บทที่162 นี่เป็นเรื่องอื้อฉาว
เที่ยงคืน
เสิ่นเฉียวเปิดผ้าห่มออกมา ออกจากห้องด้วยเท้าเปล่า แล้วไปที่ ห้องหนังสือ เอาสัญญาและบัตรธนาคารที่เย่โม่เซ็นโยนทิ้งในถัง ขยะออกมา หยิบมาไว้ในมือแล้วเธออดไม่ได้ร้องไห้ออกมา
เย่โม่เซินไอ้คนเลว
เธอเอาของพวกนี้กลับมา เขากลับมองก็ไม่มองสักตาทิ้งไป อย่างเดียวเลย
ตอนแรกตอนที่เขาเอาของพวกนี้ส่งให้เธอ สนใจสักนิดก็ไม่มี
ที่แท้ของพวกนี้ก็เป็นของเขา ไม่ต้องการก็ไม่ต้องการแล้ว
เสิ่นเฉียวเห็นท่าทางที่เยือกเย็นของเขา ในใจก็ทนไม่ไหวที่จะ เสียใจ
ห้องหนังสือที่มืดมน มีเสียงสะอื้นที่หดหู่ดังขึ้น
สักพัก เสิ่นเฉียวถึงเช็ดน้ำตาตัวเองให้แห้ง แล้วเอาสัญญากับ บัตรธนาคารเก็บแล้วกลับไปที่ห้อง นอนลงเหมือนไม่มีอะไรเกิด ขึ้น
ในวันที่สองเธอหาเวลาไปห้างเพื่อไปหาพี่จิง
“พี่จิง ห้างสรรพสินค้านี้ของพวกเรามีมูลค่าประมาณเท่าไหร่? ”
พี่จิงหลี่ตามองที่เธอ ” ทำไมอยู่ดีๆ คุณถึงถามเรื่องนี้? ”
ฉันก็แค่อยากรู้มูลค่าของห้าง พี่จิงบอกกันหน่อยได้ไหม? ” “
“ห้างใหญ่ขนาดนี้ คุณก็เห็นแล้ว กำไรเดือนหนึ่งก็เป็นหมื่นล้าน บาท นั่นเป็นช่วงนอกฤดู คุณคิดว่ามูลค่าของห้างสรรพสินค้านี้ เท่าไหร่ล่ะ? ”
ที่พูดคือ เสิ่นเฉียวไม่สามารถประเมินราคาของห้างสรรพสินค้า นี้ได้
ดูแล้วตอนนี้เธอไม่มีทางที่จะซื้อได้แล้ว เจิ่นเฉียวกัดริมฝีปาก ล่าง เริ่มคิดหาวิธีจัดการกับมัน
และพี่จิงก็ไม่ได้บอกว่าเธอคิดอะไรอยู่ : “คุณคงไม่ได้คิดจะ เสียเงินซื้อห้างสรรพสินค้าหรอกนะ? ” ได้ยินว่า เสิ่นเฉียวรอยยิ้มบนริมฝีปากเก้อเขินเล็กน้อย : “น่า ตลกมากใช่ไหม? ฉันก็ไม่รู้…..ฉันทําไมถึงมีความคิดแบบนี้
“ไม่” พี่จิงก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางพูดว่า “คำพูดแบบนี้คุณ เป็นผู้หญิงที่มีความคิดมาก ไม่ใช่แค่คิดจะพึ่งโม่เซินอย่างเดียว ฉันสนับสนุนคุณ”
เสิ่นเฉียวดวงตาที่เศร้าหมองก็เริ่มสว่างขึ้น เงยหน้ามองเธอ อย่างมีความสุข
“พี่สนับสนุนฉันจริงๆ หรอ? แต่ว่า …. คุณก็พูดแล้วห้างสรรพ สินค้านี้ประเมินค่าไม่ได้ ฉัน…ฉันซื้อไม่ไหวอยู่แล้ว”
ฉันคิดว่าคุณไม่จําเป็นต้องซื้อเลย เด็กโง่ คุณสามารถนับ เปอร์เซ็นต์ของก๋าไรครั้งต่อไปได้กี่เปอร์เซ็นต์ แล้วคืนให้เย่ไม่ เซินไง ที่เหลือคุณได้เท่าไหร่ คุณคิดว่าจัดการห้างสรรพสินค้า มันง่ายขนาดนั้นหรอ? แรง คุณเสียไปก็ต้องได้รับการตอบแทน อีกอย่างเย่โม่เซินก็ไม่ได้สูญเสีย
พูดถึงนี่ พี่จิงได้แต่ถอนหายใจในใจ
ก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเย่โม่เซินกับเสิ่นเฉียวสองคนนี้เป็น ยังไง? เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเฉียวเสียใจมากเมื่อเขาเอาของไป อีก อย่างก็คิดกับเขาชัดเจนมาโดยตลอด ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ งั้น สําหรับเย่โม่เซินก็ซวยแล้วหล่ะ แต่แค่ตอนนี้เธอไม่มีโอกาสเจอเย่โม่เซิน ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร
“จริงหรอ? ” เสิ่นเฉียวแปลกใจ
“แน่นอน แต่ว่าคุณต้องให้ห้างสรรพสินค้ากำไรดีขึ้นมาก่อนถึง ะดี คิดหาวิธีเถอะ”
เสิ่นเฉียวทันใดนั้นก็มีแรงจูงใจ พยักหน้า : “โอเค!”
หลังจากนั้นเสิ่นเฉียวเซ็นต์รายการจ่ายเงินเดือน แล้วกลับไป บริษัทตั้งใจทำงาน เวลากินข้าวหรือเวลาพักผ่อนก็เรียนว่าจะทำ ธุรกิจยังไง เธอซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจากร้านหนังสือ เป็นพิเศษ
ทุกวันเวลาที่นอกจากทํางานกับพักผ่อน เธอก็เรียนรู้
พูดได้ว่าหัวยัดอะไรเข้าไปก็ไม่ออกมาแล้ว
ด้วยสิ่งเหล่านี้เป็นแรงจูงใจในการก้าวไปข้างหน้า เสิ่นเฉียวพึ่ง รู้ว่าเวลาที่คิดเรื่องไร้สาระน้อยลงแล้ว เมื่อก่อนเธอเข้าไปพัวพัน กับเย่หลินหานเรื่องนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่โม่เซิน ยุ่งเหยิงวุ่นวาย
แต่ว่าหลังจากเธอมีเรื่องสำคัญมากกว่าที่ต้องทำแล้ว เธอพึ่งรู้ ว่าเรื่องเหล่านี้หยุดเธอไม่ได้
แค่เพียงเวลาว่าง หรือในเวลาค่ำคืนที่เงียบสงัด เสิ่นเฉียวถึงจะ คิดถึงเรื่องที่ปัญหาที่ยุ่งเหยิง
แต่ว่า…เธอไม่รู้ว่าจะแก้ไขยังไง ได้แค่ผ่านไปวันแล้ววันเล่า
แต่หานเสโยว แต่มันเหมือนทําอะไรผิดจริงๆ เอาของขวัญมา ให้เธอทุกวัน นี่แค่สัปดาห์กว่า ๆ เธอก็รับของขวัญจากหานเส่โย วหลายอย่าง
จนถึงตอนนี้ หานเส่โถวก็เอาของส่งให้เธอถึงหน้าประตู เสิ่น เฉียวความจริงทนไม่ไหวอีกแล้ว
“เส่โยว ช่วงหลังๆ มาเป็นอะไรขึ้น ชอบส่งของมาให้ฉัน”
หานเส่โยวฟังแล้ว โบกมืออย่างเก้อเขิน : “ก่อนหน้านี้ฉันไม่ใช่ เคยอธิบายแล้วหรอ? ฉันเอาติดมือมาให้เธอ เธอดู—— ฉันเอง ก็มีอันนึง พวกเราก็เป็นเพื่อนสนิทที่ดีต่อกันนี่ พวกเราใช้ของ เหมือนไม่ได้หรอ? ”
“นี่ไม่ใช่ดีไม่ดี แต่ว่าของพวกนี้แพงเกินไปแล้ว เธอไม่จําเป็น ต้องซื้อมาให้ฉันทุกแบบ คราวหลังอย่าให้ฉันอีก”
แล้วหานเส่โยวก็ไม่พูดอะไรแล้ว เสิ่นเฉียวเงียบไปสักพักแล้ว ถามเธอ : “เส่โยว เธอรู้สึกผิดต่อฉันใช่ไหม? ”
คำพูดนี้ทำให้หานเส่โยวเงยหน้าขึ้นมองเธอเหมือนนกที่ตกใจ น้ำเสียงรีบร้อน : “เฉียว เฉียวเฉียว เธอคิดแบบนี้ได้ยังไง? ”
ถ้าหากเธอรู้สึกผิดต่อฉัน เธอทำไมต้องให้ของฉันบ่อยๆ ? ที่ “ จริง…. ” เธอหยุดไปสักพัก “ถ้าหากเพราะเรื่องนั้น เธอไม่ต้องมา รู้สึกผิดกับฉัน เพราะว่า ฉันคิดไม่ถึง” …เพราะจุดจบมันก็เป็นอะไรที่เธอกับ
ก่อนจะเริ่มสำรวจ เสิ่นเฉียวไม่ได้คิดว่าคนนี้จะเป็นเย่หลิ่นหาน
ถึงแม้ถึงตอนนี้เธอยังไม่เชื่อ
หานเส่โยวเงยหน้ามองเธอ
เฉียวเฉียว เธอไม่เชื่อฉันใช่ไหม?
ได้ยินแล้ว เสิ่นเฉียวหยุดไปสักพัก แล้วส่ายหน้า : “ฉันเชื่อเธอ แต่ว่า….ในใจฉันรับไม่ได้แล้ว”
หานเส่โยวมองเธอย่างจดจ้อง “งั้น……..เธอชอบเย่ไม่เซ็นแล้วหรอ? ”
เธอชอบเยโมเงินแล้วหรอ? ชอบไหม? ถ้าเป็นเมื่อก่อน เสื่น เฉียวสามารถที่ตอบอย่างแน่ใจ ว่าไม่ชอบ
แต่ตอนนี้……เธอเองก็ยุ่งเหยิง
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวยิ้มอย่างเย็นชา : “ไม่ชอบ”
แค่หานเส่โยวการแสดงออกด้านล่างของดวงตาจมลงเล็กน้อย เฉียวเฉียว เธอเปลี่ยนไปแล้ว
“เปลี่ยนแล้ว? ”
“ปัญหาแบบนี้ฉันก็เคยถามเธอแล้ว ตอนนั้นคำตอบของเธอเด็ด ขาดมาก ไม่เหมือนตอนนี้ที่ลังเลขนาดนี้”
เสิ่นเฉียว : “.. ใช่หรอ? ”
เธอเองก็ไม่รู้เรื่องนี้
ก็ลืมแล้ว…….
หายเส่โยวละสายตาลง ฉันไม่รู้ว่าทำไมอารมณ์ของฉันถึงต่ำ ลง หลังจากนั้นไม่นานสายตาของเธอก็สบกับเสิ่นเฉียว
งั้นเธอ… “ คิดจะพูดเรื่องนี้กับเย่หลิ่มหานให้ชัดเจน? ”
เสิ่นเฉียวไม่มีทางที่จะสนใจความสนใจหานเส่โยว เพราะใจ เธอเองก็ยุ่งเหยิง
“ตอนนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ว่า……ฉันว่าเขาไม่สามารถรับได้ อีก อย่าง เมื่อพูดถึงเรื่องนี้”
แล้วเป็นยังไง? ” หานเส่โยวตื่นเต้นขึ้นมา : “ไม่ว่าเขาจะน่า ” เกลียดแค่ไหนในคืนนั้นเขาก็เป็นผู้ชายของคุณ เป็นพ่อของลูก ในท้องของเธอ! งั้นเธอจะไม่หาพ่อของลูกที่ทำให้เขาเกิดมา หรอ? หรือว่าเธอชอบเย่ไม่เซิน? เธออยากให้เย่ไม่เซินที่เป็นลุง มาเป็นพ่อของเด็ก”
คำพูดพวกนี้ทำให้เสิ่นเฉียวสะเทือนใจ
เธอมองที่หายเสโยวอย่างว่างเปล่า รู้สึกว่าเธอเป็นหัวหน้าของ ตัวเอง
ใช่สิ เธอจะให้เย่โม่เซินมายอมรับลูกในท้องของตัวเองได้ยัง
ไง?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ