ตอนที่ 145 โลกมันกลมจริงๆ
ถึงแม้จะมีร่มของพรยศ แต่นีรชาก็โดนฝน ไปไม่น้อย ตื่นเช้าเลยรู้สึกไม่ค่อยสบาย ปวดหัว เจ็บคอ ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอได้รับแจ้งจากบริษัท เอฟเอส เรื่องสัมภาษณ์รอบสองด้วยอีก
นีรชารีบไปที่บริษัทเอฟเอส พลันหันไปเห็น ข้างๆตึกมีร้านขายยาอยู่พอดี เธอรีบเดินเข้าไปใน ร้านขายยา กะว่าจะซื้อยาแก้หวัดสักหน่อย ถ้า เกิดนั่งสัมภาษณ์ไปน้ำมูกไหลไป คงจะน่าอายแย่
ขณะที่กำลังเลือกดูยาแก้หวัดอยู่นั้น นีรชา ได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนที่กำลังเลือกยาอยู่พูด คุยกัน
น้ำเสียงผู้หญิงที่ตัวสูงออกแนวใจจืดใจดำ
หน่อยๆ : “แฟนคุณภัสกรณ์นี่แบบเรื่องเยอะ สงสัยกลัวชั้นจะว่างมั่ง รีบโทรมาสั่งชั้นว่าอย่าลืม ซื้อยาให้คุณภัสกรณ์ด้วย
ผู้หญิงที่ตัวเตี้ยหน่อยมีน้ำเสียงประหลาด
ใจ : ” นี่เธอจะซื้อยาให้คุณภัสกรณ์เหรอ ? คุณ ภัสกรณ์เป็นไรอ่ะ ?”
ผู้หญิงคนตัวสูงทำท่ายักไหล่ : ” เหมือน ว่าจะเป็นหวัดนะ ตอนประชุมเมื่อเช้าเห็นไอค่อก แค่กตลอดเลย ! สงสัยเมื่อวานนี้คงจะโดนฝนล่ะ มั้ง !”
ผู้หญิงคนตัวเตี้ยพูดหยอกเย้า : “คุณภัส ” กรณ์ไอแต่ละที คงจะทำสาวน้อยสาวใหญ่พากัน ปวดใจเลยสินะ ”
ผู้หญิงตัวสูงออกอาการไม่เชื่อ : “เธอก็ พูดไป ! แต่ก็คงจะจริง ! ฉันก็ยังคิดๆนะ คุณภัส กรณ์เองก็มีแฟนแล้ว ทำไมยังผู้หญิงคลังไคล้ ตามปลื้มเขาอยู่อีก ทำยังกับว่าทีเอส พร็อพเพอร์ ตึกรุ๊ปไม่มีผู้ชายคนอื่นแล้วอย่างงั้นแหละ !”
ที.เอส พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ป คุณภัสกรณ์งั้นเห
ชัดเลย พวกเธอกำลังพูดถึงคุณภัสกรณ์ที่
ฉันรู้จักดี
ที่แท้ เขาก็มีแฟนแล้ว
นีรชาพยายามเก็บอาการขุ่นมันนั้นไว้ รู้สึก กระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย ทำไมนะ ไปที่ไหนๆ ก็ต้องได้ยินได้ฟังเรื่องของภัสกรณ์อยู่ตลอด เลย ?
รอ
นีรชารีบเลือกๆซื้อยา เดินดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ จ่ายเงิน จู่ๆผู้หญิงคนตัวสูงก็ชี้ไปที่หน้าต่าง สะกิด ไหล่ผู้หญิงคนตัวเตี้ยให้หันไปดู : “เฮ้ๆ ดูนั่นสิ ! พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา แฟนคุณภัสกรณ์มาโน่น แล้ว !”
นีรชาหันตามกลับไปมองที่หน้าต่างบานนั้น
ริมถนน ข้างๆแปลงดอกไม้นอกหน้าต่างนั้น มีสาวสวยผมลอนยืนอยู่ สวมชุด One-Piece แต่งด้วยผ้าลูกไม้สีขาวทั้งตัว ดีไซน์เรียบหรู สวย สง่า ที่คอพันรอบด้วยผ้าพันคอ Hermes ใบหน้า สวยใส ขาวเนียนผุดผ่อง
ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ
“ว้าวววว ! เพราะสวยขนาดนี้นี่เอง ถึงได้ โดดเด่นกว่าสาวๆคนอื่นๆ จนคว้าใจคุณภัสกรณ์
ไปครองได้ สวยมากเลยเนาะ !”
ผู้หญิงคนตัวเตี้ยตะลึงจนตาค้างในความ
สวยของเธอ
นีรชาเบนสายตาออกจากตรงนั้น หันมา หยิบยาแล้วรีบเดินออกไป
ตั้งแต่ตอนคิดเงิน จนเธอเดินออกมาจาก ร้านขายยา สาวในชุดลูกไม้ก็ยังคงยืนอยู่ริมถนน
เธอกำลังโทรศัพท์ นิ้วเรียวยาว เล็บสีแดง สด สวยส่องแสงระยิบระยับสะท้อนแสงดวง อาทิตย์
” ภัสกรณ์ ฉันรอคุณอยู่ด้านล่างตึกนะคะ วัน นี้อากาศอุ่นขึ้นหน่อยแล้ว แต่ดันใส่ผ้าพันคอมา ด้วย ร้อนจะแย่อยู่แล้ว คุณรีบๆลงมานะ !”
น้ำเสียงอ่อนหวาน นุ่มนวล
นีรชารีบสาวเท้าเดินเข้าไปด้วยความตื่น เต้น ใจก็อยากเห็นเธอสักครั้ง
นีรชาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของเธอแว่ว
มา : “คุณยังจะมาถามฉันอีกนะ ก็เมื่อคืนอ่ะ คุณ ฝากรอยไว้ที่คอฉันเพียบเลย แดงเป็นไร่สตรอ เบอร์รี่เลยเชียว แล้วถ้าฉันไม่พันผ้าพันคอไว้ แล้ วจะปิดรอยดูดได้ยังไงล่ะ ?”
เมื่อคืนนี้รี คอ สตรอเบอร์รี่
นีรชารู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที รีบสาวเท้า เข้าไปอีก
“เฮ้ คุณผู้หญิง ! คุณทำของหล่นน่ะ !”
หญิงสาวเอามือปิดที่โทรศัพท์ หันมาตะโกนเรียก นีรชา พร้อมชี้ไปที่ด้านหลังของเธอ
” เอ่อ .. ” นี่ชากัมลงมอง ยาที่อยู่ในถุงไม่รู้หล่นลงไปตั้งแต่ตอนไหน เธอไม่ทันได้ สังเกตจริงๆ
“ขอบคุณมากค่ะ ! ” นีรชาหันไปมองที่ หญิงสาวในชุดลูกไม้ รู้สึกสับสนในตัวเองอย่าง แรง
หญิงสาวหันไปส่งยิ้มให้นีรชา ทำท่าทาง บอกเธอว่าไม่เป็นไรๆ ปากก็กลับไปคุยกับคนใน โทรศัพท์ต่อ : ” ไม่มีอะไรค่ะ พอดีเมื่อกี้มีผู้หญิง คนนึงทำของตกน่ะค่ะ ฉันก็เลยบอกเค้า แล้วนี่ คุณดีขึ้นบ้างรึยังคะ ? ฉันเป็นห่วงคุณมากเลยรู้ มั้ย
นีรชาเดินเข้าไปที่ตึกเอฟเอส ขณะที่กำลัง เอายาเก็บใส่กระเป๋าอยู่นั้น เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่า กล่องยามีสภาพบุบไปแล้ว
การสัมภาษณ์ทุกรอบดำเนินไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว แทบจะรู้ผลสัมภาษณ์ทันทีในวันนั้นที่ สัมภาษณ์เลยล่ะ
หลังสัมภาษณ์เสร็จ นีรชาคิดๆแล้วว่าควร ไปขอบคุณพรยศสักหน่อย
โดยปกติแล้วบริษัทใหญ่ๆแบบนี้ ขั้นตอน การสัมภาษณ์จะใช้เวลาค่อนข้างนาน จากสัมภาษณ์รอบแรกไปจนนัดรอบสอง ต่ำๆก็กิน เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ได้
แต่ครั้งนี้ถือว่าเร็วมาก ต้องยกความชอบให้ พรยศเป็นเขาแน่ๆที่คอยช่วยเหลือเธออยู่
ในห้องทำงานของพรยศ หลังจากได้ฟังคำ ขอบคุณจากนี้รชา พรยศยิ้มตอบเธอ : “น้ำ จริงๆ แล้วผมเองนี่แหละที่ไปเร่งให้ทางฝ่ายบุคคลรีบ จัดวันสัมภาษณ์ให้คุณ แต่ผมเองก็ทำเพื่อผล ประโยชน์ของตัวเองเหมือนกัน เพราะฉนั้นคุณไม่ ต้องขอบคุณผมหรอก ”
” ผลประโยชน์ของตัวเอง ?” นีรชาไม่ เข้าใจที่เขาพูด
พรยศยิ้มอย่างอ่อนโยน : “ครั้งนี้พวกเรา ใช้ความพยายามไปอย่างมาก สุดท้ายก็ได้งาน ชิ้นใหญ่มาจากบริษัทที.เอส พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปจน ได้ คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อบริษัทนี้ใช่มั้ย ? บริษัท ชั้นนำของเมือง C และเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงิน ที่แข็งแกร่งมั่นคงมาก ”
นีรชาพยักหน้ารับ ขณะที่พรยศยังคงพูดต่อ
ไป
ประธานกรรมการบริษัทที.เอส พร็อพเพอาร์ตี้กรุ๊ป จำกัด มีวิสัยทัศน์กว้างไกล นโยบายธร รมดาๆทั่วไปไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ผม เห็นในเรซูเม่ของคุณ ที่เขียนไว้เกี่ยวกับกองทุน ช่วยเหลือเด็กออทิสติกในโลก แผนงาน ประชาสัมพันธ์โปรเจกต์นั้นของคุณผมเคยเห็นนะ เป็นอะไรที่มีความคิดสร้างสรรค์และแปลกใหม่ดี มากๆ ดังนั้นผมก็เลยอยากรีบรับคุณเข้ามาร่วม งานกับเรา ร่วมทำโปรเจกต์วางแผนและ ประชาสัมพันธ์กับที.เอส พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ป เพื่อ ให้โปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จและออกมาดี
ที่สุด”
พรยศถอนหายใจยาวหลังพูดจบ รอดู
ปฏิกิริยาของนีรชา
ภัสกรณ์อีกแล้ว…
นี่เป็นปฏิกิริยาแรกของนีรชา ทั้งนี้ทั้งนั้น นีรชาก็ยิ้มให้พรยศพร้อมทั้งตอบเขาอย่างสุภาพ สมเป็นมืออาชีพ : ” นอกจากฉันจะได้โอกาสร่วม งานกับทางเอฟเอส แถมยังได้ร่วมทำโปรเจกต์ ใหญ่ด้วย แค่นี้ฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากแล้ว ล่ะค่ะ ฉันจะตั้งใจทำโปรเจกต์นี้อย่างสุดความ สามารถค่ะ !
พรยศพยักหน้ารับด้วยความพอใจ พูดเสริมต่ออีกว่า : ” นีรชา แต่คุณต้องเตรียมใจไว้เลยว่า
โปรเจกต์นี้ค่อนข้างหินพอสมควร แล้วยิ่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ของที.เอส พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการวางแผนโปรเจกต์นี้ มากๆ ถึงตอนนั้นแผนงานของคุณก็ต้องผ่าน ความเห็นชอบจากเขาด้วย การทำงานต้องมีการ ติดต่อประสานงานกันอยู่ตลอด”
ต้องได้พบปะติดต่อประสานงานกันอยู่ ตลอดงั้นเหรอ ? งั้นก็หมายความว่าเธอก็หลีก เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอภัสกรณ์อยู่บ่อยๆน่ะสิ ?
นีรชาอยากจะเอ่ยปากถามพรยศ แต่ สุดท้ายก็เก็บเอาไว้ในใจดีกว่า
การสัมภาษณ์กินเวลาไปเกือบช่วงบ่าย ขณะที่นีรชากำลังเดินออกจากตึกเอฟเอส ก็ได้ ยินเสียงท้องตัวเองร้องจ๊อกๆ
ฮัลโหล จันทร์ฉาย เธอถึงรึยังอ่ะ ?
นีรชาหยิบมือถือออกมาโทรหาจันทร์ฉาย สองสาวมีนัดทานมื้อเย็นกัน
” ใกล้จะถึงแล้วจ้า ข้างๆตึกเอฟเอสมีร้าน อาหารเวียดนามอยู่ร้านนึง เธอเข้าไปรอในร้าน ก่อนนะ ! ” น้ำเสียงของจันทร์ฉายดูจะแฮปปี้มาก
นีรชาวางสาย แล้วเดินเข้าไปในร้านอาหาร อาหารเวียดนามที่อยู่ข้างๆตึก ตามที่จันทร์ฉาย บอก นีรชาเลือกโต๊ะริมหน้าต่าง ระหว่างที่รอ จันทร์ฉายก็นั่งมองดูวิวด้านนอกไปพลางๆ
นีรชาเพิ่งจะมีเวลาเพ่งพินิจ มองดูตึกสีขาว สูงเสียดฟ้าของที.เอส พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ป ที่ตั้ง ตระหง่านอยู่ตรงหน้า จันทร์ฉายก็เดินยิ้มแฉ่งเข้า มาในร้าน
สองสาวสั่งอาหารขึ้นชื่อของร้านไปหลาย อย่างจันทร์ฉายก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม หันมาทางนีรชา
: “น้ำ ฉันมีข่าวดีจะบอกเธอ !”
” ข่าวดีอะไรอ่า ?” นีรชามองดูจันทร์ฉายที่ กำลังยิ้มระรื่น ก่อนจะเริ่มซักไซ้เพื่อนสาว : ” เธอกำลังจะแต่งงาน ? อย่าบอกนะว่า… ”
จันทร์ฉายกับนรุตม์ก็คบกันมาได้ 5 ปีแล้ว
ก็น่าจะแต่งๆกันได้แล้ว
“ฉลาดจริงๆเธอเนี่ย ! เดาเก่งอีกละ ! ” จันทร์ฉายเขยิบเข้ามาใกล้นี้รชา ส่งสายตาปิ้งๆให้ เพื่อน : ” แต่ว่า . เธอเดาถูกแค่ครึ่งเดียวนะจ๊ะ ยังมีข่าวดีอีกเรื่องนึงนะ !
นีรชากรอกตาเบาๆ : “เธอท้องใช่มั้ย ?”
“เฮ้อออ !”จันทร์ฉายเอนหลังไปพิงพนัก พิง ทำท่าเหมือนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ : ” เบื่อจริงๆ คนรู้ทันเนี่ย จะเซอร์ไพรส์ซักหน่อยก็ดันรู้ทัน อีก ! อะไรๆก็เดาถูกไปหมด ฮีย ! ”
” หะ ! นี่ฉันเดาถูกจริงๆเหรอ ! ” นีรชาดึง มือเพื่อนมาจับไว้ด้วยความดีใจ : “จันทร์ฉาย ! ยินดีด้วยนะแก ! มีข่าวดีเข้ามาพร้อมๆกันเลย ! เยี่ยมไปเลยเพื่อน ! นี่ฉันกำลังจะได้เป็นแม่ทูน หัวแล้วใช่มั้ย !”
ใบหน้าของจันทร์ฉายเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
:”งานแต่งจะจัดขึ้นเดือนหน้า อีกสองสามวันฉัน จะเอาการ์ดแต่งงานมาให้เธอนะ แล้วเธอต้อง รับปากฉันนะว่าจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉัน ด้วย ! ”
นีรชาพยักหน้าอย่างไม่ลังเล : “มันแน่นอ นอยู่แล้ว ! เพื่อนรักฉันแต่งงานทั้งที เพื่อนเจ้า สาวถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครไปได้ฮะ ! ”
จันทร์ฉาย นี่เธอท้องกี่เดือนแล้ว ?” นีรช าถามเพื่อนรัก
จันทร์ฉายตอบแบบเขินอาย พลางเอามือ ลูบที่ท้องน้อยๆ : “ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้นี่เอง ”
นีรชาเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เธอรู้สึกอบ อุ่นและสุขใจ
หลังกินข้าวเสร็จ สองสาวนั่งคุยเรื่อ งงานแต่งงานกันอยู่ เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น ข้างๆ : “จันทร์ฉาย ! เธอก็มาทานข้าวที่นี่ด้วย เหรอ บังเอิญจังเลย !”
นีรชากับจันทร์ฉายหันขวับไปมอง
โลกมันแคบจริงๆ
นี่มันผู้หญิงคนนั้นนี่ หญิงสาวในชุดลูกไม้
One-Piece !
จันทร์ฉายหันไปมองหน้านี้รชา ก่อนจะลุก ขึ้นยืน ยิ้มทักทายหญิงสาวในชุดลูกไม้สีขาว : นภนัย เธอก็มานี่ด้วยเหรอ ?
จันทร์ฉายแนะนำสองคนให้รู้จักกัน : ” น้ำ นี่คุณนภนัย เป็นแฟนของเพื่อนนรุตม์น่ะ นภนัย นี่
นีรชา เพื่อนสนิทฉันเองค่ะ
นีรชานึกอยากจะขำออกมา ยังจะบอกว่า
เป็นแฟนของเพื่อนนรุตม์อีกนะ ! จันทร์ฉายคงจะ กลัวว่า นภนัยจะรู้เรื่องระหว่างเธอกับภัสกรณ์ล่ะ
มั้ง !
แต่ทว่าที่จันทร์ฉายพูดออกไปแบบนั้นมันก็เหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นที่อยู่ดีๆจะไปจุด ประกายไฟมันลุกโชน
นภนัยจำนีรชาได้ ก่อนจะยิ้มและยื่นมือไป ทักทาย : “คุณนั่นเอง !”
นีรชาจับมือกับนภนัยอย่างมีมารยาท : ” เรื่องวันนี้ ต้องขอบคุณคุณนภนัยด้วยนะคะ”
จันทร์ฉายทำหน้าเหวอ : รู้จักกันด้วยเหรอ ? ”
” นี่เธอสองคน
นภนัยเล่าเรื่องวันนี้ให้จันทร์ฉายฟัง พร้อม ทั้งเอ่ยปากชม : ” เพื่อนเธอดูดีนะจันทร์ฉาย ! บุคลิกท่าทางดูโอเคเลย ”
จันทร์ฉายรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยิ้มเนียนๆไป
: “น้ำเค้าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกนะ วันหน้า
พวกเราก็มาพบปะพูดคุยกันได้นะ ทักทายกันอยู่พักหนึ่ง เสียงมือถือของ จันทร์ฉายก็ดังขึ้น
เธอรับสาย คุยอยู่ไม่กี่ประโยค ก่อนจะหัน มาขอโทษกับนภนัย พร้อมพูดว่า : ” นรุตม์มารับ ฉันพอดีเลย ฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ น้ำกับฉัน กลับทางเดียวกัน เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเองนะน้ำ !”
นภนัยยิ้มละมุน : ” ไม่เป็นไรจ้า อีกเดี๋ยวภัสกรณ์ก็เลิกงานละ ฉันจะรอทานข้าวเย็นกับเขา ที่นี่แหละจะ ”
สองสาวขึ้นรถ นีรชาแสดงความยินดีกับนรุ ตม์ ว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่คุณพ่อมือใหม่ นรุตม์เอ งก็แซวนีรชา : ” น้ำ ได้ยินว่าจันทร์ฉายเค้า เตรียมพาหนุ่มโสดโปรไฟล์ดี มาแนะนำให้เธอ รู้จักนี้ ดูท่าแล้วคงอีกไม่นานก็จะได้ดื่มเหล้า มงคลของเธอแล้วล่ะมั้ง ?”
เหล้ามงคลเหรอ.. ยังห่างไกลวันนั้นอยู่
อีกเยอะ
จู่นีรชาก็รู้สึกจิตใจหดหู อารมณ์เศร้า หมองขึ้นมาอีกแล้ว
นรุตม์ไม่ได้สังเกตอารมณ์ขุ่นมัวของนี้รชา กับจันทร์ฉายแล้วล่ะ ! แต่ว่าน่าจะทันคู่ภัสกรณ์ นะ เดี๋ยวสิ้นปีเขาก็แต่งละ ”
หัวเราะเอ็กอีกอยู่คนเดียว : ” คงตามไม่ทันผม
จันทร์ฉายกระทั่งแฟนหนุ่ม : “พูดอะไร
ของคุณน่ะ ! ยัยน้ำจะแต่งงานทำไมต้องตาม อะไรคนอื่นเค้าด้วยล่ะ ? ”
นรุตม์รีบเถียง : ” ไม่มีอะไรสักหน่อย
ก็แค่แซวเล่นเอง !”
นีรชายิ้ม : “จันทร์ฉาย นี่เธอจะโหดไป ไหน ! แค่แซวกันขำๆก็ไม่เว้นหรือไง !”
จันทร์ฉายฝืนยิ้มแหยๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมหน้า เธอถึงได้รู้สึกเกร็งๆชาๆ ยิ้มไม่ค่อยออก
รถแล่นมาจอดที่บ้านพักของนีรชา นรุตม์ เดินออกไปส่งนี้รชาเข้าบ้านเรียบร้อย กำลังจะ เดินกลับมาที่รถ จันทร์ฉายบิดที่หูเขา เริ่มตำ หนิแฟนหนุ่ม : “คุณนี่ก็พูดไม่คิด ไม่ดูตาม้า ตาเรือเอาซะเลย นึกยังไงพูดเรื่องภัสกรณ์ต่อ หน้ายัยน้ำหะ !
นรุตม์ๆ ปนประหลาดใจ : “พูดถึงแล้วยัง ไงอ่า มันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกันเลย ! เรื่องมัน ผ่านมาเป็นชาติแล้ว !”
จันทร์ฉายจ้องเขาตาเขม็ง : “วันนี้ฉันกับ ยัยน้ำบังเอิญเจอนภนัยล่ะ ต่อให้ยัยน้ำไม่พูด อะไร แต่ฉันดูออกว่าน้ำรู้สึกอึดอัด ต่อไปคุณก็ อย่าพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็แล้วกัน ! ”
เมียเริ่มหัวร้อนแล้ว นรุตม์มีเหรอจะกล้าหึือ รีบทำท่าสาบาน ต่อไปนี้จะสงบปากสงบคำ
รถแล่นเข้ามาในเขตหมู่บ้านของจันทร์ฉาย คืนนี้แสงจันทร์สุกสว่าง จันทร์ฉายรบเร้าสามีจะออกไปเดินเล่น : ” พวกเราเดินไปที่ป่าต้นแปะ ก๊วยฝั่งตะวันออกกันเถอะ ไปนั่งเล่นกัน ! จะรีบ เข้าบ้านทำไม วันนี้อากาศดีดี ไม่ออกไปเดินเล่นนี่ เสียดายแย่ !
นรุตม์จอดรถไว้ด้านนอกหมู่บ้าน เขากุมมือ จันทร์ฉายค่อยๆพากันเดินไปตามทางป่าต้นแปะ ก๊วย
แสงจันทร์ส่องแสงนวลมายังผืนป่า นรุตม์ พาจันทร์ฉายมานั่งตรงเก้าอี้ไม้ ใต้เงาตันแปะก๊วย สายลมอ่อนๆพัดมา ทั้งสองคลอเคลีย อิงแอบ แนบชิดกันอยู่เงียบๆ อย่างสุขสบายใจ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ