บทที่ 22 หวางเม่ยอว
หลี่เฟยที่โดยเฉินจิ้นเพ่งเล็ง ก็รู้สึกสั่นไปทั้งตัว
พอซูนโก๋อานได้ยินว่าเฉินจิ้นตกลงว่าจะช่วยเขา นั้น ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
แต่ว่า ตอนที่เขากำลังจะขอบคุณเฉินจิ้นนั้น
พอได้ยินข้อแม้ทั้งสองข้อของเฉินจิ้นนั้น สีหน้าที่ตื่นเต้น ของเขาก็หายไปทันที
ให้เขาเป็นที่หนึ่ง?
ให้เด็กน้อยคนนี้เนี่ยนะเป็นที่หนึ่ง?
ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้หลุดออกไป คงทำให้คนที่ได้ยิน หัวเราะกันแน่นอน
แต่ว่า พอคิดไปคิดมา รักษาชีวิตตัวเองไว้คือเรื่อง ที่สำคัญกว่า
ตอบตกลงไปก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน ส่วน เรื่องที่จะทำยังไงนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องของเขาแล้ว
ดังนั้น ซูนโก๋อานก็ตอบตกลงทันที
ในตอนนั้น เฉินจิ้นก็เข้ามากระซิบที่ข้างหูของเขา นิ่งๆว่า “ยังไม่ต้องรีบหรอกครับ ไปคิดให้ดีๆก่อนแล้ว ค่อยมาตอบผมก็ได้ ชั่วชีวิตของผม เกลียดการโดนหัก หลังมากที่สุด ถ้าเกิดว่าคุณยอมให้ผมเป็นที่หนึ่ง ผมจะ ปลูกเมล็ดพันธุ์ปีศาจในตัวคุณ ถ้าเกิดว่าคุณซื่อสัตย์ เมล็ดพันธุ์ปีศาจก็จะแสดงผลแก่คุณ ทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่า ถ้าเกิดว่าคุณกล้าหักหลัง เมล็ดพันธุ์นี้ก็ จะทำให้คุณอยากตายก็ตายไม่ได้ แต่ก็มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ ไม่ได้เหมือนกัน!”
คำพูดของเฉินจิ้น ทำให้ซูนโก๋อานอึ้งไปเลย
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะธรรมดา
แต่ว่าซูนโก๋อานกลับรู้สึกเหมือนกับว่าสัมผัสได้ ถึงพลังอำนาจที่น่ากลัว
ถ้าฉันอยากให้นายอยู่ นายก็ต้องอยู่!
ถ้าฉันอยากให้นายแข็งแรง นายก็ต้องแข็งแรง!
แต่ถ้าฉันอยากให้นายตาย นายก็ต้องตาย!
ถ้าเกิดว่าฉันอยากให้นายอยากตายก็ตายไม่ได้ แต่ก็มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไม่ได้เหมือนกัน นายก็ต้องเป็น แบบนั้น!
นี่ คือเด็กวัยรุ่นที่อายุ 20ต้นๆจริงเหรอ?
ซูนโก๋อานใจลอย
แต่ว่า เขาก็ตัดสินใจแล้ว “ผมตกลง ขอแค่คุณ ช่วยรักษาผม ต่อไป ผมจะเคารพคุณ ให้คุณเป็นที่หนึ่ง!”
ถ้าเกิดว่าเฉินจิ้นยิ่งใหญ่ขนาดนั้นจริงๆ ให้เขา เป็นที่หนึ่งไปแล้วจะทำไมกันล่ะ
“แต่ว่าจะไม่ถามหน่อยเหรอว่า จะให้คุณหมอหลี่ จ่ายอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน?”
ซูนโก๋อานยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร หลี่เฟยก็ถามออกมาด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ข้อ ข้อแลกเปลี่ยน อะไร?”
เฉินจิ้นหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ก็ไม่มีอะไรมาก ก็ แค่อยากจะยืมไฟทั้งห้าของญาติของคุณหมอซูน หลัง จากนั้น น่าจะประมาณหนึ่งปี คุณก็จะอ่อนแอจนเหมือน ไม่ใช่ผู้ชาย”
“แต่ว่า วางใจได้ หลังจากนั้นหนึ่งปี ผมสัญญา เลยว่าคุณจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม!”
พอหลี่เฟยได้ยินดังนั้นก็อึ้งทันที
เขาเข้าใจทันทีว่าธาตุไฟทั้งห้าที่เฉินจิ้นพูดถึงคือ อะไร มันก็คือไฟของหัวใจ ตับ ม้าม ปอด ไต
แต่ว่า มันไม่ใช่แค่ธาตุไฟธรรมดาๆเหมือนที่คน อื่นพูดกันทั่วไป
แต่ว่ามันเป็นปัจจัยสำคัญของอวัยวะภายในต่างๆ
“เสี่ยวเฟย วางใจเถอะ ฉันจะดูแลรักษาแกอย่าง ดี”ซูนโก๋อานพูดอย่างเอาใจใส่ ประโยคนี้ของเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาตัดสิน
ใจประหารชีวิตหลี่เฟย
ซูนโก๋อานพูดออกมาแบบนี้แล้ว หลี่เฟยยังจะ ปฏิเสธได้อีกงั้นเหรอ?
ตอนนี้ หลี่เฟยรู้สึกเสียดายต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป
เขาไม่อยากจะต้องมาเป็นหมอที่ดูแลอยู่ตรงนี้ เขาอยากจะไปหาที่ๆนึ่ง เพื่อกระทืบเฉินจิ้นจอมเสแสร้งซะให้รู้แล้วรู้รอด
ทำไมเขาถึงรู้ว่า ซูนโก๋อานที่เป็นถึงหมอเทวดา ที่ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็สามารถรักษาได้หมด แต่กลับ มาป่วยซะเอง แถมยังไม่สามารถรักษาตัวเองได้ด้วยอีก ต่างหาก
หลี่เฟยอยากจะต่อยหน้าตัวเองซักทีสองที
แต่ว่า มันสายเกินไปแล้ว
พอคิดว่า หนึ่งปีต่อจากนี้ ตัวเองจะต้องกลายเป็น ผู้ชายที่เหี่ยวเฉา
แม้แต่ยังไม่สามารถเป็นผู้ชายได้ด้วยซ้ำ ก็คงจะมี
สภาพเหมือนผู้ชายอัปลักษณ์ที่เสื่อมสมรรถภาพ ไม่มี เรี่ยวแรง แค่คิดแค่นั้นหลี่เฟยก็รู้สึกกลัว
เฉินจิ้นมองหน้าหลี่เฟยที่นิ่งไป ก็ยิ้มมุมปากอย่าง ชั่วร้าย
การช่วยรักษาซูนโก๋อาน จำเป็นต้องใช้ธาตุไฟทั้ง ห้าจากหลี่เฟยจริงๆเหรอ?
ล้อเล่นหนะ เฉินจิ้นเป็นใคร เขาเป็นหัวหน้าเทพ ปีศาจของโลกปีศาจเลยนะ ถ้าเกิดว่าการจะช่วยรักษาแค่ มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ต้องใช้วิธีการที่ยุ่งยากขนาดนั้น ถ้ายังงั้นเขาก็ไม่เหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าเทพปีศาจแล้ว
แต่ว่าเขาก็แค่ทำตามหลักการของตัวเอง
ถ้าแกไม่มายั่วยุฉันก็รอดแล้ว
แต่นี่กล้ามายั่วฉัน ไม่อยากให้ฉันอยู่อย่างสบายใจ ถ้ายังงั้นฉันก็จะให้กอยู่อย่างไม่สบายใจยิ่งกว่า เขาคือปีศาจ ไม่ใช่พระพุทธเจ้า!
“คุณแม่ยายที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ ให้ผมรักษาคุณพ่อ
ตาได้รึยังล่ะครับ?”
เฉินจิ้นหันไปมองฉินเฝั้งเจียวที่กำลังอึ้งจนพูด อะไรไม่ออกอยู่ แล้วก็พูดออกมาอย่างแดกดัน
“อ้อ “ฉินเฝิ้งเจียวถึงจะได้สติกลับมา หลังจาก นั้นเธอก็ดูกระตือรือรันขึ้นทันที
เฉินจิ้นส่ายหัว ผู้หญิงคนนี้ มีอำนาจมากเกินไป เขาไม่ชอบเลยแม้แต่นิดเดียว
ครั้งนี้ การรักษาซ่งเจี๊ยนหยวนด้วยการฝังเข็มนั้น สำหรับเฉินจิ้นแล้ว ไม่ได้รู้สึกกดดันเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาพยายามควบคุมแรงของตัวเอง ให้เบาที่สุด เท่าที่จะทำได้
แต่ว่าเข็มธรรมดาๆไม่กี่เล่มนั้น ใช้ธาตุอากาศที่ อยู่ภายในร่างกาย กระตุ้นเส้นประสาทของซ่งเจี๊ยน หยวน ผ่านไปไม่นาน เขาก็ถูกปลุกขึ้นมา
ทำให้ซูนโก่อานที่ดูเฉินจิ้นฝั่งเข็มอยู่ข้างๆนั้นรู้สึก ประหลาดใจ
ใช้วิธีการฝังเข็ม ในการปลุกคนๆหนึ่งให้ตื่น ก็ ไม่ใช่ว่าซูนโก๋อานทำไม่ได้
แต่ว่าสำหรับเขานั้นต้องใช้เวลานานมาก ค่อยๆ กระตุ้นเส้นประสาททีละน้อย บวกกับการใช้วิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีสภาวะ ผัก เพื่อให้ได้ผลควบคู่กัน
ถึงแม้จะใช้วิธีแบบนี้ ฝีมือการรักษาของเขาใน สายตาของมนุษย์โลกนั้น ก็เปรียบดั่งหมอเทวดาแล้ว แต่ว่า เฉินจิ้นกลับทำให้มันง่ายกว่านั้นอีก ตอนนั้นเองซูนโก่อานก็รู้สึกเชื่อใจในตัวเฉินจิ้นขี้ นมาทันที
ฝีมือการรักษาด้วยการฝังเข็มของเขา เรียกได้ว่า อยู่ในขั้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะภูมิใจในฝีมือการฝังเข็มของตัวเอง
มาโดยตลอด
แต่ว่าฝีมือของเฉินจิ้นนั้น ยังถือว่าห่างชั้นกับเขา
ไปเยอะมาก
ไม่ใช่สิ ถือว่าเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่า ที่เฉินจิ้นบอกว่าสามารถรักษาเขาได้ น่าจะเป็นเรื่องจริง
ในตอนนั้น สายตาที่เขามองเฉินจิ้นนั้น เต็มไป ด้วยความสั่นไหว และความกระตือรือรัน
หลังจากที่เฉินจิ้นฝังเข็มเสร็จแล้วนั้น ซ่งเจี๊ยน หยวนก็เริ่มขยับ เฉินจิ้นคลี่ยิ้มออกมา ดึงเข็มออกมา หลังจากนั้นฉันเฝิ้งเจียวและลูกสาวก็พากันล้อมเข้ามา
น้ำตา ก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
สามปี สามปีแล้วนะ
มองดูพ่อ (สามี)นอนอยู่บนเตียงนั้น ไม่ขยับเลย แม้แต่นิดเดียว ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ความทรมานของ พวกเธอจะมีใครบ้างที่เข้าใจ
“พ่อ พ่อรู้สึกยังไงบ้าง?”
“สามี มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายรึป่าว?”
ผู้หญิงทั้งสามคนต่างพากันแย่งกันพูด
ซึ่งเจี๊ยนหยวนลืมตาขึ้นมา แล้วก็มองใบหน้าที่คุ้น เคยของทั้งสามคน ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาก็ปรากฏ รอยยิ้มออกมา เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ราวกับว่า ตัวเองไม่ใช่ ผู้ป่วยที่นอนหลับไปสามปียังไงยังงั้น
“ฉันสบายดี ร่างกายรู้สึกสบายมาก รู้สึกดีกว่า ความรู้สึกใดๆเลย!”
แม้แต่ซ่งเจี้ยนหยวนเอง ก็รู้สึกประหลาดใจมาก ร่างกายของเขา รู้สึกแข็งแรงมากที่สุดเลย
“จิ้นเอ๋อเป็นคนช่วยฉันเหรอ?” ซ่งเจี๊ยนหยวนถาม ออกมา
ตอนที่เขามีอาการผู้ป่วยผักอยู่นั้น ถึงแม้ว่าเขาจะ ขยับและพูดไม่ได้ แต่มีเรื่องบางเรื่องที่เขาสามารถ
ได้ยินเหมือนกัน
พอซ่งเจี้ยนหยวนถามออกมาแบบนี้ ซ่งซึงเหย็น ถึงได้นึกขึ้นได้ เมื่อกี้พวกเธอตื่นเต้นเกินไปหน่อย ก็เลย ลืมเฉินจิ้นไปซะสนิทเลย
“เฉินจิ้น.”
ซึ่งชึ่งเหย็นหันหน้าไปเรียกเฉินจิ้น
แต่ว่า ตรงนั้นไม่มีแม้แต่เงาของเฉินจิ้น
ตอนนี้เอง เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าของโทร ศัพท์ซ่งซึ่งเหย็นก็ดังขึ้น
“ฉันยังมีธุระอื่นอีก ไปก่อนนะ พวกเธอก็อยู่ด้วย กันให้นานๆ พรุ่งนี้ตอนบ่าย พวกเราค่อยไปทำเรื่องหย่า ที่อำเภอกัน”
พอซ่งซึ่งเห็นเห็นข้อความนั้น ก็อึ้งไปเลย
ที่แท้เขาก็ไม่ได้เห็นเธอเป็นครอบครัวเดียวกัน เขาต้องการหย่า
ในใจของซ่งซึงเย็นเจ็บเหมือนมีเข็มมาปัก สายตาของเธอ เหมือนมีหมอกจางๆลอยอยู่เต็มไปหมด
“เป็นอะไรเหรอ? เฉินจิ้นไปไหนหนะ?”
“เขาบอกว่ามีธุระ เลยขอกลับก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ ตอนบ่ายจะไปทำเรื่องหย่า”เสียงของซ่งชึงเหย็นสั่นเล็ก น้อย
“อะไรนะ?”ซ่งเจี๊ยนหยวนช็อก
แต่ว่าฉันเฝิ้งเจียวรีบพูดออกมาทันทีว่า “ห้ามหย่า เฉินจิ้นไม่ใช่คนไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว ห้ามหย่าเด็ด ขาด”
ในสายตาของฉันเฝิ้งเจียว เฉินจิ้นได้เปลี่ยนเป็น เต่าทองคำแทนแล้ว
หลังจากนั้น เธอก็คิดอยู่พักนึง แล้วก็รีบพูดต่อว่า “ซึ่งเหย็น แม่ขอโทษจริงๆ ตอนแรกที่แม่ทำเป็นจับได้ว่า เฉินจิ้นกับจื่อหารทำพฤติกรรมที่ไม่ดีที่โรงแรมนั้น ที่จริง แม่กับจื่อหารแสดงละคร เพราะกลัวว่าเขาจะทำให้ลูก ไม่มีความสุข แต่ว่าตอนนี้ เขาสามารถทำให้ลูกมีความ สุขได้แล้ว อย่าหย่าเลยนะ”
พอซ่งซึ่งเห็นได้ยินดังนั้น ใบหน้าที่บอบบางก็ เต็มไปด้วยความขมขื่น!
เที่ยงคืน เจียงโจว ณ บ้านตระกูลหว่าง
หวางเม่ยอวูที่ถูกโลกภายนอกจัดอันดับว่าเป็น หนึ่งในสี่สาวงามที่ลึกลับแห่งเจียงโจว หลังจากจัดการ เอกสารบางอย่างเสร็จแล้ว เธอก็เอามือขึ้นลูบขมับเบาๆ
ใบหน้าที่สวยงามของเธอ ปรากฏริ้วรอยของ ความอ่อนเพลีย
“ยังไม่ทันจะรู้ตัว ก็ดึกมากอีกแล้ว”
พอมองเวลา หวางเม่ยอวก็ขมวดคิ้วแน่น
หลังจากนั้นก็ลุกขึ้น แล้วตรงไปที่ห้องอาบน้ำ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ
เปิดฝักบัว พอน้ำอุ่นไหลมากระทบร่างกายเธอ เธอถึงได้รู้สึกผ่อนคลาย
หลังจากนั้น เธอก็อาบน้ำต่อไป
หลังจากอาบน้ำเสร็จ หวางเม่ยอวบก็ใส่ชุดคลุม อาบน้ำ เธอเดินออกจากห้องอาบน้ำพลางเช็ดผมไปด้วย
แต่ว่า ตอนที่เธอกำลังเนือยๆและเดินเข้าห้อง นอนนั้น
กลับมองเห็นผู้ชายคนหนึ่ง มองหน้าเธอด้วยรอย ยิ้มขี้เล่น นอนอยู่บนเตียงของเธอ มองเรือนร่างของเธอ ด้วยสายตาที่ซุกซน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ