ตอนที่ 143 คุณยังจำฉันได้ไหม
นีรชาสูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือขวาให้ภัสกรณ์ด้วยท่วงท่าสง่างาม เธอยิ้มให้เขา แต่รอยยิ้มนั้นช่างดูห่างเหิน : “คุณ ภัสกรณ์ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
คุณภัสกรณ์
เธอเรียกเขาว่าคุณภัสกรณ์งั้นเหรอ ภัส กรณ์ได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง เขารู้สึกเจ็บแปลบไปถึง ขั้วหัวใจ
เป็นเวลา 5 ปีเต็มๆ ที่ไม่มีข่าวคราวของนีรช า เขาไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน ไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไง
เขาเองก็รู้ว่านีรชาเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ภัสกรณ์พยายามที่จะลืมเธอ เขาเลือกที่จะ เชื่อฟังปู่ของเขาที่จะให้เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตน
จนเมื่อฤดูหนาวผ่านพ้น ย่างเข้าฤดูใบไม้ ผลิ จนเมื่อดอกชบาผลิดอกงาม ภัสกรณ์พยายาม ที่จะลืมเธอ และทำใจยอมรับกับชีวิตที่ไม่มีนีรชา ได้แล้ว
แต่ทว่า แว้บหนึ่งที่เขาบังเอิญได้ยินชื่อเธอ ตอนที่คุยกับนรุตม์นั้น ใจเขากลับสั่นเทิมอย่างกับโดนไฟช่อต
ตอนนี้ เธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา รอยยิ้ม ที่แสนคุ้นเคย กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอ มันช่าง เหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน
แต่ว่า เธอกลับเรียกเขาว่าคุณภัสกรณ์
ภัสกรณ์ยื่นมือไปจับมือกับนีรชา ปลายนิ้ว เธอเย็นยะเยียบ มือของหญิงสาวยังคงนุ่มเนียน เหมือนแต่เก่าก่อน
ขณะที่กำลังรู้สึกประหม่า นีรชาค่อยๆดึงมือ ออกจากฝ่ามือของเขาอย่างสุภาพ
ฝ่ามือนั้นว่างเปล่า ด้วยสัญชาตญาณของ ภัสกรณ์ เขามองตามสายตาของนี้รชา
นีรชากลับไม่ได้ชายตามองเขาเลยแม้แต่ น้อย นีรชาหันไปยิ้มคุยกับนรุตม์ว่า : “คุณภัส กรณ์มาพอดี ถ้างั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ เชิญ พวกคุณคุยกันตามสบาย !
จันทร์ฉายรู้ดีว่านีรชาไม่อยากคุยอะไรกับ ภัสกรณ์อีก เลยหันไปคว้าแขนเพื่อนสาวพลาง ขยิบตาให้นรุตม์ : “ฉันกับน้ำไปก่อนนะ คุณก็อยู่ คุยกับคุณภาสกรไปก่อนแล้วกัน ! ”
สองสาวหันไปหยิบกระเป๋า กำลังจะเดินออกไป แตภสกรณรับสาวเท่ายาวๆ บนขวาง หน้านีรชาไว้ : ” นีรชา ผมมีบางอย่างอยากจะ บอกคุณ ”
นีรชาไม่รู้จะไปยังไงต่อดี
ท่าทางที่เธอแสดงออกไปเมื่อกี้ มันก็น่าจะ เห็นได้ชัดแล้วเธอไม่อยากจะคุยอะไรกับเขาอีก นีรชาก็ทำท่าจะเดินต่อไป บ่งบอกว่าเธอเริ่มออก อาการโกรธละ
คุณอยากจะพูดอะไร ? มีอะไรก็พูดมา นีรชาหลบสายตาของภัสกรณ์
จันทร์ฉาย เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะไป เข้าห้องน้ำหรอก รี ? ผมกำลังอยากไปพอดี งั้น เราไปด้วยกันเลย !” นรุตม์เป็นสายตาเฉียบคม เข้าใจสถานการณ์ แค่ได้ยินที่ภัสกรณ์พูดกับนีรช า ก็พอเดาออกแล้วว่าควรพาจันทร์ฉายออกไป จากตรงนั้น
จันทร์ฉายถูกนรุตม์ลากถูลู่ถูกัง มาที่ ห้องน้ำ ก็ไม่วายที่จะโกรธ : ” ที่คุณทำอะไรของ คุณเนี่ย ! ปล่อยน้ำไว้กับภัสกรณ์แบบนั้น ไม่รู้ ว่าเขาจะทำอะไรกับเพื่อนฉันอีก ! ”
นรุตม์ยิ้มเจ้าเล่ห์ :
“คนรักเก่ามาเจอกันแล้วเราสองคนจะไปยุ่งกับเค้าทำไมล่ะ ? โตๆกัน แล้ว น่าจะรู้อะไรควรไม่ควรนะ คุณจะไปกังวลกับ เขาทำไมกัน ”
จันทร์ฉายยังไม่ทันจะอ้าปากพูด ก็ถูกริม ฝีปากประกบจูบลงมาอย่างไม่รีรอ
ใต้ซุ้มดอกวิสทีเรีย บรรยากาศเย็นเยียบ ราวกับยืนอยู่บนน้ำแข็ง
“คุณภาสกร .. ” ในที่สุด เสียงเบาๆของ นีรชา ก็ทำลายความเงียบชวนอึดอัด
ภัสกรณ์ ที่ปากบอกว่ามีอะไรอยากจะบอก กับเธอ จนตอนนี้ได้แต่เงียบเชียบจน บรรยากาศรอบตัวมันอึดอัด จนเธออยากจะหนีไป เสียให้ไกลจากตรงนั้น
11 5 ปีที่แล้ว ผมยังติดค้างคุณอยู่ ยังไม่มี โอกาสได้บอกกับคุณว่า ผมขอโทษ วันนี้ผมได้ เจอคุณแล้ว หวังว่าคุณจะยอมรับคำขอโทษจาก ผม ”
คำพูดของภัสกรณ์นั้น ช้าและแผ่วเบาจน แทบไม่ได้ยิน ทว่านีรชาได้ยินทุกคำพูดของเขา อย่างชัดเจน
เธอหัวใจเต้นแรงพลุ่งพล่าน แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ นีรชาส่งยิ้มให้เขา : คุณภัสกรณ์ เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว อย่ารื้อฟื้นมันอีกเลย ทุกอย่างก็เป็นแค่อดีต แต่ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่เหรอ ? ”
แววตาของภัสกรณ์เริ่มหดหู ดูท่าแล้วนีรชา คงลืมทุกอย่างในอดีตไปจนหมดสิ้น ” ฉันมีธุระ ต้องขอตัวก่อน รบกวนคุณช่วยลาคุณนรุตม์กับยัย จันทร์ฉายแทนฉันด้วยนะคะ ” นีรชาพูดด้วยน้ำ เสียงราบเรียบ แต่ปลายนิ้วเธอสั่นเทา
นีรชาเดินไปหยิบกระเป๋าบนเก้าอี้ พยายาม รักษาจังหวะก้าวเดิน เก็บอาการของตัวเองให้นิ่ง เข้าๆไว้ ก่อนที่จะรีบเดินออกจากร้านอาหารไป
ดวงอาทิตย์ค่อยๆลาลับไปจากขอบฟ้า ภัส กรณ์ยืนนิ่งอยู่ตามลำพังใต้ซุ้มดอกวิสทีเรีย ลม โชยพัดดอกวิสทีเรียสีม่วง ค่อยๆปลิวร่วงหล่นลง บนไหล่ของเขา
จันทร์ฉายกับนรุตม์ยืนอยู่นอกห้องน้ำ ใต้ กำแพงดอกไม้ พากันมองไปที่ภัสกรณ์
“คุณภัสกรณ์คงรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง ! ฉันชักจะเริ่มสงสารเขาละนะ ” จันทร์ฉายขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจ
นรุตม์หันไปมองจันทร์ฉาย : “เธอไม่ สังเกตเหรอว่า ตั้งแต่นีรชาไปอยู่เมืองนอก เจ้า ภัสกรณ์มันนิ่งสุขุมขึ้นเยอะ ?”
จันทร์ฉายนึกๆดู ก็พนักหน้าเห็นด้วยกับนร ตม์ : “อืมใช่ๆ ! เอาจริงๆก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละ คนเลยล่ะ เมื่อก่อนเคยเป็นพวกเลือดเย็น หยิ่ง จองห้อง เอาแต่ใจ แต่ตอนนี้เริ่มมีความเป็น มนุษย์กับเค้าละ”
นรุตม์บีบจมูกแฟนสาว : ” เธอนี่พูดไป เรื่อยนะ ! ภัสกรณ์มันเป็นเพื่อนซี้ผมนะ ต่อไป ห้ามพูดไม่ดีถึงเค้าเข้าใจมั้ย ”
จันทร์ฉายจ้องหน้าแฟนหนุ่ม : “ยัยน้ำก็ เป็นเพื่อนรักฉันนะ ! ดูที่เขาทำกับเพื่อนฉันตอน นั้นสิ น่าเวทนาแค่ไหน ต่อให้ต้องด่าอีกกี่หมื่นคำ มันก็สมควรแล้ว !”
นรุตม์โบ้ยปากให้ไปทางเงาต้นไม้ ที่ภัส กรณ์ยืนอยู่ : “เธอลองหันไปดูสิ ดูว่าตอนนี้เป็น ใครกันแน่ที่น่าเวทนา ?
จันทร์ฉายมองดูภัสกรณ์ ยิ้มเยาะออกมา : “สมน้ำหน้า ! สมควรแล้วที่ถูกยัยน้ำเย็นชาใส่ มันต้องโดนแบบนี้แหละ ! ”
นรุตม์สายหน้า: “พวกผู้หญิงนี้นะ ชอบ
เจ้าคิดเจ้าแค้นกันจริงๆ ! ”
จู่ๆจันทร์ฉายก็นึกขึ้นได้ : “เฮ้ย แล้วนา ยภัสกรณ์มาที่นี่ได้ไงอ่า ? นี่คุณแอบหักหลังเอา ความลับพวกเราไปเปิดเผยใช่มั้ย ? ”
นรุตม์ผู้ใส่ชื่อ : “ตอนที่เรานั่งกินข้าวกัน เจ้าภัสกรณ์มันโทรเข้ามาพอดี แล้วจังหวะที่เธอ กำลังตะโกนชื่อนี้รชา เจ้าภัสกรณ์มันน่าจะบังเอิญ ได้ยินเข้าพอดี แล้วก็คงจะมานี่ตามพิกัดตำแหน่ง ที่มันขึ้นนี่ล่ะมั้ง”
จันทร์ฉายรู้สึกประหลาดใจ : “ต้องขนาด นั้นเลย ? นายภัสกรณ์คงไม่ได้กำลังคิดวางแผน อะไรบางอย่างอยู่นะ ?”
นรุตม์ทนฟังต่อไปไม่ไหว : “เจ้าภัสกรณ์ ทั้งรูปหล่อ บ้านรวย มีสาวๆมากมายรอเข้าคิวอีก เยอะ ! นีรชาเองก็ไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ที่ไหน เขาคงยังรู้สึกจำฝังใจ หรือไม่ก็น่าจะยังรู้สึกผิด ต่อนีรชา ”
จันทร์ฉายพยักหน้าหงึกๆ : ” ถ้าเป็นงั้นก็ ดีแล้ว ยัยน้ำไม่มีทางกลับไปอะไรกับเค้าหรอก แล้วอีกอย่างฉันก็หาผู้ชายที่เหมาะสมกับยัยน้ำ ไว้เรียบร้อยแล้วด้วย รอให้ยัยน้ำเข้าที่เข้าทางกว่านี้ก่อน แล้วจะพา 3–มาแนะนำให้นาง
รู้จัก !”
นรุตม์หัวร้อนขึ้นมาทันที : “แล้วนี่เธอ ทำไมถึงไปรู้จักผู้ชายสเปคดีๆพวกนั้นได้อ่ะ ? จันทร์ฉาย ผมขอเตือนคุณไว้ก่อนเลย อย่าได้ คิดเจ้าชู้วอกแวกเชี่ยวนะ !”
จันทร์ฉายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ : “เหอ ๆๆๆๆ งั้นคุณก็ต้องเอาอกเอาใจ ปรนนิบัติพัดวีฉันดีๆนะ จ๊ะ รู้มั้ย !
นีรชาง่วนอยู่กับการเก็บข้าวของ ทำความ สะอาดบ้าน อยู่หลายวัน เก็บกวาดเข้าที่ก็เริ่ม หาสมัครงาน
นีรชาพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของ
เธอ
นีรชามีวุฒิการศึกษา เอกการสื่อสาร สาธารณะต่างประเทศ อีกทั้งยังมีประสบการณ์ ทำงานมาด้วย 1 ปี หลังจากที่เธอยื่นเรซูเม่ไป ตามบริษัทต่างๆไม่นาน ก็ได้รับหนังสือตอบกลับ จาก เอฟเอส บริษัทด้านการประชาสัมพันธ์ชั้นนำ นัดเธอสัมภาษณ์
ในวันสัมภาษณ์ นีรชาในลุคโดดเด่นเป็นสง่า ด้วยชุดสาวออฟฟิต OL สุดเนียบ แมทช์ลุ คด้วย chanel 2.55 กระเป๋าสุดคลาสสิคตลอด กาล ในกระจกบานนั้น คือหญิงสาวใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวผุดผ่อง นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย ผมสี น้ำตาลเข้มหยักลอนสวยแบบธรรมชาติ บุคลิก สวยหรู ดูแพงแบบสาวอินเตอร์
นีรชายกกำปั้นขึ้นมาตรงหน้า ปลุกพลัง ความฮึกเหิมให้ตัวเอง : “นีรชา สู้ๆ !”
อาคารสำนักงานของเอฟเอส ตั้งอยู่ที่โซน เดียวกับ CBD ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับบ้านพักของนีรชา ดูจากแผนที่แล้วนั่งรถไฟใต้ดินไปไม่กี่สถานีก็ถึง พอเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน นีรชาก็ต้อง ประหลาดใจว่า ตึกของบริษัทเอฟเอส อยู่ข้างๆ ตึกของบริษัทที.เอส พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปนี่เอง !”
นีรชามองออกไปตรงหน้ากระจกบานใหญ่ ก็มองเห็นตึกสีขาวของที.เอส พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เธอรู้สึกกดดันขึ้นมาทันทีทันใด
ถ้าหากสัมภาษณ์ผ่านขึ้นมาจริงๆ นี่ฉันจะ ต้องได้เจอหน้าภัสกรณ์อยู่บ่อยๆอย่างงั้นรี ? ”
นีรชาสะบัดหัวไปมา รู้สึกว่าตัวเองน่ะ คิดมากไปแล้ว ขึ้นชื่อว่า CBD ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว ว่ามีหลายๆตึกรวมอยู่ด้วยกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ ที่จู่ๆจะบังเอิญไปเจอใครเข้า !
ณ ห้องโถงใหญ่ นีรชากรอกแบบฟอร์ม ลงชื่อผู้เยี่ยมชมเสร็จ ก็มีเจ้าหน้าที่นำป้ายแท็กที่ เขียนว่า ” ผู้เข้าสัมภาษณ์ ” มาติดไว้ที่แขนเสื้อ เธอ ก่อนจะปล่อยให้เธอเข้าไปด้านใน
ที่ล็อบบี้มีสาวน้อยหน้าตายิ้มแย้มยืนทัก ทายนีรชา พร้อมเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปยังห้อง สัมภาษณ์ : ” เชิญคุณผู้หญิงไปที่ห้อง 2107 รอ เรียกสัมภาษณ์ค่ะ อีกสักครู่ดิฉันจะเสิร์ฟน้ำชาให้ นะคะ
ประตูห้อง 2107 เปิดอยู่ ในห้องมีโต๊ะกลม ตัวเล็กๆวางอยู่ตัวหนึ่ง ข้างๆกันมีต้นไม้กับชั้นวาง หนังสือตั้งอยู่ ดูแล้วตกแต่งได้อบอุ่นสบายตา ดู ไม่เหมือนห้องสัมภาษณ์เลยจริงๆ ออกจะคล้าย ห้องหนังสือในบ้านซะมากกว่า
นีรชารู้สึกประทับใจในบริษัทเอฟเอสขึ้นมา ทันที ดูแล้วบริษัทนี้น่าจะค่อนข้างยึดมั่นในหลัก มนุษยธรรม ดูใส่ใจพนักงานดีนะ
รออยู่พักหนึ่ง ผู้สัมภาษณ์ก็ยังไม่เข้ามา พนักงานล็อบบี้เดินถือถาดพร้อมน้ำมะนาวมา เสิร์ฟให้กับนีรชา เธอกล่าวขอบคุณก่อนจะถือ วิสาสะ ถือแก้วน้ำมะนาวเดินไปชมวิวตรงหน้าต่าง
นีรชามองออกไปรอบๆ ข้างนอกหน้าต่าง นั้น พลันสายตาต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่เห็น
ตรงข้ามหน้าต่างบานนั้นคือตึกที.เอส พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ป ทำเลทองในย่าน CBD ตึกสูง ตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ๆกัน ตามห้องสี่เหลี่ยมของ ตึกฝั่งตรงข้าม สามารถมองเห็นคนนั่งทำงานได้ อย่างชัดเจน
ภัสกรณ์จะอยู่ชั้นไหนน้า ? แล้วตอนนี้เขา กำลังทำอะไรอยู่ ? คงไม่ได้กำลังยืนเหม่ออยู่ ตรงหน้าต่างหรอกนะ ?
นีรชาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชั้น 18 สมัย
ก่อนตอนที่บริษัทที.เอส พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปยังไม่ ได้ย้ายที่อยู่ CBD ห้องทำงานของภัสกรณ์อยู่ชั้น 18…
ใจลอยได้ไม่นาน นีรชาดึงสติตัวเองกลับมา
ได้
ที่เธอเป็นไรของเธอฮะนีรชา ! อยู่ดีๆไป นึกถึงเขาทำไมกันเนี่ย ?
นีรชาเคาะหัวตัวเองไปหลายที่
ก๊อกๆ ! มีเสียงเคาะสองทีที่ประตู สวัสดีครับ ! ไม่ทราบว่าใช่คุณนีรชาหรือเปล่าครับ ?” ชายหนุ่มทักทายอย่างสุภาพอ่อนน้อม
นีรชาหันกลับไปตามเสียงเรียก
ชายหนุ่มในชุดเสื้อสีชมพูอ่อน ทับด้วยสูทสี ดำเดินเข้ามาในห้อง ในมือถือเอกสารที่คล้ายจะ เป็นเรซูเม่
ทันทีที่เห็นนีรชา เขาตะลึงงันไปชั่วครู่
นี่มันห้องสัมภาษณ์ นีรชารีบสงบจิตสงบใจ เดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับยื่นมือออกไป ทักทาย : “สวัสดีค่ะ ดิฉัน นีรชาค่ะ
“ผมพระยศครับ เป็นผู้อำนวยการฝ่าย ประชาสัมพันธ์ เชิญนั่งครับ !” พรยศดึงเก้าอี้ ออกมานั่ง การสัมภาษณ์เริ่มแล้วสินะ
นีรชาสมัครเข้ามาในตำแหน่งออกแบบและ ประชาสัมพันธ์แบรนด์ของบริษัท รวมไปถึงเผย แพร่และโปรโมทเวปไซต์ด้วย
สมัยที่นีรชาทำงานอยู่เมืองนอก ก็ได้ทำ เกี่ยวกับด้านนี้มาอยู่แล้ว ทำให้ตอนสัมภาษณ์เป็น ไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด พรยศเองก็ดูพอใจใน การสัมภาษณ์ของนีรชามาก เมื่อใกล้จบการ สัมภาษณ์ จึงพูดกับนีรชาว่า : “ดูจาก ประสบการณ์ทำงานและทักษะวิชาชีพของคุณนีรชา มีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนี้มากเลย ครับ ผมหวังจริงๆว่าจะได้ร่วมงานกับคุณนีรชานะ ครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งไปทางฝ่ายบุคคลให้เค้านัด วันเวลาที่ต้องเข้ามาสัมภาษณ์รอบสองนะครับ ขอ ให้โชคดีและราบรื่นครับผม ! ”
พรยศพูดออกตัวมาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่า ยินดีรับนีรชาเข้าทำงานเป็นแน่แท้
ถ้าจะว่าไปแล้ว การสัมภาษณ์ครั้งนี้ถือว่า สำคัญมาก เพราะถ้าผ่านสัมภาษณ์รอบแรกไปได้
ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
นีรชายิ้มให้พรยศ : “ขอบคุณมากค่ะคุณ
พรยศ ! ยังเหลือการสัมภาษณ์อีกรอบ ดิฉันจะ ทำให้สุดความสามารถเลยค่ะ !
พรยศพยักหน้า แล้วจู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องทัน ควัน : “นีรชา คุณจำผมไม่ได้เหรอ ? “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ