บทที่156 โดนเมินถึงที่สุด
เย่หลิ่มหานจ้องมองไปที่เสิ่นเฉียว แววตาแฝงไปด้วยความอ่อนโยน และมีรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้น เขาอดไม่ได้ที่จะกดไลค์ให้ เธออยู่ภายในใจ
ยัยผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่หมดหนทางสู้เหมือนอย่างที่เขาคิด
เขาพูดขึ้นมาในจังหวะนั้น “หัวหน้าซู คุณพูดอย่างเต็มปากว่าเธอ ไม่มีความสามารถเพียงพอ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่โอกาสที่จะให้เธอ อธิบายคุณยังไม่มีให้เลย ถ้าฉันไม่รอบคอบเหมือนคุณล่ะก็คงจะ สงสัยในความสามารถของคุณว่าเป็นยังไง?”
ร่างกายของสวี่เลี่ยวเริ่มสั่นขึ้นมา รองประธานเย่พูดเช่นนี้แล้ว เขา ควรจะทํายังไงดี?
สวีเลี่ยวหันไปมองที่เย่ไม่เซิน
เย่โม่เซินจ้องมองเสิ่นเฉียวอย่างเย็นชา เธอยังคงปริ้นเอกสารอยู่ ตรงนั้น ทําทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน สีหน้านิ่งเฉย
สายตาของเย่โม่เซินเหลือบไปมองเย่หลิ่นหานอย่างไม่รู้สึกตัว มอง เห็นเขายิ้มแล้วกำลังจ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น อยู่ๆก็มีไฟในใจลุก โชนขึ้นมา จากนั้นยิ้มอย่างเย็นชา “โดนลดตำแหน่งวันแรกก็ฉลาดใน เรื่องหยุมหยิมเลยนะ ทั้งทั้งที่มีโอกาสจะอธิบายแต่กลับ เล่นลิ้น ปริ้นเอกสารออกมาไม่ใช้เวลารีไง? เพราะพวกคุณทําผิด พลาด ตอนนี้เสียเวลาไปห้านาทีแล้ว”
“ไม่เซิน นี่มันก็เป็นเรื่องที่กะทันหัน คุณ…..
อย่าถือสาเลย คำพูดนี้ยังไม่ทันได้พูดออกมาก็โดนเย่โม่เซินพูด แทรก
“หักโบนัสในไตรมาสแรก”
แววตาของเย่โม่เซินเย็นชาและไร้ความรู้สึก เขาจ้องมองไปที่เสิ่น เฉียวและสวี่เดี่ยว
บริษัทตระกูลเย่ไม่ต้องการคนที่ฉลาดในเรื่องหยุมหยิมแล้วสรรหา วิธีการต่างๆมาแสดงต่อหน้าฉัน ถ้ายังมีอีกจะไล่ออกไปจากบริษัท ตระกูลเย่”
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาที่แสนเย็นชาของเย่โม่เซ็นแล้วสวี่เลี่ยว ไม่อาจจะยืดเอวของเขาให้ตรงได้ อีกทั้งคำพูดที่บีบคั้นเขาเหล่านั้น ทําให้เขามีเหงื่อแตกออกมาเต็มตัว
ตั้งแต่ที่เสิ่นเฉียวแต่งงานกับเขา เขามีท่าทีและอารมณ์เช่นนี้บ่อยๆ กับเธอ ตอนนี้เธอรู้สึกเคยชินกับมันไปแล้ว ดังนั้นถ้าเทียบกับใบหน้า ที่ขาวซีดของสวี่เลี่ยวแล้วเธอดูนิ่งเฉยกว่ามาก
ในจังหวะที่พูดอยู่ เธอก็ปริ้นเอกสารจนเรียบร้อย จากนั้นเธอเอา เอกสารใส่เข้าไปในแฟ้มเอกสารแล้วแจกให้กับทุกคนคนละหนึ่งชุด
“ตอนนี้เอกสารที่อยู่ในมือของพวกคุณก็คือเอกสารที่ฉันจัดเรียง หัวข้อออกมา เชิญพวกคุณลองเปิดอ่านดู”
ถึงแม้ว่าเสิ่นเฉียวจะไม่เข้าใจว่าทำไมพนักงานธรรมดาทั่วไปถึงต้อง เป็นคนมาจัดการเอกสารที่สำคัญขนาดนี้ แต่….เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะ ถาม!
หรือบางที นี่อาจจะเป็นแผนกลั่นแกล้งอย่างหนึ่งที่เย่โม่เซ็นตั้งใจ ทําให้เธอต้องเจอความอยากลําบาก!
ดังนั้นการประชุมในครั้งนี้ถูกกินเวลาไปสิบนาทีในช่วงเริ่มแรก ใน ภายหลังการประชุมได้ดำเนินต่ออย่างราบรื่น ราวกับว่าเสิ่นเฉียว เคยชินกับสมัยก่อน หลังจากจัดการเอกสารเสร็จเธอจึงไปชงกาแฟ ให้กับทุกคน จัดการทั้งหมดได้อย่างช่ำชอง
หลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันออกไป เสิ่น เฉียวไม่รีบที่จะเดินออกจากห้อง
สวี่เลี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “คุณเดินออกมากับฉัน!”
เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร เธอจ้องมองผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็น
ถึงแม้จะโดนลดตำแหน่งแล้ว แต่เธอก็ยังอยากจะอธิบายกับเขา คำพูดในวันนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจพูดจริงๆ!
“เด็กใหม่ คุณได้ยินมั้ย?” น้ำเสียงข่มขู่ของสวี่เคี่ยวดังอยู่ข้างหู เสิ่น เฉียวค่อยๆดึงสติกลับมาแล้วพบว่าเขาเดินเข้ามาอยู่ใกล้ๆตัวเธอ เธอ รู้สึกขัดใจอยู่ลึกๆแล้วถอยออกไปข้างๆหลายก้าว “หัวหน้า คุณกลับ ไปก่อนเถอะ ฉันมีธุระนิดหน่อย”
สวี่เลี่ยวได้ยินจึงพูด “คุณคิดจะทำอะไร? คิดจะอยู่ต่อเพื่อฟ้องเรื่อง ของฉันหรอ?”
เมื่อฟังจบ เสิ่นเฉียวรู้สึกเอือมระอา “ฉันไม่ทำเรื่องตกต่ำแบบนั้น หรอก ฉันอยู่ต่อเพราะเรื่องส่วนตัวของฉัน”
เรื่องส่วนตัว? สวี่เกี่ยวกัดฟัน “เวลาทำงานห้ามพูดเรื่องส่วนตัว ตอน นี้คุณเป็นคนของแผนกฉัน ต้องฟังคำสั่งของฉัน”
เมื่อพูดจบ เขาใช้แรงดึงมือของเสิ่นเฉียว เมื่อสัมผัสแขนของเสิ่น เฉียว เขากลับรู้สึกว่าผิวที่แขนของเธอช่างนุ่มและบอกบางราวกับ เด็กทารก เขาอึ้งไปสักพัก จากนั้นสายตาของเขาจ้องมองไปที่เธอ อย่างไม่รู้สึกตัว
ปล่อยฉันนะ!” เสิ่นเฉียวออกแรงสะบัดมือของเขา เมื่อตะกี้สวี่เดี่ยว สัมผัสโดนผิวอันนุ่มนวลของเธอ เขาไอเบาๆออกมาหนึ่งที “ โอเค งั้น ฉันออกไปรอคุณข้างนอก คุณไวๆหน่อยละกัน”
เมื่อพูดจบสวี่เคี่ยวจึงเดินออกไปจากห้อง เงินเฉียวรอให้คนออกไปจากห้องพอสมควรแล้วจึงเดินตรงเข้าไป หาเย่ไม่เซิน
“อัน…องเมื่อคืน… ” เสิ่นเฉียวพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
โทรศัพท์มือถือของเยโม่เซ็นดังขึ้นมาในจังหวะนั้นพอดี เขารับ โทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่เย็นชา “มีธุระอะไร?”
เสิ่นเฉียวจ้องมองเขาที่กำลังรับโทรศัพท์ เธอหยุดคำพูดที่ต้องการ จะพูด
จากนั้นเธอมองเห็นเขาพยักหน้าแล้วพูดว่าโอเค หลังจากที่วางสาย โทรศัพท์แล้วเขาจึงพูดกับเซียวซู่ “ไปกันเถอะ”
เซียวซู่จ้องมองเสิ่นเฉียวด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ เขาส่งสายตาให้ เธอบางอย่าง จากนั้นจึงเข็นเย่โม่เซินออกไป
ตั้งแต่แรกจนจบ เขาไม่ได้มองหน้าเธออีก
เสิ่นเฉียวที่มาหาเขาเพราะมีเรื่องจะพูด ราวกับเป็นตัวตลกอย่างไร อย่างนั้น
โดนเมินหน้าจนถึงที่สุด
เสิ่นเฉียวยืนนิ่งอยู่กับที่ มือของเธอกำแน่น คลายออก กำแน่นอีก ครั้ง จากนั้นคลายออกอีกครั้ง…กำแน่นอีกครั้ง ” น้องสะใภ้
นํ้าเสียงที่อ่อนโยนดังมาจากด้านหลังของเธอ เสินเจียวหันหลังไป มองเห็นเย่หลิ่มหาน
เขายังไม่ได้เดินออกไป?
เสิ่นเฉียวที่จดจ่อแต่เย่โม่เซิน ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเย่หลิ่นหานยัง อยู่ในห้อง
เย่หลิ่มหานมองเห็นความผิดปกติภายในแววตาของเธอ เขาพอจะ เดาสิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจได้ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ในสายตาของคุณ ฉันมันไม่มีตัวตนขนาดนี้เลยใช่มั้ย?”
“ขอโทษด้วยพี่ใหญ่ ฉันยังมีธุระ ฉันขอตัวก่อนนะ!” เมื่อพูดจบ เสิ่น เฉียวเก็บข้าวของ จากนั้นเดินออกไปจากห้องทันที
ตอนที่เธอเดินออกมา เธอรู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องมองเธอจากด้าน หลังตลอดเวลา เสิ่นเฉียวรู้สึกสับสนอยู่ภายในใจเป็นอย่างมาก เธอ พยายามที่จะปัดความคิดที่สับสนนั้นออกไปแล้วไม่คิดอะไรทั้งนั้น
หลังจากกลับมาถึงแผนก เมื่อเธอเดินเข้ามาก็มองเห็นแววตาที่เศร้า โศกของซุยหมิ่นลี่และกาวหยุน
เห็นได้ชัดว่าพวกเธอไม่ได้ดูมีความสุขบนความทุกข์ของเธอ เหมือนตอนที่เธอเดินออกจากห้องไป ดูเหมือนกับว่าพวกเธอกำลัง รู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ให้สำเร็จ
เสิ่นเฉียวเดินกลับมาที่ตำแหน่งของเธออย่างนิ่งเฉย ตอนที่กำลังจะ นั่งลงเธอพบว่าที่นั่งของตัวเองเปียกซุ่มเพราะโดนคนเอาน้ำมาราด เธอเกือบจะมองไม่เห็น
“สมกับเป็นผู้หญิงที่สามารถปีนขึ้นไปบนเตียงของท่านประธานได้ มี อุบายที่ล้ำลึกจริงๆ ทำเป็นลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเรา ผลปรากฏว่าได้สํารองข้อมูลเอาไว้ในแฟลชไดรฟ์ ”
“นั่นนะสิ! คนที่ไม่รู้ก็นึกว่าคุณน่ะใสซื่อบริสุทธิ์แค่ไหน!”
“คุณน่ะจงใจทำ! ใช่มั้ย?”
เสิ่นเฉียวดึงกระดาษทิชชูออกมา จากนั้นซับน้ำบนเก้าอี้ออกแล้วนั่ง ลงอย่างนิ่งเฉย เธอพูด “แฟลชไดรฟ์น่ะฉันเสียบคาอยู่บนคอม พวก คุณตาบอดที่มองไม่เห็นเอง ทำอะไรไม่ละเอียดรอบคอบแล้วโทษฉัน รึไง?”
“ คุณ!” เมื่อกาวหยุนได้ยิน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป จากนั้นเดินมา ข้างหน้าทำท่าเหมือนจะตบเธอ
ชยหมิ่นสี่รีบยื่นมือมาขวางเธอเอาไว้ “กาวหยุนคุณใจเย็นๆก่อน ครั้ง ที่แล้วพี่เฉียงเวยไปตบกับเธอสุดท้ายลงเอยไม่ดี พวกเราอย่าไปเป็น หัวโจกเลย!” กาวหยุนพยายามเก็บอารมณ์ จากนั้นพูดอย่างเย็นชา “ยังมีเวลาอีก เยอะ ขอแค่คุณยังอยู่ในแผนกนี้ ฉันไม่ปล่อยให้คุณอยู่อย่างสงบสุข
แน่!”
เสิ่นเฉียวเบ้ปาก “โอเค จะรอดูก็แล้วกัน”
ทั้งสองสะบัดหัวแล้วเดินออกไป
เมื่อถึงเวลาพักอาหารกลางวัน เสี่ยวเหยียนเดินมาหาเธอที่แผนก เสิ่นเฉียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณบอกให้ฉันอยู่ห่างๆคุณ หน่อยไม่ใช่หรอ? ทำไม……
เสี่ยวเหยียนกะพริบตา “ฉันแค่พูดไปเรื่อยคุณก็เชื่อจริงๆงั้นหรอ? พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันรึไง? ฉันจะให้คุณอยู่ห่างๆฉันจริงๆได้ยังไง? ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกัน”
พูดๆอยู่ เสี่ยวเหยียนก็เดินมาดึงแขนของเธอเพื่อจูงเธอไปโรง อาหาร เธอไม่สนใจสายตาของคนอื่นว่าจะมองมายังไง
เสิ่นเฉียวอึ้งทันที ในเวลานี้…หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ