จักรพรรดิมารหวนคืน

บทที่ 89 ตระกูลเจิ้งในเมืองหลวง



บทที่ 89 ตระกูลเจิ้งในเมืองหลวง

ตระกูลเจิ้งในเมืองหลวง !

เมื่อเฉินจิ้นพาโม้หลัวกับโม้ซื่อมาถึงตระกูลเจิ้งในเมือง

หลวงแล้ว

ตระกูลเจิ้งก็ได้เฉันสู่สภาพของการป้องกันแล้ว

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในรากเหง้าของตระกูลเจิ้ง แทบจะไม่ ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน มีความแข็งแกร่งชั้นสูงสุด ปรมาจารย์ เจิ้งหงจื้อ ตอนนี้ก็นี้กำลังยืนอยู่ต่อหน้าผู้คนตระ กูลเจิ้ง

เห็นทั้งสามคนเดินมาอย่างมั่นใจ ในดวงตาของผู้อาวุโส เจิ้งหงจื้อก็มีแสงสว่างวาบ

“หยางโป๊ ท่านพ่อของคุณล่ะ ?”

เสียงของเจิ้งหงจือแหบไปบ้าง แต่เสียงที่ส่งออกมาก็ เหมือนกับเสียงฟ้าร้อง

ไม้ชื่อได้ยิน แต่ได้ไม่ตอบรับคำพูด

เพียงแค่เดินตามหลังเฉินจิ้นอย่างเคารพ แล้วเดินไปยังฝั่งตระกูลเจิ้ง

ใบหน้าอันเก่าแก่ของเจิ้งหงจื้อก็เผยสีหน้าแห่งความเจ็บ

ปวด

อายุของเขามากเกินไป และเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าใน พลังวิชาบูโด ไม่มีความหวังที่จะเฉันสู่แตนเสิน ไม่เกินห้าปี เขาก็จะต้องมรณภาพในท่านั่งสมาธิ

ในฐานะที่เป็นสายเลือดเดียวกัน และเป็นชั้นสูงสุด ปรมาจารย์ด้วย ระหว่างเขากับเจิ้งเจี้ยนหัวสองคนจึงมีความ รู้สึกพิเศษอย่างหนึ่ง ก่อนหน้าหนี้เขารู้สึกว่าลมหายใจแห่ง ชีวิตของเจิ้งเจี้ยนหัวได้หายไป จึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่าง เกิดขึ้น จึงได้ออกมาจากการฝึกซ้อมในทันที

จากนั้นจึงได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดของตระกูลเจิ้งนี้

ในตอนแรกเขายังคงมีความหวังอันริบหรี่ แต่ตอนนี้เมื่อ ได้เห็นพฤติกรรมแบบนี้ของเจิ้งหยางโป้ เขาก็รู้ว่าเจิ้งเจี้ยน หัวผู้ยอดเยี่ยมคนแรกของตระกูลเจิ้งที่ได้แตะถึงธรณีประตู แดนเงินได้ตายแล้วจริงๆ

ส่วนเขา ชีวิตกำลังจะมาถึงจุดจบ เขาสามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตของตระกูลเจิ้งจะต้องเสื่อมลง !

“ท่านนี้ คิดว่าคงเป็นเฉินจิ้นสินะ !”

เจิ้งหงจื้อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินอยู่ฉันงหน้าเจิ้งหยาง โป๊กับเจิ้งตงหยาง จึงพูดออกมา

“ไม่ผิด” เฉินจิ้นมองไปที่เขาแล้วพูดออกไปอย่างราบเรียบ “ถ้าคุณรู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร วันนี้จะไว้ชีวิตได้ !”

ดวงตาของเจิ้งหงจื้อฉายแววซับซ้อน “กระดูกอันเก่าแก่ ของฉันนี้ได้ฝังลงไปในดินเหลืองเกินครึ่งหนึ่งแล้ว มีชีวิตอยู่ นานไม่กี่วันหรือหายไปไม่กี่วันมันก็ไม่ต่างกัน”

“เจี้ยนหัวตายด้วยน้ำมือของคุณนั้นมันก็สมเหตุสมผล ถ้า มิใช่เพราะตระกูลเจิ้งไปยั่วยุคุณก่อน มากไปกว่านี้คือตง หยางสั่งคนไปลักพาตัวภรรยาและลูกน้องของคุณ ก็อาจจะ ไม่เดินมาถึงขั้นนี้ ซึ่งมันโทษคนอื่นมิได้ !”

ในดวงตาของเฉินจิ้นฉายแววประหลาดใจ

“เหตุและผลก็ได้จบไปแล้ว ตระกูลเจิ้งของฉันสัญญาว่าจะไม่หาเรื่องอีก ยังยินดีที่จะทำการชดใช้ไม่รู้ว่า เสี่ยวโหย่วจะยอมปล่อยคนทรยศสองคนนี้ให้ตระกูลเจิ้งได้ หรือไม่ จากนี้ไปพวกเราก็ลบล้างทั้งหมด !”

เพื่ออนาคตของตระกูลเจิ้งเจิ้งหงจื่อต้องประนีประนอม

ยิ่งไปกว่านั้นคือเฉินจิ้นเป็นอัจฉริยะ ยังอายุน้อยก็สามารถ สังหารเจิ้งเจี้ยนหัวได้ พลังของเขาในตอนนี้ยังไม่เท่าเจิ้ง เจี้ยนหัวเลย ซึ่งเป็นคู่ต่อเฉินจิ้นไม่ได้

“เรื่องตลก หากจะเป็นเช่นนั้น ใครก็ตามสามารถหาเรื่อง และทำอันตรายต่อเพื่อนและครอบครัวของฉันได้แล้ว สู้ไม่ได้ ก็เลยหาวิธีชดเชยด้วยการขอโทษ ?”

เฉินจิ้นหัวเราะเยาะ

“ฉันรู้ว่าคุณมีพลังมาก แต่ถ้าคุณยืนยันจะทำเช่นนี้ สุดท้ายมันก็สูญเสียทั้งสองฝ่าย ทำไมไม่เลือกเอาชนะไป ด้วยกันละ ?”

เจิ้งหงจื่อพูดต่อไป

เขาไม่สามารถสังหารเฉินจิ้นได้ สังหารเฉินจิ้นไม่ได้ก็หมายความว่าตระกูลเจิ้งจะมีคู่ต่อสู้ในระดับแดน เงินที่มีความแข็งแกร่งน่าหวาดกลัว

แม้ว่าในอดีตตระกูลเจิ้งจะแข็งแกร่ง แต่หลังจากเขา มรณภาพในท่านั่งสมาธิแล้ว ตระกูลเจิ้งก็จะเป็นอันตราย !

“สูญเสียทั้งสองฝ่าย คุณนี่มองตนเองสูงเกินไปแล้วนะ”

เฉินจิ้นพูดอย่างหัวเราะเยาะ

“แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ แต่คุณก็หยิ่งยโสเกิน

ไป ตระกูลเจิ้งของฉันเป็นตระกูลที่เคยมีแดนเสินนะ !” เจิ้งหงจือรู้ว่าเฉินจิ้นจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน

หากจะทำเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ต่อสู้กันเลย

“เริ่มค่าย !” เจิ้งหงจื่อพูดออกไปด้วยน้ำเสียงต่ำ

ทันใดนั้นเฉินจิ้นก็รู้สึกถึงสภาพรอบๆ ตัวราวกับว่าเกิด การเปลี่ยนแปลงไปทันที

เขาเฉันไปอยู่ในเขาวงกตอันกว้างใหญ่ที่ไม่มีขอบเขต

รอบๆ ตัวเต็มไปด้วยหมอก !

ไม่สามารถตัดสินเวลาและแยกทิศทางได้ !

ค่ายประสาทหลอน !

เฉินจิ้นตัดสินทันทีว่านี่คือค่ายอะไร

“เฉินจิ้น ตอนนี้คุณตกอยู่ในค่ายปกป้องจวนของตระกูล เจิ้งของฉันแล้ว นี่เป็นบรรพบุรุษแดนเส้นของฉันลงมือทำขึ้น มาเอง ขอให้คุณเพลิดเพลินแล้วกันนะ”

ในตอนนี้เสียงของเจิ้งหงจื่อเฉกเช่นเสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว

ทิศ

มุมปากของเฉินจิ้นยกขึ้นอย่างเยาะเย้ย

นี่เป็นสิ่งที่แดนเสินของฉันลงมือทำขึ้นมาเอง ? ค่ายประสาทหลอนนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

แต่ก็ยังเป็นคำพูดนั้นเช่นเดิม

หากเขายังอยู่ในแดนฝึกลม ถ้าอย่างนั้นเฉินจิ้นจะต้องไป หาใจกลางของค่าย ตามขั้นตอน จากนั้นค่อยไปทำลาย ค่ายประสาทหลอน นี้
ทว่าตอนนี้เขาได้เฉันมาสู่แดนเสินทงแล้ว แม้ว่าเพิ่งจะเฉ้น สู่แดนเสินทง และยังอยู่ใน แดนเสินทงชั้นต้น

แต่มันก็ต่างจากอดีตไปแล้ว

“อะไรเรียกว่าเดินทาง ? มันคือไม่อยู่ในภพภูมิธรรมดาๆ”

“ก็แค่ค่ายประสาทหลอน แตกสลายให้ฉัน !”

เฉินจิ้นตะโกนออกไป ยืนอยู่ที่เดิม ส่วนเท้าขวาก็กระทืบ ไปที่พื้นอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นก็มีคลื่นกระทบที่ไร้รูปร่างกระจายไปรอบๆ จาก เฉินจิ้นที่เป็นศูนย์กลาง

“แย่แล้ว ค่ายไม่คงที่ !”

ในใจของเจิ้งหงจือตกตะลึง

นี่เป็นค่ายที่บรรพบุรุษแดนเสินสร้างขึ้น ถ้าไม่ได้อยู่ใน แดนเส้น วิธีที่ดีที่สุดในการทำลายค่ายคือการใช้ฝีมือ แม้จะ เป็นชั้นสูงสุดปรมาจารย์ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกำลังเพื่อทำลาย ค่ายได้อย่างแน่นอน

ค่ายนี้จะไม่คงที่ได้อย่างไร ?
แต่ยังโชคดีที่ค่ายแค่หวั่นไหว จากนั้นก็กลับมามี เสถียรภาพอีกครั้ง

“คุณเด็กสารเลวนี่สมกับเป็นปีศาจจริงๆ เลยนะ หวังเพียง ว่าค่ายนี้จะสามารถขังเขาไว้ได้ ถ้าเขาไม่สามารถทำลาย ค่ายได้ไม่ได้กินไม่ได้ดื่ม บางทีอาจจะขังเขาจนตายก็ได้ ถ้า ทำได้เช่นนั้นจริงๆ ตระกูลเจิ้งก็จะปลอดภัยแล้ว !”

เจิ้งหงจื่อมองไปยังเฉินจิ้นที่อยู่ในค่าย แล้วพูดพลางถอน หายใจ

ในเวลาเดียวกันก็มองไปยังโม้ชื่อและโม้หลัวด้วยสายตา ที่เยือกเย็น

แต่ในตอนนั้นเจิ้งหงจื้อก็ดีกว่าค่ายสั่นสะเทือนอีกครั้ง มันเป็นเพียงชั่ววินาทีสั้น ๆ แต่ความรุนแรงของการสั่น สะเทือนนั้นยิ่งใหญ่กว่าเดิม !

ในสมองของเจิ้งหงจื้อจึงมีความคิดที่น่าเหลือเชื่ออย่าง หนึ่งขึ้นมากะทันหัน

ไม่ใช่เฉินจิ้นกำลังใช้พลังทำลายค่ายแล้วเหรอเนี่ย ? เขาสามารถทำให้ค่ายที่แดนเสินหวั่นไหวได้อย่างไม่คาดคิด ?

เจิ้งรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง ! จากนั้นค่ายก็ได้สั่นขึ้นมาอีกครั้ง

เจิ้งหงจื้อตกใจกลัว

เฉินจิ้นกำลังทำลายค่ายอย่างรุนแรงจริงๆ นอกจากนี้แล้ว สามารถสั่นสะเทือนค่ายที่แดนเสินสร้างไว้ได้จริงๆ

เฉินจิ้นที่อยู่ในค่ายรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ค่ายนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดไว้

เห็นได้ว่าผู้ยอดเยี่ยมแดนบนโลกนี้ก็มีความสามารถ

อยู่บ้าง แต่ก็เพียงแค่นี้

แตกสลายให้ฉัน

เฉินจิ้นได้ตะโกนออกไปอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีพลังชั้นต่อชั้นกระจายไปรอบๆ จากเขาที่เป็นศูนย์กลาง

ที่ที่พลังหวนตัวนผ่านไปก็แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ

วินาทีต่อมา หมอกกับเขาวงกตที่อยู่รอบๆ เฉินจิ้นก็หาย

ไปจนหมด

จากนั้นจึงกลับสู่ปกติอีกครั้ง

เจิ้งหงจื่อเห็นฉากนี้แล้วก็เบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อแม้แต่

น้อย

เฉินจิ้นทำลายค่ายที่บรรพบุรุษของพวกเขาสร้างเอาไว้ได้ จริงๆ อย่างไม่คาดคิด

นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?

“คุณ..ทำไม ?”

เจิ้งหงจื้อพูดอย่างตะกุกตะกัก

เฉินจิ้นพูดพลางหัวเราะเยาะ “ก็แค่ค่ายประสาทหลอน

ฝีมือต่ำต้อย !”

หลังจากโม้หลัวครองตระกูลเจิ้งแล้ว เขาจะสร้างค่ายให้ ตระกูลเจิ้งขึ้นมาให้อีกหนึ่งค่าย

ค่ายปกป้องจวนที่มีทั้งชุดป้องกันและโจมตี

หากสามารถรวบรวมชิ้นส่วนที่หายากในจักรวาลได้ เฉินจ นก็จะสามารถสร้างจักรวาลที่มีค่ายปกป้องจวนให้เหมือนปูชนียสถาน ที่ตระกูลใหญ่ได้สืบต่อ

กันไปเป็นหมื่นปี

อานุภาพนั้น แม้ว่าโลกนี้จะระเบิดแล้ว ก็ยังสามารถ ป้องกันความปลอดภัยของตระกูลเจิ้งได้ !

ในตอนนี้เจิ้งหงจื้อเริ่มสิ้นหวัง

ความทรงพลังของเฉินจิ้นอยู่เหนือกว่าจินตนาการของเขา

อย่างสิ้นเชิง

หรือว่าพระคุณจะทำให้ตระกูลเจิ้งของฉันล่มสลาย ?

ใบหน้าของเจิ้งหงจื้อฉายแววแห่งความเจ็บปวด

แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหายใจอย่างหนึ่งที่ทำให้

เขาหวาดกลัวมาก

ในใจของเฉินจิ้นก็กระโดดขึ้น

ในตระกูลเจิ้งมีกลิ่นหายใจแบบหนึ่งกระจายมาก ทำให้ เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่คาดคิด

จากนั้นก็มีแสงสีทองตัดผ่านท้องฟ้า แล้วปรากฏต่อหน้า เฉินจิ้น

ในดวงตาของเฉินจิ้นก็มีแสงเปล่งประกาย ทันใดนั้นก็กวัดแกว่งมือ แล้วเบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏแสงสีเทาห่อหุ้มด้วยแสงสี นั่นคือพลังหวนด้วน

แสงสีทองนั้นไม่ได้สลายไปในทันที

แต่อดทนจากการกัดกร่อนของพลังหวนต้วนได้หลาย

วินาทีจึงหายไป

น่าสนใจ !

ถ้าชีวิตนี้เฉินจิ้นไม่ได้ฝึกฝนพลังหวนด้วน วันนี้ก็อาจจะได้ รับบาดเจ็บจากแสงสีทองนี้

เฉินจิ้นคิดว่าถ้าเปลี่ยนพลังหวนด้วนเป็นพลังหลิง ก็อาจจะ ไม่สามารถเอาชนะแสงสีทองนี้ได้

นึกไม่ถึงเลยว่าในตระกูลเจิ้งจะมีของวิเศษอยู่

ในตาของเฉินจิ้นเปล่งประกาย !

เมื่อเจิ้งหงจื้อเห็นฉากเมื่อกี้แล้วก็ตกตะลึงในทันที

ในตระกูลเจิ้งมีใครจะสามารถสร้างผลกระทบที่รุนแรง

ขนาดนี้ออกมาได้ ?

ทำไมเขาไม่รู้เลยว่าในตระกูลเจิ้งยังมีผู้ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ?

ในตอนแรกการปรากฏแสงสีทองที่ทำให้เขาหวาดกลัว นั้น มันทำให้ใจที่สิ้นหวังของเขา มีความหวังเกิดขึ้นอย่างไม่

เคยมีมาก่อน

แต่วินาทีต่อมา หัวใจของเขาก็จมลงสู่ก้นหุบเขาอีกครั้ง

เฉินจิ้นทรงพลังเหลือเกิน !

เจิ้งหงจือรู้ว่าว่าเขาโดนแสงสีทองนั้นเฉัน เขาจะต้องได้รับ การบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน หรืออาจจะตายในทันทีก็ เป็นไปได้

อย่างไรก็ตามเฉินจิ้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

ไม่น่าแปลกเลย ขนาดเจิ้งเจี้ยนหัวผู้ซึ่งได้แตะธรณีประตู แดนเส้น ยังตายด้วยน้ำมือของเฉินจิ้น

เฉินจิ้นอาจได้เฉันสู่แดนเสินครึ่งก้าวแล้วก็ได้

ยิ่งคาดเดาแบบนี้ เจิ้งหงจื้อยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก
เฉินจิ้นได้ยื่นมือไปตบบนร่างกายของเจิ้งหงจื้อ จากนั้น ก็ได้ปิดจุดฝังเข็มทุกช่องบนร่างกายของเจิ้งหงจื่อ

ทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังภายในได้แม้แต่น้อย

“ที่เหลือยกให้พวกคุณเลยนะ !”

เฉินจิ้นพูดกับโม้หลัวและโม้ชื่อที่อยู่ฉันงหลัง

“ครับ !”

โม้หลัว เจิ้งตงหยาง กับโม้ชื่อ เจิ้งหยางโป้ ได้ตอบไป พร้อมกันทั้งสอง

จากนั้นเฉินจิ้นก็ยกเจิ้งหงจื้อหายตัวไปจากที่เดิม เมื่อกี้เขาได้ส่งจิตเงิน ออกไปแล้ว และพบแหล่งที่มาของ

แสงสีสอง

นึกไม่ถึงว่ามันอยู่ในศาลบรรพบุรุษของตระกูลเจิ้ง ครู่ต่อมาเฉินจิ้นก็ได้พาเจิ้งจื่อไปปรากฏตัวศาลบรรพบุรุษของตระกูลเจิ้ง

ในศาลบรรพบุรุษของตระกูลเจิ้งมีป้ายวิญญาณของ บรรพบุรุษของตระกูลเจิ้งตั้งอยู่เยอะแยะมากมาย

แต่ในหมู่นั้น มีสถานที่สำหรับเป็นโต๊ะบูชาแยกต่างหาก ด้านบนไม่มีป้ายวิญญาณแต่ได้ตั้งรูปทองคำรูปหนึ่งไว้

เมื่อเจิ้งหงจื่อเห็นรูปปั้นทองคำนี้แล้ว ในใจก็ผุดความคิด หนึ่งออกมา หรือว่าแสงสีท้องเมื่อกี้เป็นสิ่งที่รูปปั้นสีทองนี้ส่ง ออกมา

มิฉะนั้นเฉินจิ้นจะพาเขามาที่ศาลบรรพบุรุษทำไม

“รูปปั้นทองคำนี้ เป็นของแตนเสินในตระกูลเจิ้งของคุณเห

รอ?”

เฉินจิ้นถามขึ้น

เจิ้งหงจื่อตอบอย่างภาคภูมิใจ “คือบรรพบุรุษของฉัน !”

ในเวลาเดียวกันในใจก็ตื่นเต้นขึ้นมา บรรพบุรุษแดนเสินช องตระกูลเจิ้งของพวกเขา ได้เอารูปปั้นทองคำนี้ไว้ให้เมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว และได้บอกว่า “ลูกหลานของตระกูลเจิ้งต้องบูชาทุกวัน จากนั้นก็หายจาก

โลกไป”

ร้อยปีผ่านไป

ไม่เคยเห็นอีกเลย !

ลูกหลานของตระกูลเจิ้งของพวกเขาเหล่านี้คาดเดาว่า บรรพบุรุษแดนเส้นอาจจะเสียชีวิตไปนานแล้ว

แต่เขานึกไม่ถึงเลยสักนิดว่าร้อยปีต่อมารูปปั้นทองคำที่ บรรพบุรุษแดนเสินที่ทิ้งไว้ให้นี้ยังสามารถส่งพลังร้ายแรง ขนาดนี้ออกมาได้อย่างอัตโนมัติ

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินจิ้นยอดเยี่ยมเกินไป ถ้าแทนที่เป็นคน อื่น มารุกรานตระกูลเจิ้งและทำลายค่ายปกป้องจวน อาจจะ ต้องถูกแสงสีทองนั้นสังหาร

“บรรพบุรุษมีน้ำใจเหลือเกิน เสียดายที่พระคุณต้องการ ให้ตระกูลเจิ้งของฉันล่มสลาย !”

สีหน้าของเจิ้งหงจื้อเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ดูเหมือน เขาจะเห็นใจแล้วว่าทำไมบรรพบุรุษแดนเสินจึงให้ลูกหลานตระกูลเจิ้งบูชารูปปั้นทองคำ เงินจิ้นเดินไปฉันงหน้า จากนั้นหยิบรูปปั้นทองคำมาจาก

แท่นบูชาโดยตรง

ถือไว้ในมือ

เมื่อเจิ้งหงจื้อเห็นฉากนี้แล้วจึงรีบพุ่งเฉ้นไปสู้กับเฉินจิ้น ด้วยชีวิต

แต่ตอนนี้พลังภายในของเขาถูกปิดกั้น ไม่ต่างจากคนแก่ ธรรมดาๆ เท่าไหร่ แม้แต่จะเฉันใจเฉินจิ้นยังทำไม่ได้ นับ ประสาอะไรกับห้าม

หลังจากเฉินจิ้นถือรูปปั้นทองคำในมือแล้วมีความรู้สึก อย่างหนึ่ง จากนั้นมุมปากก็ปรากฏขึ้นยิ้มอย่างเยาะเย้ย

“ยังไม่ตายอีกเหรอ ?”

เฉินจิ้นพูดอย่างเยาะเย้ย รูปปั้นทองคำนี้ไม่ได้เป็นอาวุธ มานาระดับสูง อย่างที่เฉินจิ้นคิด

แต่เป็นเครื่องบูชาพิธีเซ่นไหว้อย่างหนึ่ง

ในจักรวาลก็มีผู้ทำไสยศาสตร์และเครื่องบูชาพิธีเช่นใหว้ ซึ่งเฉินจิ้นไม่ได้รู้สึกแปลก

ในรูปปั้นทองคำนี้ ได้เก็บพลังแห่งความแห่งศรัทธาไว้

อย่างหนาแน่น

นอกจากนี้ยังยันต์ลึกลับบางอย่างอยู่ ในทุกๆ ครั้งที่ห่าง กัน พลังแห่งศรัทธาก็จะหายไปจากยันต์

เฉินจิ้นรู้ว่าพลังแห่งความศรัทธาเหล่านี้เกิดจากลูกหลาน ของตระกูลเจิ้งบูชาทุกวัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับบรรพบุรุษแดนเสิน ลูกหลาน ตระกูลเจิ้งก็จะคลั่งไคล้และบูชา แทบจะพูดได้ว่าเป็นความ ศรัทธาของตระกูลเจิ้งของพวกเขา

ในรูปปั้นทองคำนี้ได้เก็บพลังความศรัทธาไว้ไม่น้อย แสง สีทองเมื่อกี้ได้ทำให้พลังแห่งศรัทธาหายไปบางส่วน

“ถ้าหลอมพลังแห่งศรัทธาของรูปปั้นทองคำนี้ มันจะช่วย ให้ฉันมีพลังทะยานขึ้นเป็นอย่างมาก แล้วตอนนั้นจิตเสินก็ยิ่ง จะแข็งแกร่งมากขึ้นอีก”

เฉินจิ้นพูดอยู่ในใจ
ส่วนบรรพบุรุษแดนเส้นของตระกูลเจิ้งจะตายหรือมีชีวิต

อยู่ เงินจิ้นก็ไม่ได้สนใจ

แต่พลังแห่งศรัทธานี้ เขาจะเอาให้ได้ !

เฉินจิ้นใช้ จิตเงิน ผสมกับพลังหวนด้วนเพื่อลบยันต์ที่อยู่

ในรูปปั้นทองคำ !

ในเวลาเดียวกัน

ที่ใดสักแห่งในปริภูมิบนโลกใบนี้

มีร่างหนึ่งลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างฉับพลัน ในดวงตาเปล่ง ประกายด้วยแสงสีทอง !

“มันเป็นใคร ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ