เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก...

บทที่108 คุณชายเย่มีความเป็นเด็กอยู่หน่อยๆ



บทที่108 คุณชายเย่มีความเป็นเด็กอยู่หน่อยๆ

บทที่108 คุณชายเย่มีความเป็นเด็กอยู่หน่อยๆ

ฮัดเช้ย-

เสิ่นเฉียวที่กำลังหลับ อยู่ๆก็จามออกมา จากนั้นจึงตื่นขึ้นมา

เธอจ้องมองเพดานห้องอย่างสะลึมสะลือไปชั่วครู่ จากนั้นจึง ค่อยๆดึงสติกลับมา เธอกำลังจะดึงผ้าห่มออก

แต่อยู่ๆมีมือคู่หนึ่งเคลื่อนไหวเข้ามาไวกว่าเธอ มือคู่นั้นรีบดึง ผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวเธอเอาไว้

เสิ่นเฉียวหันหน้าไปมองคนคนนั้น

“เย่ คุณชายเย่…” เฉินเฉียวเรียกเขา เธออยากจะลุกขั้นมา

นั่ง

เยโม่เซินเหลือบไปมองดูเธอ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็น ชา “นอนแค่ครึ่งชั่วโมง ต้องถีบผ้าห่มด้วยหรอ คุณคิดว่าตัว เองเป็นเด็กสามขวบไง? ”

น้ำเสียงเย็นชาที่แฝงไปด้วยความเอาใจทำให้เสิ่นเฉียวนั่งนิ่งอยู่กับที่ เธอจ้องมองเขาอย่างทำตัวไม่ถูก

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับเย่โม่เซิน?

“ฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” สุดท้ายเสิ่นเฉียวทำได้เพียง พูดอธิบายอย่างตะกุกตะกัก

เหมือนกับว่าเธอจะมีนิสัยชอบถีบผ้าห่ม แต่….นึกไม่ถึงว่าเย่ โม่เซินจะเป็นคนช่วยดึงผ้าห่มมาห่มให้กับเธอ

“โง่” เย่โม่เซินเหลือบไปมองเธอ จากนั้นจึงหันหน้ากลับไป

คำว่าโง่คำนั้นเมื่อพูดออกมามันทำให้เสิ่นเฉียวมีใบหน้าที่ แดงก่ำ เธออยากจะกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง แต่อยู่ๆก็มี เสียงของเย่โม่เซินลอยเข้ามา “แผลเก่ายังไม่หายแล้วยัง อยากจะเพิ่มแผลใหม่?”

ดังนั้นเสิ่นเฉียวจึงหยุดการกระทำของเธอทันที เธอจ้องมอง เขาด้วยแววตาที่ดูสับสน

“ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมาเก็บของ กลับบ้านกัน” เมื่อพูดจบ เย่โม่ เซินค่อยๆเคลื่อนรถเข็นออกไปจากเตียงนอนของเธอ
เส้นเฉียวเหม่อลอยไปสักพัก จากนั้นจึงดึงผ้าห่มออกแล้วลุก ขึ้นมานั่ง ในจังหวะที่เธอกำลังจะถามว่าตัวเองต้องใส่ชุดอะไร เธอก็เหลือบไปเห็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งวางอยู่ตรงปลายเตียง ดู เหมือนว่าจะถูกเตรียมมาให้เธอ

เธอจึงลุกขึ้นมาหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ

เปโม่เซินได้ยินเสียง จึงหันหน้ากลับไปมอง เขาพบว่าท่าเดิน ของเส้นเฉียวดูแปลกๆ มุมปากของเย่โม่เซินเบะขึ้นมาโดยไม่รู้ ตัว

ตอนที่เสิ่นเฉียวกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอรู้สึกตกใจกับรอย ช้ำบนร่างกายของตัวเองอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกทุกข์ เพราะรอยช้ำเหล่านี้ แต่หลังจากที่รู้ว่ารอยช้ำเหล่านี้คือสิ่งที่ เยโม่เซินเป็นคนทำแล้ว อยู่ๆสภาพจิตใจของเธอก็ไม่ได้แย่ เหมือนก่อนหน้านั้นสักเท่าไหร่แล้ว

เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ เส้นเฉียวค่อยๆเดินออกมาจากห้องอาบ น้ำ เธอเดินมาอยู่ตรงหน้าของเย่โม่เซิน

“พวกเราจะกลับไปตอนนี้เลยมั้ย?”

เยโม่เซินจ้องมองมาที่เธอ
เขาเอากระโปรงตัวนี้มาจากตู้เสื้อผ้าที่บ้าน กระโปรงวันพีชสี ฟ้าทำให้เผยรูปร่างที่ดูงดงามของเธอออกมา เพียงแค่. เย่ โม่เซินหรี่ตาลง อยู่ๆก็ถอดเสื้อนอกบนร่างกายของเขาออกมา

“สวมเอาไว้”

เสิ่นเฉียวอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นค่อยๆเอื้อมมือไปรับเสื้อนอกมา

แต่เธอไม่ยอมสวมใส่มัน

“รังเกียจหรอ?” เขาถาม

เส้นเฉียวส่ายหัว

“งั้นทำไมไม่ใส่?”

เสิ่นเฉียวพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “ชุดสูทตัวนี้คงจะแพง มากสินะ? ถ้าฉันใส่ละก็คุณก็ต้องโยนมันทิ้งอีก ฉันคืนให้คุณดี กว่า” เมื่อพูดจบ เสิ่นเฉียวค่อยๆยื่นเสื้อสูทคืนให้กับเขา

เยโม่เซินยังคงอึ้งกับคำพูดของเธอ เขานึกไม่ถึงว่าเธอจะเอา สิ่งนี้มาเป็นเหตุผล คิ้วของเขาขมวดแน่น เยโม่เซินพูดด้วยน้ำ เสียงที่เย็นชา “คุณอยากจะกลับไปถึงบ้านแล้วป่าวประกาศให้ ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราสองคนในเมื่อคืนรีไง?”

เสิ่นเฉียวอึ้งทันที สีหน้าของเธอขาวซีด

“ฉันเปล่านะ!”

เธอกล้าคิดแบบนี้ซะที่ไหน เธอไม่เคยคิดอะไรทั้งนั้น

ทันใดนั้นเสิ่นเฉียวจึงเริ่มเข้าใจความหมายที่เขายื่นเสื้อสูท

ให้เธอสวมใส่ เป็นเพียงเพราะว่าเขาไม่อยากให้คนในตระกูล เย่มองเห็นรอยช้ำบนร่างกายของเธอ

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวจึงสวมใส่เสื้อสูทไว้บนร่างกายของ เธอ เธอดึงเสื้อมาปิดตรงบริเวณคอของเธออย่างมิดชิด

เมื่อร่างเล็กๆผอมๆของเธอสวมใส่เสื้อสูททำให้ดูเหมือนกับ เด็กตัวเล็กๆที่แอบขโมยเสื้อผ้าของผู้ใหญ่มาใส่มองยังไงก็ ดูแปลกๆ แต่เย่โม่เซินกลับรู้สึกว่ามันก็ดูดีไปอีกแบบ เขาหัน หน้ากลับไปแล้วพูด “ไปกันเถอะ”

“อืม” เสิ่นเฉียวเดินตามหลังของเขาแล้วออกไปจากห้องพัก

ด้วยกัน
ถึงแม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งวันแล้ว แต่ท่าเดินของเสิ่นเฉียวยังคง ดูแปลกประหลาด เธอรู้สึกว่าทุกครั้งที่ก้าวขาเดินหนึ่งถึงสอง ก้าว ขาของเธอจะปวดเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเดินแบบนี้แล้วโดน คนของตระกูลเย่สงสัยขึ้นมาจะทำยังไง? ดังนั้นเสิ่นเฉียวจึง พยายามฝืนตัวเองให้เดินอยู่ในท่าทางที่ดูเป็นปกติ

หลังจากขึ้นมาอยู่บนรถ อยู่ๆเสิ่นเฉียวพึ่งจะนึกอะไรออก

“โทรศัพท์มือถือของฉันล่ะ?”

เยโม่เซินไม่ได้สนใจเธอ

เสิ่นเฉียวเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้โทรศัพท์ มือถือของเธอถูกเย่โม่เซินยึดไป ต่อมาหานเส่โยวได้มอบ โทรศัพท์มือถือกับเธออีกหนึ่งเครื่อง แต่ตอนนี้เธอกลับทำมัน หายอีก ไม่รู้ว่าโดนลู่สุนฉางเอาไป หรือว่าโดนเย่โม่เซินยึดไป อีกรอบ

“คุณชายเย่ ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่า แค่ฉันยอมไปร่วมงาน เลี้ยงกับคุณ คุณก็จะคืนโทรศัพท์มือถือให้กับฉัน”

การเรียกเขาว่าคุณชายเยนี้.
เยโม่เซินขมวดคิ้ว “คุณเรียกฉันว่าอะไร?”

เสิ่นเฉียวอึ้งไปสักพัก “เย่ คุณชายเยไง…มีอะไรผิดไปรี

เปล่า?”

“ใครใช้ให้คุณเรียกฉันแบบนี้?” เย่โม่เซินดุเธอด้วยความ

โมโห

เสิ่นเฉียวตกใจจนหดไหล่เข้าไป ร่างกายของเธอหดเข้าไป

ในเสื้อสูท

“ไม่ใช่คุณรีไงที่เป็นคนบอกให้ฉันเรียกคุณแบบนี้?”

เยโม่เซิน “..งั้นต่อจากนี้ห้ามเรียกฉันแบบนี้อีก”

เสิ่นเฉียว “.งั้นให้ฉันเรียกคุณว่าอะไรดี?”

อยู่ๆเย่โม่เซินก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี เขาแค่หันหน้ามามอง

เธอด้วยสายตาที่ดุดัน จากนั้นพูดเตือนเธอ “ยังไงก็แล้วแต่ต่อ จากนี้ห้ามคุณเรียกฉันแบบนั้นอีก!”

อยู่ๆบรรยากาศก็เงียบไปชั่วครู่ เสิ่นเฉียวหันหน้าไปหาเขา

แล้วกัมหน้าลง
“เข้าใจแล้ว”

“งั้นคุณจะคืนโทรศัพท์มือถือให้ฉันเมื่อไหร่?”

“มือถือมือถือ ในสายตาของคุณนอกจากโทรศัพท์มือถือยัง จะมีอะไรอีก?” เย่โม่เซินรู้สึกจะบ้าตายกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า คนนี้ ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นรี

ไง?

เสิ่นเฉียวโดนเขาดุจนรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย เบ้าตาของเธอเริ่ม แดงโดยไม่รู้ตัว “คือคุณเองที่บอกให้ฉันไปร่วมงานเลี้ยงกับ คุณแล้วจะคืนโทรศัพท์มือถือให้กับฉัน ฉันไม่ได้ขอร้องคุณสัก หน่อย!”

เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีที่ดูเหมือนว่าจะร้องไห้ เยโม่เซินก็ไม่รู้ จะทำยังไงกับเธอดี “กลับไปจะคืนให้คุณ”

บรรยากาศภายในรถจึงเงียบลง

เซียวซู่ที่นั่งอยู่ข้างหน้ามีสีหน้านิ่งและเอื้อมระอาเล็กน้อย

ทำไมถึงรู้สึกว่าคุณชายเย่….เหมือนว่าจะมีความเป็นเด็กอยู่

หน่อยๆ?
อีกอย่างเขากำลังหงุดหงิดอะไร? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!

รถยนต์ใกล้จะขับมาถึงบ้านตระกูลเย่แล้ว ตอนที่เสิ่นเฉียว เดินลงจากรถ ขาของเธอปวดจนเกือบจะล้มลง โชคดีที่เธอ รู้สึกตัวก่อนจึงสามารถป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าได้

เธอเดินตามเย่โม่เซินเข้าไปในบ้านตระกูลเย่ ภายในห้องนั่ง เล่นมีนายท่านเย่และเย่หลิ่นหานอยู่ เย่หลิ่นหานลุกขึ้นมา จาก นั้นยิ้มอ่อนๆแล้วจ้องมองไปที่พวกเธอ

“โม่เซิน น้องสะใภ้ พวกคุณกลับมาแล้วหรอ?”

“อืม” เย่โม่เซินพยักหน้า สายตาของเขาไม่เหลือบมามอง เลยสักนิด จากนั้นจึงมุ่งตรงไปที่ลิฟต์

นายท่านเยรู้สึกโมโหกับท่าทีเช่นนี้ของเขามาก เขาลุกขึ้นมา ยืน “พวกนายยืนอยู่กับที่เดี๋ยวนี้นะ ไอ้เด็กเวรนี่ในสายตาของ

นายยังมีปู่คนนี้อีกมั้ย?”

ชัดเจนมาก ไม่มี

มิฉะนั้นแม้แต่การที่เย่โม่เซินจะหันไปทักทายเขายังไม่มีด้วย

ซ้ำ
เยโม่เซินหยุดอยู่กับที่ เสิ่นเฉียวก็ไม่กล้าที่จะเดินไปข้างหน้า ต่อ เธอดึงเสื้อสูทที่สวมอยู่บนร่างกายเข้ามากอดแน่น จาก นั้นคอยระแวดระวังว่ารอยช้ำบริเวณคอของตัวเองได้โผล่ออ กมารึเปล่า

“มีธุระหรอ?” น้ำเสียงของเย่โม่เซินฟังดูเย็นชา

นายท่านเย่ยืนอยู่กับที่แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา เรื่องของ ตระกูลลู่นายคิดจะทำยังไงกับมัน? ครั้งที่แล้วนายไปทำลาย คนอื่นเขา ครั้งนี้นายคิดจะทำอะไรอีก? ตกลงลู่สุนฉางไปทำ อะไรให้นายต้องขุ่นเคือง?”

เมื่อฟังจบ เสิ่นเฉียวรู้สึกเอะใจขึ้นมาทันที

นายท่านเย่โมโหเพราะเรื่องของตระกูลสู่อย่างนั้นหรอ? หลัง จากที่ผ่านเรื่องเมื่อคราวที่แล้วตอนนี้เสิ่นเฉียวรู้สึกกังวลมา กว่าเย่โม่เซินจะไปลงมือกับลู่สุนฉาง ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะ ทำยังไงกับลู่สุนฉาง

“เขาจะทำอะไรให้ฉันต้องรู้สึกขุ่นเคือง ฉันก็ไม่จำเป็นต้องมา

รายงานให้คุณฟังรึเปล่า?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ