จักรพรรดิมารหวนคืน

บทที่ 21 ได้โปรด ช่วยชีวิตผมด้วย!



บทที่ 21 ได้โปรด ช่วยชีวิตผมด้วย!

“เฉินจิ้น รีบขอโทษหมอเชียนชูนเดี๋ยวนี้” ฉินเผึ้งเขียวรีบพูดออกมาอย่างร้อนรน

เฉินจิ้นมองหน้าแม่ยายของตัวเอง สีหน้าก็ เปลี่ยนไปทันที ทันในนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนทันที “เขามี คุณสมบัติอะไร ให้ผมต้องไปขอโทษ ! ”

พอพูดออกไปนั้น บรรยากาศตรงนั้นก็เงียบสงัด ลงทันที

ประโยคเมื่อกี้นี้ของเขา สามารถอธิบายได้ว่าเฉิน จิ้นไม่มีอารมณ์ขนาดไหน

ประโยคนั้นดีเข้าไปที่หน้าซูนโก๋อานเต็มๆ

ทั้งเมืองเจียงโจวนี้ มีใครซักกี่คนที่จะกล้าพูดแบบ

นี้?

จะมีใครที่เป็นแบบนี้อีก?

ทุกคนที่ประจบสอพลอเลียแข้งเลียขาหมอเซียน ซูนก็ต่างรีบเอ่ยปากขึ้นมา

“เฉินจิ้น ฉันยอมรับว่านายมีฝีมือในการรักษา แต่ เพราะว่าแบบนี้ ก็เลยไม่เห็นหมอเซียนซูนอยู่ในสายตา แถมยังพูดคำพูดอะไรที่น่าอับอายออกมาอีก นายนี่มันจะ อวดดีไปแล้วรึป่าว”

หลี่เฟยตำหนิออกมา
แต่ว่าในใจก็แอบรู้สึกดีใจเฉินจิ้นนะเฉินจิ้น ไม่ ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ แต่ว่าก็น่าจะมีเหตุผลมากกว่านี้ หน่อยนะ ไปล่วงเกินหมอเซียนซูนเข้า นายตายแน่ๆ

เฉินจิ้นมองหน้าเขา สายตาราวกับว่ากำลังมอง คนตายอยู่ยังไงยังงั้น เขายิ้มอย่างเยือกเย็น : “คนที่ แม้แต่ตัวเองยังรักษาไม่ได้ เหมาะกับการที่จะไปเรียก เขาว่าหมอเทวดางั้นหรอ? มันช่างน่าขำซะจริง”

อะไรนะ?

ซูนโก๋อานได้ยินประโยคนั้น ก็รู้สึกสะเทือนไปทั้ง

ตัว

สีหน้า สายตา เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขารีบหันหน้ามา แล้วมองหน้าเฉินจิ้นด้วยสายตา ตื่นเต้น ร่างกายสั่นเทาไปหมดทั้งตัว

ในสายตาของหลี่เฟยนั้นเห็นว่า ลุงคนนี้โกรธ

แล้วล่ะ

โกรธจนตัวสั่นไปหมดเลย

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนะ

เขารู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าเดิม ตอนนั้นเองเขาก็ เปิดปากพูดอีกครั้งว่า “เฉินจิ้น ถึงนายจะไม่เค้ารพรุ่นพี่ก็ ช่างเถอะ แต่นี่ยังมาสาปแช่งว่าหมอเซียนซูนบ้าไปแล้ว อีก ที่แท้นายก็เป็นคนเลวทรามได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ?”

ในเมื่อไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้ดีขึ้น ได้มากกว่านี้แล้ว ก็ใช้วิธีกดภาพลักษณ์ของเฉินจิ้นให้ต่ำลงก็แล้วกัน

ถ้าเกิดว่าเปลี่ยนความสนใจได้ ตัวเขาเองก็คง ไม่รู้สึกอึดอัดอะไรอีกต่อไป

พอซ่งซึ่งเห็นได้ยินคำพูดของเฉินจิ้น ก็เงียบลง ถ้าเกิดว่าเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะคิดว่าเฉินจิ้นบ้า มากอย่างไม่ลังเลเลย

แต่ว่าตอนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถ้าเทียบกับซู นโก่อานที่ไม่เคยล้มเหลวในการรักษาผู้ป่วยเลยซักครั้ง แต่ว่าเธอกลับเลือกที่จะเชื่อเฉินจิ้น เชื่อในทุกสิ่งทุก อย่างที่เขาพูดออกมา

แต่ว่า สำหรับฉันเฝั่งเจียวนั้นไม่เหมือนกัน เธออยู่ กับซ่งเจี๊ยนหยวนมาโดยตลอด การเปลี่ยนแปลงของ เฉินจิ้น นอกจากครั้งที่แล้วที่เขาช่วยชีวิตสามีเธอกลับมา นั้น เรื่องอื่น เธอก็เลือกที่จะเชื่อซ่งจื่อหารทั้งหมด ก็ เหมือนกับการฟังนิยาย

“เฉินจิ้น สีหน้าของหมอเซียนซูน แดงฝาด ร่างกายแข็งแรงมาก นายอย่ามาพูดพล่อยๆ รีบขอโทษ หมอเซียนซูนเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ยังทัน ถ้าเกิดว่าหมอเซียนซู นโกรธขึ้นมา แล้วก็ยังไม่ยอมหยุด แกเห็นว่าพ่อตาคนนี้ เป็นผักเป็นหญ้าอยู่ตรงรียังไง”ฉินเผึ้งเจียวกระซิบออก มา ถึงแม้ว่าท่าทางจะดีกว่าเมื่อกี้เยอะ แต่ว่าคำพูดพวกนี้ ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่า เขาไม่เชื่อในคำพูดของเฉิน จิ้น ทำให้เฉินจิ้นขมวดคิ้วแน่น

แต่ว่า ไม่ว่าจะใคร ก็นึกไม่ถึง
หมอเซียนซูนที่โดนด่าว่าป่วยนอกจากไม่ได้โกรธ แล้วนั้น แถมสีหน้ายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยว โหย่ว นายมองออกด้วยหรอ?”

เฉินจิ้นพูดไม่ผิดเลย เขาป่วยจริงๆ ร่างกายมี ปัญหา

แต่เขาแน่ใจเลยว่า ในเมืองเจียงโจวนี้ไม่มีหมอ คนไหนดูออกแน่นอน หลายปีมานี้ ที่เขาลาออกจากการ เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจียงโจว ก็ไม่ได้ไปรักษาผู้ ป่วยที่ไหนง่ายๆอีก แต่ว่าไปที่หวาเสี้ยแทน คนอื่นก็ต่าง คิดว่าเขาไปเที่ยว แต่ว่าเขาเองนั้นรู้ดีว่า เขาไปเพื่อหา ทางรักษาโรคของตัวเอง

แต่ว่าหลังจากไปมาทั่วประเทศ คนที่มองเกี่ยวกับ โรคของเขาออกนั้นมีไม่เยอะเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า จะมีใครรักษาได้

หลังจากนั้นมา ซูนโก๋อานก็เริ่มหมดหวัง ทั้งเมือง หวาเสี้ย หมอที่มีฝีมือในการรักษาสูงกว่าเขาไม่ใช่ไม่มี แต่ว่าบางคนเขาก็หาไม่พบ หรือถ้าหาพบ ฝีมือการรักษา ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย!

ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ไม่สามารถหาทางรักษาตัว เองได้เลย

ถ้าเกิดว่าคำพูดอวดดีของเฉินตื้นเมื่อกี้นี้ ทำให้ คนที่อยู่รอบข้างทั้งตกใจและโกรธ

คำพูดของหมอเซียนซุนเมื่อกี้นี้ ทำให้ผู้คนที่อยู่ รอบข้างได้ยินแล้วรู้สึกสับสนงุนงง
เสี่ยวโหย่วงั้นเหรอ?

การที่หมอเซียนซูนเปลี่ยนคำเรียกแบบนี้

หมายความว่ายังไงกัน?

สิ่งสำคัญก็คือ คำพูดของหมอเซียนซูนที่บอกว่า มองออกด้วยหรอ?

มองอะไรออก มองออกเรื่องที่เขาป่วยงั้นเหรอ?

หรือว่าที่แท้แล้วหมอเชียนซุนเป็นเหมือนที่เฉิน นพูดจริงๆว่าเขาป่วย?

“ใบหน้าของคุณแดงก่ำ แต่ว่ามันเป็นเพราะว่า สีหน้าสดใสขึ้นก่อนตายต่างหาก ถ้าเกิดว่าไม่รักษาให้ ถูกต้องภายในหนึ่งเดือน คุณ ต้องตายอย่างไม่ต้อง สงสัย!”

เฉินจิ้นยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

คำพูดของเฉินจิ้น ทำให้ทุกคนอึ้งไปเลย

หลี่เฟยด่าออกมาเสียงดังว่า “เฉินจิ้น ไอ้ชาติชั่ว แกแข่งหมอเซียนซูนว่าป่วยก็แล้ว แถมยังบอกว่าเขาจะ ตายภายในหนึ่งเดือนอีกงั้นเหรอ ต้องตายภายในหนึ่ง เดือนอย่างไม่ต้องสงสัย แกจะสื่อว่าอะไรกันแน่?”

หมอคนอื่นก็ต่างมีความคิดแบบเดียวกับหลี่เฟย แทบทนไม่ไหวที่อยากจะกลืนกินเฉินจิ้นไปทั้งเป็น ซูน โก๋อานคือหมออันดับหนึ่งที่ตำนานเลยนะ เป็นคนที่หมอ หลายๆคนเลื่อมใสศรัทธา

คนแบบนี้ ที่ทั้งชีวิตยังไม่เคยรักษาใครไม่ได้เลยซักครั้ง จะมาบอกว่า เขาจะมีชีวิตได้อีกไม่เกินหนึ่งเดือน งั้นเหรอ?

ถึงแม้ว่าหมอเซียนซูนจะป่วยจริงๆ แต่ว่ามันจะ

เป็นโรคที่แม้แต่เขาเองยังรักษาไม่ได้เลยเหรอ? “หุบปากเดี๋ยวนี้เลย”สีหน้าของซุนโก่อานเยือก

เย็น แล้วก็หันไปพูดกับหลี่เฟย

หลี่เฟยอึ้งไป

คุณลุงคนนี้ เวลาปกติใจดีกับเขามาก ไม่ยังงั้น เขาคงไม่เชิญซูนโก๋อานให้มาช่วยเขารักษาผู้ป่วยหรอก เพื่อที่เขาจะได้เสแสร้งได้

แต่ว่าคำพูดของซุนโก๋อานเมื่อกี้ เหมือนกับตบ หน้าเขาจังๆ เขากลายเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ดูเสแสร้งทันที

หลี่เฟยอยากจะเถียงออกไปเหมือนกัน แต่ว่าเขา ไม่กล้า เขาทำได้เพียงแค่มองหน้าเฉินจินด้วยสายตา เกลียดชังเท่านั้น หลังจากนั้นก็กลืนคำพูดทั้งหมด ลงท้องไป

ท่าทางของเขาตอนนี้ดูตลกมากเลย

“คุณคนที่กล้าถาม คุณแน่ใจแบบนั้นเหรอ?”

คำเรียกของซูนโก๋อานเปลี่ยนไปอีกครั้ง เข้าเดิน เข้าไปหาเฉินจิ้น เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย

ในสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้นั้น เขาคิดว่าตัวเองจะมี เวลาอีกซักสองสามปี ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่า เขายังมีเวลา ยังมีโอกาส
แต่ถ้าดูจากที่เฉินจิ้นพูดออกมา ภายในหนึ่งเดือน เขาต้องตาย ถ้ายังงั้นนจะทำยังไงดีล่ะ เขายังไม่อยาก ตายเลยนะ

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะยังไม่ค่อยเชื่อคำพูดของ เฉินจิ้นเท่าไหร่นัก แต่ว่า เฉินจิ้นแค่มองเขาแว๊บเดียวก็รู้ แล้วว่าเขาป่วย เขาก็ควรจะคว้าฟางช่วยชีวิตนี้เอาไว้ ก่อน

“ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ คุณจะมีอาการเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวใช่ไหม ตอนหนาว ก็เหมือนกับว่าอวัยวะ ทั้งหมดถูกแช่แข็งไว้ แต่ว่าตอนร้อน ก็เหมือนกับโดนไฟ เผาไปทั้งตัว แต่ว่าอุณหภูมิร่างกายเป็นปกติ?”

เฉินจิ้นพูดออกมานิ่งๆ

พอซูนโก๋อานได้ยินดังนั้น ก็หายใจเร็วขึ้นมาทันที ทุกสิ่งที่เฉินจิ้นพูดมา ตรงกับอาการเขาทั้งหมด

“ตอนนี้อาการพวกนี้ มาไวแต่ก็ไปไวเหมือนกับ คุณทนแค่แปปเดียวมันก็หายไปแล้ว แต่ว่าหลังจากผ่าน ไปหนึ่งเดือน สถานการณ์มันจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ จนถึง ช่วงเวลาหนึ่ง ร่างกายของคนจะแข็งเหมือนน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็จะละลายทันที เหมือนเป็นสระน้ำ!”

พอซูนโก่อานได้ยินก็สั่นไปทั้งตัว

ตัวเขาเองเป็นหมอเทวดา เพราะฉะนั้นแค่เฉินจี้ นพูดออกมา เขาก็รู้ทันทีว่า สิ่งที่เฉินจิ้นพูดคือเรื่องจริง ตอนแรก เขาก็นึกว่าสถานการณ์แบบนั้น จะเกิดขึ้นสองถึงสามปีหลังจากนี้ แต่ว่าเฉินจิ้นบอกว่ามีเวลาอีก แค่เดือนเดียวเท่านั้น เขาก็เลยรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่าง ควบคุมไม่ได้

“ถ้ายังงั้นได้โปรดช่วยชีวิตผมด้วย!”

ตอนนี้ซูนโก๋อานไม่สนใจศักดิ์ศรีของตัวเองแล้ว เขากัมโค้งคำนับต่อหน้าเฉินจิ้นเพื่อขอร้อง

หลายปีมานี้ เขาไปที่หวาเสี้ย เพื่อหาวิธีการรักษา คนที่รู้จักโรคนี้ก็มีแค่ไม่กี่คน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีวิธีการ รักษาเลย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลับมีคนวัยหนุ่มหนึ่งคน ที่ แค่มองหน้าเขา แล้วก็วินิจฉัยโรคของเขาด้วยตำราจีน โบราณ นี่มันยอดเยี่ยมมากเลย

นี่ต่างหาก ที่เรียกว่าหมอเทวดาตัวจริง!

การกระทำของซูนโก๋อาน ทำให้ทุกคนอึ้งไปอีก

ครั้ง

แม่เจ้า

นี่ฉันกำลังเห็นอะไรอยู่?

หมอเซียนซุน โค้งคำนับให้เด็กคนนึง เพื่อขอให้ เขาช่วยชีวิตงั้นเหรอ?

อย่างไรก็ตาม ท่าทางของเฉินจิ้น ทำให้ทุกคน รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตา

ทุกคนอึ้งจนชาไปหมด
“ผมเคยบอกด้วยเหรอว่าจะรักษาคุณ?” เฉินจิ้นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

เขาคือปีศาจ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่จะทำความดีให้ ทุกคน

ยิ่งไม่ต้องพูดว่า พระพุทธเจ้านั้น ต้องทำดีทุกครั้ง

จริงๆเหรอ?

“เฉินจิ้น นายมีสิทธิอะไร…

หลี่เฟยเห็นท่าที่ยโสโอหังของเฉินจิ้น ก็อดทน ไม่ไหวอีกต่อไป

แต่ว่า เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกตัดบททันที

ใช่ ถูกตัดบทด้วยการ ‘ตบ”

พลัก!

เสียงดังฟังชัด ดังขึ้นในห้องผู้ป่วย

หลี่เฟยมองหน้าซูนโก๋อานอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่แม้แต่จะกล้าคิดด้วยซ้ำ ว่าคุณลุงที่รักและ ทะนุถนอมเขามาตลอด จะตบเขา

“ไอ้เนรคุณ แค่อยากจะให้ฉันตายใช่ไหม?”

พอรู้ว่าตัวเองจะเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือน ซูน โก๋อานจะยังคงนิ่งได้เหมือนเมื่อก่อนอีกได้ยังไงกัน

หลังจากเขาตบหลี่เฟยแล้ว ซูนโก๋อานก็รีบหัน หน้ามา แล้วก็มองหน้าเฉินจิ้น โค้งคำนับลงอีกครั้ง “ได้ โปรด ช่วยชีวิตผมเถอะ!”
ครั้งนี้ ซูนโก่อานกลัวว่าเฉินจิ้นจะปฏิเสธอีกครั้ง ก็ รีบพูดต่อว่า “ถ้าเกิดว่าคุณยอมช่วยผม ไม่ว่าคุณจะขอ อะไร ผมก็จะทำให้ทั้งนั้น”

เฉินจิ้นหัวเราะออกมา “ช่วยชีวิตคุณงั้นเหรอ ก็ไม่ ยากหรอก แต่ว่ามีข้อแม้สองข้อ!”

“ข้อที่หนึ่ง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ต้องให้ผมเป็นที่ หนึ่ง”

“ข้อที่สอง การช่วยชีวิตคุณนั้น ต้องให้คุณหมอ หลี่เฟยจ่ายค่าแลกเปลี่ยนมาหน่อย”

พอพูดจบ เฉินจิ้นก็หันไปมองหน้าหลี่เฟยที่อยู่ ข้างๆนิ่งๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ