จักรพรรดิมารหวนคืน

บทที่ 61 สาวน้อย



บทที่ 61 สาวน้อย

โดยเฉพาะตัวนอ เขานึกถึงก่อนหน้านี้ก่อนที่เฉิน จิ้นจะลุกขึ้นยืน ได้ตบลงไปบนที่นั่งเบาๆ

นี่เขาทำบ้าอะไรกันแน่?

แต่ว่า นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

ด้วยพละกำลังอันเต็มเปี่ยมของเขา เพียงตบ เบาๆก็สามารถทำให้เก้าอี้แตกเป็นเสี่ยงๆได้

แต่เหมือนกับว่า ใช้กำลังภายในเขย่าเก้าอี้จน แตกหัก เขย่าเสียจนกลายเป็นผุยผง จุดที่สำคัญที่สุดก็ คือ ไม่นึกว่าจะยังคงรักษารูปร่างเดิมเอาไว้ได้ มองไม่ ออกสักนิดว่ามีอะไรเสียหายไปบ้าง ถ้าไม่ใช่เมื่อครู่มีลม พัดเข้ามาล่ะก็….

นึกถึงตรงนี้ ตัวนอู่ก็รู้สึกหวาดผวาขึ้นมาเลย

ต่อให้เป็นท่านปู่สาม ก็กลัวว่าจะทำไม่ได้ถึงขั้นนี้!

“ที่นั่งตรงนั้น เขาเพิ่งนั่งไปเมื่อครู่อย่างนั้นหรือ?” ถึงจะเป็นตัวนอจี้ ด้วยพลังปรมาจารย์ช่วยของเขา ตอนนี้ก็ค่อนข้างตื่นตระหนกตกใจ

ให้เขาเขย่าเก้าอี้จนแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีปัญหาอยู่ แล้ว ให้แหลกจนกลายเป็นเศษผง เขาก็ทำได้ แต่ให้คง สภาพเดิมเอาไว้ทำไม่ได้อย่างแน่นอน!

“ดูแล้ว พวกเราตระกูลตัวนพลาดโอกาสใหญ่ไป แล้วจริงๆ!” ตัวนอู่จีกล่าวขึ้น
“ท่านปู่สาม ข้า.” ต้วนอู่หวาดกลัว

ตัวนอู่จิ้มองเขา จะตำหนิด้วนอู่ได้หรือ? ก็โทษ เขาไม่ได้หรอก ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่นๆในตระกูลตัวน การมาเยือนเจียงโจวอย่างกะทันหันของคนตระกูลสูง ศักดิ์ที่มีอิทธิพล เกรงว่าจะไม่สามารถมีท่าทางดีๆให้กับ พวกเขาได้

เพราะลำดับขั้นตอนไม่เหมือนกัน!

นี่เป็นความหยิ่งยโสของตระกูลใหญ่ที่สืบทอด กันมาร้อยปี ปฏิบัติกับคนนอกด้วยท่าทางโอหังอวดดีที่ เป็นมาตั้งแต่กำเนิด!

ถ้าเฉินจิ้นรู้ว่าด้วนอู่จี้มีความคิดแบบนี้ ก็กลัวว่าจะ ตำหนิเขาออกมาตรงนั้นเลย นี่ไม่ใช่ความหยิ่งยโส แต่ เป็นความโง่เขลาต่างหาก!

“พลาดโอกาสไปแล้ว มักจะดีกว่าล่วงเกินอีกฝ่าย เสมอ!” ตัวนอู่จี้ทอดถอนใจ

ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายเป็นเพียงชายหนุ่มที่อายุยี่สิบ กว่าเท่านั้น แม้ตัวนอู๋จี้จะชี้ขาดถึงอีกฝ่ายว่าไม่ใช่ ปรมาจารย์ แต่นั่นก็ยังแข็งแกร่งกว่าเขา ในใจลึกๆแล้ว ยังค่อนข้างไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่

แต่ เขายังคงกำชับว่า: “ส่งคนไปตามหาเฉินจิ้น ในทันทีที่มีข่าวคราวของเขา รีบเชิญเขามาเป็นแขก ทันที!”
หลังจากเฉินจิ้นออกไปจากตระกูลตัวน ก็ยังคง

ทอดถอนใจ

ตระกูลตัวนพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ไปแล้ว เช่น เดียวกัน เขาก็หมดหนทางที่จัดการค่ายจูหลิงใน อาณาเขตของตระกูลต้วนอีกด้วย

จะดึงดันช่วงชิงมาอย่างนั้นหรือ?

ไม่อยู่ในความคิดหรอก

เป็นถึงเจ้าแห่งโลกปีศาจ เฉินจิ้นมีสิทธิที่จะหยิ่ง

ในศักดิ์ศรีได้

หากคนอื่นกล้าล่วงเกินเขา กล้ารังแกเขาขึ้นมา เขาก็จะเอาคืนกลับไปที่ผู้อาวุโสอีกสิบเท่า ร้อยเท่า มิ เช่นนั้น เขาก็คงไม่มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ในโลกนี้ได้ หรอก

แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าคนอื่นไม่ได้ยั่วยุเขา ไม่ ได้ล่วงเกินเขา เฉินจิ้นก็จะไม่เป็นฝ่ายไปรังแกใครก่อน แม้ในสายตาของเฉินจิ้นตระกูลตัวน จะเป็น

ตระกูลโง่เขลาที่อยู่ในกะลา แต่อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นฝ่าย เริ่มหาเรื่องเขาก่อน เขาก็คงไม่ทำเพื่อค่ายจูหลิงขนาด นั้น กำจัดตระกูลตัวนให้หมดสิ้น แล้วแย่งชิงอาณาเขต ของคนอื่น นั่นไม่ใช่สไตล์ของเขา!

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากตระกูลตัวนแล้ว ยังมีตระ กูลเงินอีก!
หลังออกมาจากตระกูลตัวน เฉินจีนก็กลับไปท บ้านก่อน

จากนั้นให้คนส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปที่ตระกูลเสี่ นอีกครั้ง

ไม่ใช่จดหมายแสดงความเคารพ!

แต่เป็นการท้าทาย!

หลังจากตระกูลเสิ่นได้รับจดหมายท้าทาย ก็ โมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ตระกูลสูง ศักดิ์มีอิทธิพลเจียงโจวพวกนี้มีคุณสมบัติพอที่จะมา ท้าทายพวกเขากัน

แม้ว่าตอนนี้ตระกูลเสิ่นจะมีศึกทั้งภายนอกและ ภายใน ไม่ได้มีพละกำลังมากเหมือนกับเมื่อก่อน แต่นั่น ก็ไม่ได้หมายความว่าหมาแมวตัวเล็กๆพวกนั้นจะมา ท้าทายอย่างไรก็ได้

“รับคำท้า กำจัดเขาให้สิ้นซาก ให้ตระกูลจาก เจียงโจวที่จะก่อการร้ายพวกนั้นดูสักหน่อย พวกเราตระ กูลเสิ่น แข็งแกร่งอย่างที่เป็นมาเสมอ ไม่ใช่คนที่พวก เขาจะมาแสหาเรื่องได้!”

ภายในตระกูลเสิ่น มีคนกล่าวออกมาด้วยความ โมโห

ดังนั้นวันนั้นหลังจากได้รับจดหมายท้าทายแล้ว เฉินจิ้นก็ได้รับการตอบกลับมา

ระบุเวลาไว้ว่าอีกสามวัน!
แต่ภายในระยะเวลาสามวันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนัง เกิดขึ้น

เฉินจิ้นอยู่ระหว่างทางที่กำลังจะไปฝึกฝนพลัง เวทย์มนต์ที่ค่ายจูหลิงที่มหาวิทยาลัยเจียงโจว ตอนที่ ผ่านซอยเขตเมืองเก่าแห่งหนึ่ง จู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องขอ ความช่วยเหลือ

ไม่ใช่เรื่องของตนเอง ก็วางเอาไว้ข้างๆไม่ต้อง สนใจ

เฉินจิ้นเป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่นมาก่อนเลย แต่ทว่า ครั้งนี้ หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วย เหลือ เฉินจิ้นก็รู้สึกฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูกอยากจะไปดู ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

จากนั้น เฉินจิ้นจึงเดินไปถึงข้างซอย ก็ได้เห็น กลุ่มนักเลง กำลังล้อมรอบสาวน้อยคนหนึ่งเอาไว้ ปาก พ่นคำลามก่อนาจารออกมาไม่หยุด

“แม่เจ้า เป็นครั้งแรกเลยนะที่ข้าได้เห็นเด็กผู้ หญิงน่ารักขนาดนี้!” “สาวน้อยที่กำลังโตสวยยอดเยี่ยมขนาดนี้ ถ้าเอา ไปขายล่ะก็ ต้องได้ราคาดีแห่งเลย เลี้ยงดูอีกไม่กี่ปี คง

ได้เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์จนเป็นภัยต่อประเทศและผู้คน

แน่ๆ!”

“ไม่ต้องพูดถึงอีกกี่ปีหรอก ตอนนี้ คนที่มีเงิน ก็ ยอมจ่ายแพงๆเพื่อจะเอาไปเล่นแล้ว กลัวว่าเจ้าจะไม่รู้ คนพวกนั้นก็ชอบสาวน้อยอย่างนี้แหละ!”
ไม่อย่างนั้นพวกเราลองก่อนไหม?”

ไปไกลๆเลยไป ลองก่อนก็ไม่ได้ราคาสูงๆแล้ วน่ะสิ แต่ ถ้าไม่ทำให้ร่างกายเธอได้รับบาดเจ็บ ก็คง ทำให้พวกเราพอใจได้บ้าง!”

นักเลงพวกนั้น กำลังล้อมรอบสาวน้อยอยู่ สายตา เปล่งประกายไม่หยุด สีหน้าตื่นเต้นดีใจ

ถึงกับมีคนอยากจะใช้มือสัมผัสเธออย่างไม่หยุด

ยั้ง

สาวน้อยหลบซ้ายหลีกขวา ครู่เดียวก็โดนคุกคาม ไปจนถึงมุมตึก ไม่มีที่ให้ถอยได้อีกแล้ว

เธอน้ำตาคลอ เสียงสะอื้น ขอร้องไม่หยุด: “พี่ ชายทุกท่าน ขอร้องล่ะปล่อยข้าไปได้ไหม? ข้า..ข้ามี ลูกอมข้าให้พวกท่านหมดเลยก็ได้นะ…..

พูดๆอยู่ สาวน้อยก็หยิบลูกอมสองเม็ดออกมา จากในกระเป๋า

มองอย่างค่อนข้างเสียดาย แล้วก็ใช้มือเล็กๆสอง ข้างที่เปื้อนนิดหน่อยประคองเอาไว้ ส่งให้นักเลงพวก นั้น

น้อยใจ หวาดกลัวแล้วก็น่าสงสาร!

“ใครมันจะใส่ใจลูกอมสองเม็ดของเจ้ากัน!”

นักเลงหนึ่งคนในนั้น โยนลูกอมสองเม็ดที่อยู่ใน มือของเธอลอยออกไปอย่างดุดัน

ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้มือของสาวน้อยเจ็บปวดขึ้นมา

แต่สาวน้อย ราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มือ เลย ในทางกลับกันหลังจากเห็นลูกอมโดนโยนออกไป น้ำตาก็ไหลออกมาทันที

อยากจะยื่นมือออกไปเก็บลูกอมที่ตกอยู่บนพื้น แต่ยื่นมือออกไปอย่างขี้ขลาด แล้วก็รีบดึงมือกลับเข้ามา

กำลังมองผู้ใหญ่พวกนั้นตรงหน้าอย่างหวาดกลัว “พี่ชายทุกท่าน ขอร้องพวกท่าน อย่ารังแกกั่วกัวได้ไหม? ขอร้องพวกท่าน..”

นักเลงคนหนึ่งเบิกตาโพลงไปที่นักเลงคนนั้นที่ โยนลูกอมของสาวน้อยทิ้งไป แล้วก็หันกลับมา พยายาม ที่จะแสดงรอยยิ้มใจดีอ่อนโยนออกมาก่อน: “น้องสาว ไป กับพวกข้าเถอะ ข้าไม่รังแกเจ้าหรอก ข้าจะพาเจ้าไปกิน ของอร่อย ซื้อเสื้อผ้าให้ใหม่ แล้วก็ส่งเจ้าไปที่ที่มีแต่พี่ สาวน้องสาว พวกเธอใจดีต่อเจ้ากันทั้งนั้นนะ ดีไหม?”

“จริงหรือ? พวกเธอจะดีกับกั่วกัวมากๆเลยใช่ ไหม?” สาวน้อยเห็นพวกเขาไม่รังแกตนเองแล้ว จึงหยุด ร้องไห้ ดวงตาที่ชุ่มชื้นกำลังมองคนๆนี้อยู่ ใบหน้าค่อน ข้างสับสน ราวกับว่ากำลังเฝ้ารอคอยอยู่

“แน่นอนสิ เพียงแค่เจ้าเชื่อฟัง ข้าพูดอะไร เจ้าก็ ทำตาม ทุกคนก็จะดีกับเจ้ามากๆเลย!”

นักเลงที่พูดนำคนนี้กำลังล่อลวงต่อไป

“ข้าจะเชื่อฟัง!”
สาวน้อยออกแรงพยักหน้า แล้วยืนแขนเสือออก มา เช็ดน้ำตาของตนเอง พยายามจะแสดงรอยยิ้ม

แม้ว่าบนใบหน้าจะค่อนข้างสกปรกอยู่บ้าง แต่ สาวน้อยเผยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก็ราวกับส่องแสงมาที่โลก ด้านนี้ นักเลงทุกคนที่มองอยู่ก็ใจเต้นกันทั้งนั้น

อายุแค่นี้ก็มีเสน่ห์ขนาดนี้แล้ว โตขึ้นจะขนาดไหน

ล่ะ!

หัวหน้านักเลงตัดสินใจแล้ว จะต้องขายเธอออก ไปในราคาสูงๆอย่างแน่นอน ถึงจะคุ้มกับรูปร่างหน้าตา ของสาวน้อย!

แน่นอน สวยงดงามขนาดนี้ ก่อนจะขายเธอออก ไป คงจะต้องลองก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…

“เชื่อฟังก็ดีแล้ว มา ให้ข้ากอดหน่อย..

พูดๆอยู่ ใบหน้าของหัวหน้านักเลงก็ปรากฏรอย ยิ้มที่ร้ายกาจ อยากจะยื่นมือทั้งคู่ไปกอดสาวน้อย

ด้วยสัญชาตญาณของสาวน้อยรู้สึกว่าค่อนข้าง อันตราย จึงหลบ แต่ลืมไปว่าไม่มีที่ให้หลบอยู่แล้ว

ทำได้เพียงก้มหัวอย่างประหม่า ยอมให้พี่ชายคน นี้เข้ามากอดตนเอง

จากนั้น พักใหญ่ สาวน้อยก็ไม่ได้รู้สึกถึงมือคู่นั้นที่ ทำให้เธอหวาดกลัว

สาวน้อยจึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งอย่างประหม่า แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่นึกว่าที่นี่จะมีพี่ชายเพิ่มมาอีกคน แล้วยังจับมือของคนนั้นก่อนหน้านี้เอาไว้ด้วย

“กระทั่งสาวน้อยก็ยังไม่ยอมปล่อย พวกเจ้า สมควรตายจริงๆเลยนะ!”

เฉินจิ้นกำลังมองนักเลงกลุ่มนี้ ความหมายของ การสังหารโผล่ออกมา

“เฮอะ! ไม่นึกว่าจะยังมีคนยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่อีก มา ยุ่งเรื่องของข้า เจ้ามันรนหาที่ตาย!”

หัวหน้านักเลงเห็นเฉินจิ้นมีแค่คนเดียว มองดู ร่างกายที่ผอมแห้ง ท่าทางบอบบาง ก็แสยะยิ้มขึ้นมา ทันที

“เจ้าชื่อกั่วกัวใช่ไหม?” เฉินจิ้นมองไปทางสาว น้อย ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

สาวน้อยกำลังมองเฉินจิ้น รู้สึกได้ถึงความ ปลอดภัยที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอพยักหน้าอย่างเต็มกำลัง “พี่ชาย ข้าชื่อกั่วกัว!”

“กั่วกัว หลับตา ปิดหูได้ไหม? รอให้ข้าเรียกเจ้า แล้ว ค่อยลืมตานะ!” เฉินจิ้นพูดขึ้นอีกครั้ง

“กั่วกัวจะทำตามที่พี่ชายบอก!” กั่วกัวพูดขึ้นอีก ครั้ง ในน้ำเสียง ไม่มีความน้อยใจและขี้ขลาดอย่างที่พูด กับนักเลงพวกนั้นก่อนหน้านี้เลย

หลังจากพูดเสร็จ ก็หลับตาและปิดหูอย่างว่าง่าย ตอนนี้เฉินจิ้นถึงมองไปที่นักเลงพวกนั้น: “ตอนนี้

พวกเจ้าก็ตายได้แล้ว!”
เสียงราวกับมาจากนรก ประกาศค่าตัดสินความ

ตายของพวกเขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ