำให้หน้าตาของเย่โม่เซินนั้น ยิ่งงดงามปนชั่วร้ายมากขึ้นไปอีก
เสิ่นเฉียวในที่สุดก็พบช่องโหว่ที่จะผลักเขาออกไป ร่าง เล็กหดตัวเข้าไปในมุม
“เย่โม่เซิน คุณคิดอะไรอยู่กันแน่ คุณอย่าลืมนะว่าคุณกับ ผมมีข้อตกลงกันอยู่ คุณไม่ให้ผมสัมผัสตัวคุณใช่มั้ย ถ้า อย่างนั้นคุณเพิ่งทำอะไรลงไปล่ะ”
เยโม่เซินไม่พูด สายตามองเธออย่างเยือกเย็น
เสิ่นเฉียวดึงคอเสื้อตัวเองออก กัดริมฝีปากและมองเขา อย่างดื้อรั้น
ยิ่งเธอเป็นเช่นนี้ เย่โม่เซินยิ่งคิดอยากจะลงมือกับเธอ ก็ แค่ผู้หญิงสองตัวคนหนึ่งเท่านั้น แล้วยังท้องลูกนอกสมรส อยู่อีก ทำไมเขาจะต้องเมตตาปรานีกับผู้หญิงอย่างนี้ด้วย
หลังจากที่เขาได้ยินว่าชีวิตเธอตกอยู่ในอันตราย เขาก็ได้ ให้ยกเลิกการทำแท้ง และเอาตัวเธอกลับมา
เย่โม่เซิน แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !
เขาสบสายตากับเธออยู่พักหนึ่ง เย่โม่เซินหยอดไปอีก ประโยค “อ้อ แล้วถ้าหากว่าผมอยากจะสนุกแล้วละก็ ผมเย่ โม่เชินชอบสนุกกับผู้หญิงที่สะอาดสะอ้านเท่านั้นแหละ”
พอพูดจบ เย่โม่เซินก็หมุนล้อรถเข็นตัวเองออกไปจาก
ห้อง
ในห้องเงียบสงบลงอีกครั้ง เสิ่นเฉียวกุมท้องตัวเองและ หย่อนตัวนั่งลง เธอหมดแรงที่จะทลายกำแพงน้ำแข็งนั้น เธอกอดเข่าตัวเองและร้องไห้ออกมาเบาๆ
เยโม่เซินที่อยู่นอกประตูได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาหยุดการกระทำอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะหัวเราะเยาะอย่าง เหยียดหยาม
สองวันหลังจากนั้น มุมมองของเสิ่นเฉียวที่มีต่อเยโม่เซิน ยังคงเห็นว่าเขาโหดร้าย ไร้อารมณ์ความรู้สึก เลือดเย็น
ถึงแม้ว่าวันนั้นจะทะเลาะกันอย่างรุนแรง แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ พูดถึงเรื่องที่จะไล่เธอออกไปจากตระกูลเย่
แต่ว่าเสิ่นเฉียวก็ยังหวาดระแวงอยู่ เพราะว่าเธอยังคง ต้องไปเป็นผู้ช่วยเขาที่บริษัทอยู่ดี
และเยโม่เซินก็ยังคงทำให้เธอลำบากใจ
ทุกครั้งที่เสิ่นเฉียวคิดหาวิธีแก้ปัญหาได้ เธอกลับยังไม่ฉลาดพอ แต่เธอก็มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก มีจิตใจ ที่มุ่งมั่น ดังนั้นไม่ว่าเย่โม่เซินจะทำให้เธอขายหน้าอย่างไร ก็ตาม เธอก็กัดฟันยืนหยัดต่อไป
วันนี้นายท่านของตระกูลเย่เรียกเธอไปหาที่ห้องหนังสือ เธอยืนอยู่ตรงหน้านายท่านเย่ เสิ่นเฉียวรู้สึกกลัวอยู่ในใจ
“ช่วงนี้ไปเป็นผู้ช่วยของโม่เซิน ทำงานแล้วเป็นยังไงบ้าง”
พอได้ฟัง เสิ่นเฉียวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ อย่างเชื่อฟัง “ก็ดีค่ะ”
นายท่านเย่เลิกคิ้วขึ้น เขาหรี่ตาแคบลง “อะไรคือก็ดีล่ะ เธอได้รับความไว้วางใจจากเขารึเปล่า”
เสิ่นเฉียวไม่เข้าใจดังนั้นเธอเลยพูดออกไป “คะ ? ”
“เธอคิดว่าตำแหน่งผู้ช่วยนี่ใครก็สามารถมาเป็นได้อย่าง นั้นรึไง เสิ่นโย่ว ปู่และพ่อแม่ของเธอรู้จักกันมานานแล้ว ได้ชมว่าเธอเฉลียวฉลาดหลักแหลม เธอน่าจะเข้าใจความ หมายของปู่นะ”
เสิ่นเฉียวใจเต้นรัว เธอถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“เอ่อ นายท่าน คุณปู่หมายความว่า..
“โม่เซินมีปัญหาเรื่องขา นั่นทำให้เขาอารมณ์ค่อนข้าง แปรปรวน ดังนั้นเขาจึงโมโหร้ายเป็นพิเศษ ทำตัวไม่ค่อย ปกติเท่าไหร่นัก บริษัทตระกูลเย่เป็นตระกูลใหญ่ ไม่ สามารถย่อยยับลงในมือเขา สิ่งที่เธอต้องทำ ก็คือต้อง คอยปกป้องไม่ให้เขาทำเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท ตระกูลเย่ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว รู้เรื่องอะไรไม่ มาก ดังนั้นตารางประจำวันของเขาในวันข้างหน้า เธอต้อง คอยรายงานให้ปร้อยู่ตลอดเวลา”
เสิ่นเฉียวถึงแม้จะไม่ได้ฉลาด แต่ว่าเธอก็ไม่ได้โง่
คำพูดของนายท่านเย่ เธอฟังเข้าใจ เธอจึงเผลอตอบกลับ ไปโดยไม่รู้ตัว “นายท่าน ให้ฉัน…คอยจับตาดูเขาหรือคะ”
“เหลวไหล ! ”
จับตาดูคำนั้นทำให้นายท่านเยถึงกับโมโห เขาโกรธมาก จนหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะออกแรงกระแทกลงอย่างแรงไปทางเสิ่นเฉียว
เสิ่นเฉียวตกใจจนเบิกตาโต สายตาจ้องไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ที่ เคลื่อนเข้ามาทางตัวเอง
ระหว่างนั้น เงาร่างหนึ่งก็เข้ามาในห้องหนังสือ ทำเอาเสิ่น เฉียวยืนไม่ติดกับที่
ปัง !
ที่เขี่ยบุหรี่เพิ่งจะชนเข้ากับที่ที่เสิ่นเฉียวยืน มันแตกออก
เป็นเสี่ยง
เสียงดังมาก ทำเอาเสิ่นเฉียวใจสั่น
เสิ่นเฉียวเบิกตาโต เธอจ้องมองนายท่านเย่อย่างไม่อยาก จะเชื่อ
ทำอะไรไม่ดูหน้าดูหลัง อาจจะโดนดีได้
คำพูดนี้ น่าจะหมายถึงนายท่านเอาตัวเขาเองมากกว่ามั้ง
“คุณปู่ น้องสะใภ้พูดจาตรงไปตรงมา เธอแค่เข้าใจความ หมายของคุณปู่ผิดไปนะ”
เสิ่นเฉียวถึงได้พบว่า คนที่เพิ่งจะดึงตัวเธอออกจากที่นั่นก็
คือเย่หลิ่นหาน
“น้องสะใภ้ พี่กับคุณปู่ก็แค่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของโม่ เซิน ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาที่จะ จัดการบริหารบริษัทในเครือที่ใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวเอง ยิ่ง ไปกว่านั้นนิสัยของเขาหลายวันมานี้เธอก็คงจะพอสัมผัส ได้ด้วยตัวเองแล้วบ้าง เขาเป็นคนดื้อรั้น ที่คุณปู่พูดกับเธอ เรื่องพวกนี้ในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อให้เธอคอยสอดส่องจับตาดู โม่เซิน เพราะว่าต่อให้ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร บริษัท ตระกูลเย่ทั้งหมดก็ต้องตกเป็นของเขา ที่พวกเราต้องทำก็ คือ ช่วยเขา”
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่าง เธอไม่พูดอะไรทั้งนั้น
นายท่านเย่คำรามเสียงด้วยความโมโหก่อนจะพูดขึ้น “คิด ว่าลูกสาวของตระกูลเสิ่นจะฉลาด ไม่คิดเลยแม้แต่คำว่า คอยจับตาดูยังพูดออกมาได้ ถ้าหลุดออกไปชื่อเสียงของปู่ เยปิ่งจะยังเหลืออยู่ไหม แต่งงานกับสะใภ้แบบนี้นะเรอะ”
“คุณปู่ อย่าเพิ่งโกรธค่ะ หนูจะพูดกับเธอดีๆก่อน”
พอพูดจบ เย่หลิ่นหานก็ลากเสิ่นเฉียวออกจากห้อง หนังสือ
เสิ่นเฉียวยังคงตกอกตกใจไปกับฉากเมื่อสักครู่อยู่ ตอน นี้ก็ยังตั้งสติไม่ได้ เธอเดินตามหลังเย่หลิ่นหานไป ไม่พูด อะไรสักคำ
พอถึงสถานที่อันเงียบสงบ ฝีเท้าของเย่หลิ่นหานก็หยุด ลง เธอหันมาขมวดคิ้วและจ้องเธออย่างอบอุ่น
“น้องสะใภ้ เมื่อสักครู่ทำเอาเธอตกใจรึเปล่า เจ็บตรงไห
นรึเปล่า”
พูดพลาง เย่หลิ่นหานก็เดินขึ้นหน้าเพื่อที่จะจับไหล่เธอไว้
เสิ่นเฉียวกลับตอบโต้ด้วยการล่าถอยหลังไปหนึ่งก้าว
มือของเย่หลิ่นหานนั้นว่างเปล่า ลอยเท้งเต้งอยู่กลาง อากาศอยู่เป็นเวลานานด้วยความเคอะเขิน เสิ่นเฉียวเผยอ ริมฝีปากเปิดออก พร้อมกับหลับตาพริ้ม “ขอโทษค่ะ…”
เย่หลิ่นหานเผยรอยยิ้มออกมา และเก็บมือกลับเข้าไป
ไม่เป็นไร เรื่องวันนี้เธอไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ คุณปู่ ไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่นใด ระหว่างท่านและโม่เชิ นมีช่องว่างระหว่างกัน มีเรื่องมากมายที่ท่านไม่สามารถ สอบถามกับโม่เซินเองตรงๆได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยเธอ สื่อสารในนามของท่าน ให้ฉันพูดยังไงดี เธอจะเข้าใจไหม”
เสิ่นเฉียวพยักหน้า
“ดูเหมือนที่ฉันพูด เธออาจจะยังฟังแล้วไม่เข้าใจนัก แต่ ว่าตอนนี้เธออาจจะยังสับสนอยู่ เธอกลับไปก่อนเถอะ ไว้ เธอเข้าใจแล้ว ก็จะเข้าใจเองว่าคุณปู่ท่านหวังดีต่อโม่เซิน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปนะ” เสิ่นเฉียวหันกายเดินจากไป
เดินไปนานแล้ว เสิ่นเฉียวก็ยังรู้สึกได้ว่าสายตาของเย่หลี่ นหานยังคงจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของเธอ
จนกระทั่งถึงมุม ความรู้สึกที่เย็นวาบที่ด้านหลังก็หายไป
เสิ่นเฉียวหยุดฝีเท้า ก้มลงจ้องมองพื้นและครุ่นคิด
ไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังตระกูลเย่จะลึกซึ้งอย่างนี้ เธอไม่ใช่ คนโง่ เธอรู้ว่าความหมายในคำพูดพวกนั้นของนายท่านเย่ คืออะไร
พูดไปพูดมาก็คืออยากให้เธอคอยจับตาดูเย่โม่เซิน โดย อ้างว่าเป็นห่วงเขาเอามาบังหน้า
อีกอย่างเย่หลิ่นหานนั่น ใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนอยู่เสมอ ทำให้คิดไปว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษผู้ช่างสุภาพและอ่อนโยน แต่ที่ไหนเขากับนายท่านเย่ก็มาแบบเดียวกัน แล้วยังมาทำ เป็นพูดจามีเกียรติดูดีกับเธออีก
เสิ่นเฉียวอยู่ๆก็รู้สึกเย็นสะท้านไปทั้งร่าง
ที่แท้แล้ว คน..รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ
ก็เหมือนกับหลินเจียงเมื่อก่อนนี้
บอกเสมอว่าเธอเป็นคนเย็นชา ให้เธอยกโทษให้เขา แต่ ว่ามีอยู่วันหนึ่ง กลับพาชู้มาแล้วไล่เธอออกจากบ้าน..
สองปี ซ่อนเอาไว้มิดชิดอยู่สองปี
ใจคน เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดแล้วบนโลกใบนี้
อยู่ๆ เสิ่นเฉียวก็ไม่รู้สึกเกลียดเย่โม่เซินขนาดนั้นอีกต่อไป
แล้ว
เพราะว่า เขาเองก็เหมือนกับเธอ ถูกคนในครอบครัวตัว เองหักหลัง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ