บทที่148 เขาคือคนคนนั้นจริงหรือเปล่า
ในร้านอาหารเช้า
เหมือนว่าเย่หลิ่นหานจะมาร้านนี้เป็นประจำ เมื่อเข้าร้านมาเถ้า แก่เนี้ยเป็นฝ่ายทักทายเขา
“ร้านอาหารเช้าร้านนี้ดังมากในละแวกนี้ เพราะใช้วัตถุดิบสด แล้วก็มีหลายอย่าง นี่เมนู เธอเลือกสิจะกินอะไร
หลังจากที่เย่หลิ่นหานพาเธอเดินเข้าไปในร้านและนั่งที่โต๊ะ ประจำแล้ว ก็ส่งเมนูให้เสิ่นเฉียว
เสิ่นเฉียวไม่มีแก่ใจจะทานมื้อเช้า เธอพลิกเมนูดูอย่างไม่ใส่ใจ นัก จึงสั่งแค่บะหมี่น้ำใส ที่หนึ่ง
เมื่อเย่หลิ่นหานเห็นเธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงไม่พูดอะไร มาก เขายื่นใบสั่งอาหารให้พนักงานเสิร์ฟแล้วสั่งเพิ่มให้เธออีก บางอย่าง จากนั้นจึงได้หันมามองเสิ่นเฉียว
“เป็นอะไรไป? สีหน้าแย่จัง เหมือนเธอจะไม่หิวเท่าไหร่เลยนะ อีกเดี่ยวให้ผมไปโรงพยาบาลไปหาหมอเป็นเพื่อนคุณหน่อย ไหม?” ได้ยินอย่างนั้น เสิ่นเฉียวก็ได้สติ เธอมองดูเย่หลิ่นหานที่อยู่ตรง หน้าอย่างตกตะลึง
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด คอเสื้อรวมถึงตัวเสื้อถูกรีดให้ เรียบไม่มีรอยยับย่น ทำให้เห็นได้ว่าชัดเขาเป็นคนที่มีความ ประณีตมาก
ใบหน้าของเย่หลิ่นหานนั้นก็ช่างสง่างาม เพียงแต่เมื่อเทียบกับ คิ้วแหลมและใบหน้าราวรูปแกะสลักจากเทพของเย่โม่เซินแล้ว ใบหน้าของเย่หลิ่นหานมีความอบอุ่นมาก
ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินคำนี้ไหม สุภาพบุรุษเป็นเหมือนสายลม
เย่หลิ่นหานให้ความรู้สึกกับเธอเช่นนั้น อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ
มันเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นคนในคืนนั้นจริงเหรอ?
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันก็แค่นอนไม่ค่อยหลับแค่นั้น”
เย่หลิ่นหานได้ยินอย่างนั้นก็มีความกังวลในแววตาเพิ่มขึ้น น้องสะใภ้ เธอรังเกียจพี่ชายรึเปล่า?” “
เสิ่นเฉียวผงะไป “พี่ใหญ่?” ทําไมเธอถึงดื้อกับพี่ตลอด” เย่หลิ่มหานยิ้มเล็กน้อยและถาม ขึ้นเบา ๆ: “เพราะอะไรนะ? พี่ดูน่ากลัวอย่างนั้นเหรอ?”
เสิ่นเฉียวต้องอธิบายด้วยความลำบากใจ: “ไม่มีเรื่องอย่างนั้น หรอก พี่ใหญ่อย่าคิดมากสิคะ”
“งั้นเธอก็อย่าดื้อกับพี่สิ ดีไหม?”
เสิ่นเฉียว: “…”
เธอหลบตา ในใจของเธอช่างสับสน
เธอจะเปิดปากลองถามเรื่องนี้ได้ยังไง?
คิดอยู่นาน เสิ่นเฉียวจึงได้เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและถามขึ้นเบาๆ “พี่ใหญ่ ปกติแล้วสูทของพี่…เป็นแบบสั่งตัดหรือเปล่าคะ?”
แม้ว่าคําถามนี้จะค่อนข้างกะทันหัน แต่เสิ่นเฉียวก็ยังต้องการ ยืนยัน
เย่หลิ่นหานไม่เข้าใจทำไมเธอจึงต้องถามเขาเรื่องนี้ แต่เขาก็ ไม่ได้ว่าอะไร หาเพียงพยักหน้าเบา ๆ บางครั้งก็สั่งตัด แต่ถ้า ไม่มีเวลาก็ซื้อ ทำไมเหรอ?” เมื่อได้ยินดังนี้ มือของเสิ่นเฉียวที่วางอยู่บนโต๊ะก็กำแน่นขึ้น
พูดอย่างนี้แสดงว่าเคยสั่งตัด
เธอควรจะถามต่อไหม? ถ้าหากว่าเธอยังจะถามให้มันลึกลงไป กว่านี้ ถ้าหากว่าเย่หลิ่นหานคือผู้ชายในคืนนั้นจริง แล้วเธอยัง ถามต่อไป เขาก็จะรู้ทุกอย่าง!
เสิ่นเฉียวใช้ความคิด คำถามต่อไปควรจะถามอะไรเขาถึงจะไม่ จับได้
คิดอยู่นาน เธอจึงได้พูดขึ้นอีกครั้ง
“เปล่าค่ะ แค่บางครั้งเห็นพี่ใหญ่สวมสูทที่ดูสวยมาก พี่ใหญ่ ถ้า อย่างนั้นแต่ก่อน…
เสิ่นเฉียวถามและเงยหน้ามองเขา กลับพบว่าดวงตาคู่สวยของ เย่หลิ่นหานกำลังจ้องมาที่ตนเอง สีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ดวงตาที่แวววาวเหมือนหยกคู่นั้นมองเธอ ราวกับสามารถมองไป จนถึงหัวใจของเธอ
เสิ่นเฉียวหยุดหายใจอย่างกะทันหัน เธอพูดไม่ออกในสิ่งที่คิด
เย่หลิ่นหานจ้องมองเธอ ด้วยแววตาลึกล้ำไม่สิ้นสุด “ดูเหมือนเธอจะมีคำถามเยอะนะ? ”
ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้เงินเฉียวไม่กล้าถาม คําถามใด ๆ อีก ในเวลานี้พนักงานน่าโจ๊กที่เธอต้องการมาให้ และ เสิ่นเฉียวหลีกเลี่ยงการสบตาเย่หลิ่มหานจากนั้นก็ลุกขึ้น เพื่อหยิบโจ๊ก
แต่เป็นเพราะตื่นเต้น ทําให้เธอท้าชามคว่ำทําให้ถูกลวก
เย่หลิ่มหานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากอยู่ ตลอด เขารีบลุกขึ้นและพุ่งตัวเข้ามาจับมือเสิ่นเฉียว “รบกวนขอ น้ำเย็นให้ผมหน่อย
พนักงานเสิร์ฟนิ่งไปและรีบไปรองน้ำเย็นออกมา
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณลูกค้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่เป็นไร คุณไม่ผิดหรอกค่ะ” เสิ่นเฉียวส่ายหน้า เป็นเธอเองที่ ไม่ระวัง
เย่หลิ่นหานจับมือเธอแช่ลงไปในกะละมัง เดิมทีผิวเธอขาวใส ตอนนี้มันโดนลวกเป็นสีแดง เย่หลิ่นหานมองมีอเธอแล้วขมวดคิ้ว “เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ แช่น้ำไปก่อนนะ เดี๋ยวผมไปซื้อยา แถว ๆ นี้ คุณรอผมนะ พูดเสร็จ เย่หลิ่นหานไม่รอให้เสิ่นเฉียวตอบเขาหันแล้ววิ่งไป
เสิ่นเฉียวคิดจะห้ามเขาแต่ก็ไม่ทันแล้ว ได้แต่รอเขาอยู่ที่เดิม อย่างจนใจ
เดิมทีเธอคิดว่าเย่หลิ่นหานคงจะต้องหายไปนาน แต่คิดไม่ ถึงว่าเขาใช้เวลาแค่สี่ถึงห้านาทีเท่านั้น เย่หลิ่นหานก็ถือยา หลอดหนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
เขาจับมือเธอขึ้นมาจากน้ำ จากนั้นก็ใช้ผ้าสะอาดซับน้ำออกไป จนแห้งแล้วทายาให้เธอ
ยารักษาน้ำร้อนลวกเย็นสบายถูกทาบนมือเธอ
เสิ่นเฉียวได้ยินเสียงหอบเร็วของเย่หลิ่นหานเธอเงยหน้าขึ้น และเห็นเหงื่อที่หน้าผากของเย่หลิ่นหาน
นี่มัน…
มีปฏิกิริยาบางอย่างในใจเธอ เขารีบวิ่งไปซื้อครีมรักษาน้ำร้อน ลวกให้เธออย่างเร่งรีบ
ทำไมถึงดีกับฉันขนาดนี้?” “ เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากไป เสิ่นเฉียวพูดออกไปแล้วกลับรู้สึก เสียใจภายหลัง ทำไมเธอถึงถามคำถามประเภทนี้นะ แบบนี้ ถือว่าเจตนาให้คนอื่นเข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เสิ่นเฉียวก็อธิบายทันที: “ขอโทษค่ะพี่ใหญ่ เมื่อกี้ฉันพูดผิด ฉันหมายความว่า…พี่ใหญ่ไม่ต้องดีกับฉันมาก ก็ได้”
พูดจบ เสิ่นเฉียวคิดจะดึงมือกลับ
คิดไม่ถึงว่าเย่หลิ่นหานจะดึงข้อมือเธอไว้ ไม่ให้เธอขัด
เขาเงยหน้า แม้ว่าดวงตาเขาจะดูอ่อนโยนแต่หนักแน่นมองหน้า
เธอ
“ยังทายาไม่เสร็จ นิ่ง ๆ หน่อย”
เสียงของเขาอบอุ่นแต่กลับมีพลังไม่อาจจะปฏิเสธได้ เขาจับ มือเธอแน่น และค่อย ๆ ช่วยทายาให้เธอ
ไม่ทันรู้ตัว เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าสายตารอบข้างมันดูแปลก ๆ เธอ ยืนยันอยู่นานกว่าเย่หลิ่นหานจะปล่อยมือเธอ
“เสร็จแล้ว วันนี้อย่าให้โดนน้ำนะ โชคดีที่ไม่ใช่มือขวา ไม่งั้นวัน นี้หยุดงานดีไหม?” เสิ่นเฉียวดึงมือกลับมา ความอบอุ่นของเย่หลิ่นเซินยังคงค้าง
อยู่ที่ข้อมือเธอ
“ไม่ต้องค่ะ”
เย่หลิ่นหานลุกขึ้นหยิบเสื้อนอก “ยาน้ำร้อนลวกใช้ได้แค่ ชั่วคราว ให้ฉันพาเธอไปทําแผลที่โรงพยาบาลเถอะ”
เงินเฉียวอยากจะบอกเขาว่าไม่ต้อง แต่เย่หลิ่นหานกลับไม่รอ ให้เธอพูดพาเธอเดินออกไปข้างนอก
เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าเย่หลิ่นหานก็มีมุมที่ใช้อำนาจ เหมือนกัน
“เฉียวเฉียว คนเรามีรูปแบบการกระทําที่หลากหลายเมื่อเผชิญ หน้ากับคนหรือสถานการณ์ที่ต่างกันไป ในเวลาปกติเขาอาจจะ ดูอบอุ่น แต่ในความเป็นจริงเขากลับเป็น…
คําพูดของหานเส่ยวยังคงดังอยู่ข้างหู…
หรือว่า…เย่หลิ่มหานจริง ๆ แล้วเป็น…
พูดได้ว่าเสิ่นเฉียวขึ้นรถไปเหมือนกับวิญญาณหลุดออกจาก ร่าง เธอเดินใจลอยขึ้นรถไป เย่หลิ่มหานรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ เขาเรียกชื่อเธอสองครั้งแต่เธอก็ไม่ตอบ ในหัวเธอสับสนไปหมดแล้ว
ถ้าหากว่าเย่หลินหานคือคนคนนั้นจริง แล้วต่อไปเธอจะทำยัง
ไง?
แต่เธอเป็นภรรยาของเย่โม่เซิน ถึงแม้ว่าจะในนามก็ตาม
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถรับความจริงข้อนี้ได้
ในขณะที่รถกำลังแล่นไปนั้น ทันใดนั้นเสิ่นเฉียวก็พูดขึ้น: “จอด
รถ”
เย่หลิ่นหานเหยียบเบรกกะทันหัน: “เป็นอะไร?”
เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไรสักคำ เธอเปิดประตูลงจากรถแล้วจากไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ