ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น

ตอนที่25 คุณซ่อนตัวอยู่ที่ไหน



ตอนที่25 คุณซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

ดูเหมือนว่ายศพลจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตาของเขามองไป ในอะไรสักอย่างท่ามกลางฝูงคน

ผ่านไปไม่ถึงเสี้ยววินาที เงาของจันทร์ทาก็เดินออกมาจากฝูงคนที่

แน่นขนัด

ลูบไล้ไปที่เรือนร่างจองยศพลราวกับนางพญางูที่สวยงาม เธอบุก ยึดกร่างกายของยศพลอย่างรวดเร็วว่องไว ทั้งสองคนจูบกันอย่างบ้า คลั่ง ณ ที่ตรงนั้น จากนั้นก็เดินจูงมือกันออกมาจากฝูงคน ยศพลทนรอ ไม่ได้ที่จะจับเธอกดที่หลังต้นไม้ปลอม

เขายื่นมือไปดึงทิ้งเสื้อผ้าที่น้อยชิ้นอยู่แล้วของเธอ เผยให้เห็น หน้าอกที่อวบอิ่ม

สายตาที่มองเห็นอารมณ์อันพลุ่งพล่านก็พร้อมที่จะเริ่มลงมือใน

ทันที

จารวีมองเห็นยุพินมีน้ำตาเปล่งประกายอยู่ตรงข้างตา เธอเครียดจน หน้าผากย่น ทันใดนั้นก็ดีงพี่สาวถอยหลังมาเล็กน้อย จากนั้นก็ซู ไอศกรีมที่อยู่ในมือโยนไปบนตัวของจันทร์ทา

“อ๊ะ..

อะไรบางอย่างที่เย็นเยือกค่อยๆเข้ามาปะทะหน้า จันทร์ทาร้องเสียง แหลมออกมา เธอลุกลี้ลุกลนผลักตัวยศพลออกไป ยื่นมือมาสัมผัสตัวที่ เต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่เปียกและเหนียว

ยศพลยิ้มมุมปาก ในที่สุดยัยนี่ก็เริ่มบ้าขึ้นมาละ หึงแล้วใช่มั้ยล่ะ?

“ยศ…ประธานยศพล ฉันไปห้องน้ำสักครู่นะคะ..” จันทร์ทาแต่งหน้าเสร็จแล้ว เธอโปะแต่งหน้าจัดไปทั่วทั้งหน้าจนทั่ว ทั้งหน้า ดูๆแล้วเหมือนกับตัวละครผู้ชายในการแสดงหน้ากากงิ้ว

สายตาของยศพลเต็มไปด้วยความเอื้อมระอา”ไม่มีอารมณ์แล้ว เธอไม่ต้องกลับมาแล้วนะ”

“ไม่ได้นะคะ ประธานยศพล อีกสิบนาทีฉันก็เสร็จแล้ว.”

ยศพลผลักจันทร์ทาให้จนมุม”ฉันยังมีเรื่องต้องทำ เธอไม่ต้องมา

แล้ว”

“แล้วเรื่องของสามีฉันล่ะคะ…”จันทร์ทาถามออกไปอย่างหวาดกลัว เธอยังเตรียมพร้อมที่จะอุทิศกายถวายชีวิตให้ จากนั้นจะได้ ให้คืนงาน ให้สามีของเธอ

ยศพลดูถูกเธออย่างร้ายแรง “มาหาฉันเพื่อให้ให้สามีของเธอมาเป็น พนักงานบริหารของฉัน เธอไปบอกเขาดีกว่า ต้องเอาความสามารถมา พิสูจน์ แต่ไม่ใช่เอาภรรยาตัวเองมาแลกแบบนี้.”

ใบหน้าของจันทร์ทาเต็มไปด้วยความอับอาย เธอรู้ว่าถึงจะไปกวน ใจยังไงก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี

ยศพลกระแทกไปที่หลังต้นไม้ปลอม แล้วตะโกนออกมา”ออกมาได้

แล้ว ! ”

จารวีค่อยๆโผล่/ปรากฏตัวออกมาจากนั้นก็กระพริบตา พอยศพล มองเห็นท่าทางที่ทั้งน่ารักและมีเสน่ห์ของจารวี สิ่งที่อ่อนนุ่มในหัวใจ ของยศพลก็ละลายอย่างช้า ๆ

เขา เหมือนกับว่าจะชอบเด็กผู้หญิงคนนั้น

“มาน.่…”.”ศพออกคำสั่งอย่างเผด็จการ ยุพินถือโอกาสยืนขึ้นมา จากนั้นก็รีบร้อนที่จะไกล่เกลี่ย”พี่ยศพล จารวีไม่รู้อะไรผิดถูก อย่าโกรธ/ดุจารวีเลยนะคะ”

ยศพลมองหน้ายุพินอย่างไร้ความรู้สึก ผ่านไปเนิ่นนานจึงตอบว่า “ก็ได้ พวกเธอไปเที่ยวกันก่อนเถอะ ฉันยังมีธุระที่ต้องทำ”

เพราะว่ามียุพิน เขาจะทำอะไรก็ทำไม่ได้ ทำได้แต่เพียงหักห้ามใจที่

จะไม่ทำ

นังคนนี้นี่รนหาที่จริง ๆ ทำไมถึงกล้ามองเธอแบบนั้น ยศพลโกรธจน เลือดขึ้นหน้า

เงาของยศพล เดินหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว หายไปจากสายตา ของยุพิน

“พี่ ที่จริงในโลกนี้ผู้ชายดี ๆ ก็มีเยอะแยะ ถ้าพี่ไม่ชอบเขา พวกพี่ก็เลิก กันก็ได้นะ ยังไงพี่ก็ยังอายุไม่มาก ยังมีโอกาสพบเจอผู้ชายที่ดึกว่านี้

จารวีเดือนพี่สาวให้ยกเลิกงานแต่ง

ถ้าแบบนั้นเธอก็จะพ้นทุกข์ไปได้ด้วย ในขณะเดียวกันสายโซ่เส้นก็ เป็นสิ่งที่คล้องคนสองคนไว้

ยุพินหน้ามาหาจารวีแล้วมองด้วยสายตาอันอ่อนโยน “ยัยวี เธอยัง เด็ก เธอยังไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำว่ารักหรอก ฮะๆ บางที ตอนนี้พูดแบบนี้กับเธอมันอาจจะยากเกินไปก็ได้ รอให้เธอโตก่อนเธอก็ จะเข้าใจเองแหละ”

“อิ้ม…”จารวีตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ

เธอไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำว่ารักงั้นเหรอ? เธอจะต้อง เข้าใจอยู่แล้ว คนคนนั้นที่อยู่ในใจเธอ ผ่านมาเนิ่นนานหลายปีก็ยังไม่ เคยเปลี่ยนแปลง ผ่านมาแล้วสิบปี ฝังลึกอยู่ในสมองและจิตใจของเธอ “ยัยวี ขอบใจมากนะที่ทำเพื่อพี่มาโดยตลอด”

คำพูดของยุพินเต็มไปด้วยความรู้สึกทุกข์ระทมเป็นอย่างมาก คำ พูดคำว่ามาโดยตลอดของยุพิน เหมือนกับว่าแฝงความหมายอะไรบาง อย่างเอาไว้

ในตอนนี้จารวีไม่เข้าใจเลยสักนิด เธอคิดมาตลอดว่าพี่ของเธอไม่

เคยรู้นิสัยที่เลวทรามของยศพล

แล้วยังคิดอีกว่าการที่พี่พามามัลดีฟส์ครั้งนี้ไม่ได้มีเบื้องหลังอะไร

“แหะๆ พี่ เรื่องเล็กน่า ไม่เป็นไร”

ยุพินหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าอ่อนระโหยโรยแรง”ยัยวี พี่เหนื่อย แล้ว พี่ขอกลับไปก่อนนะ เธอเที่ยวเล่นตรงนี้ไปก่อนละกัน”

“ที่ ให้ฉันไปส่งพี่เถอะนะ ! ”

“ไม่เป็นไร เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว พี่ไปเองได้…”

จารวีก็ยังคงดื้อดึงพายุพินไปส่งที่ห้องอยู่ดี ถึงจะออกมาเดินเล่น

ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ในวินาทีนั้นเธอมองเห็นว่ามีการจุดพลุที่ สวยงามบนเกาะเล็ก ๆ ฝั่งตรงข้าม

พลุที่ระเบิดออกท่ามกลางท้องฟ้าที่มีดมิด เปล่งประกายระยิบระยับ แล้วค่อยๆ ปรากฏให้เห็นตัวอักษร2-3ตัว จารวี ฉันรอเธออยู่ !

พี่มนต์ พระเจ้าช่วย จะต้องเป็นพี่มนต์แน่ ๆ

เขากำลังเรียกหาเธออยู่เหรอ? จารวีกังวลและร้อนใจมาก

เดิมทีความหมายของความรักที่เก็บเอาไว้ในเบื้องลึกของหัวใจถูก ปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างช้า ในใจเธอตอนนี้มีเสียงอยู่สองเสียง เสียงแรกพูด ว่ารีบไปหาพี่มนต์เถอะ ! ถึงจะเป็นคนรักไม่ได้ แต่เป็นเพื่อนก็ยังดี อีก เสียงหนึ่งพูดว่า จารวีตอนนี้เธอคือผู้หญิงอัปลักษณ์เป็นมือที่สามที่มา ทำลายความสัมพันธ์ พี่มนต์พบเธอแล้วจะต้องรังเกียจสะอิดสะเอียน อย่างแน่นอน แค่จะเป็นเพื่อน เขาก็ไม่ยินยอมจะเพื่อนกับเธอหรอก

เสียงทั้งสองในหัวใจของเธอตีกันไม่หยุด

“ปัง ! “พลุถูกจุดขึ้นมากลางท้องฟ้าอีกครั้ง แสงที่สว่างจ้าและ สวยงามสะท้อนเข้าใส่ใบหน้าของจารวีจนขาวโพลน

จารวี ฉันรอเธออยู่นะ…

เขายังดึงดันจะเรียกหาเธอ สติของจารวีค่อยๆเลือนหายไปราวกับ เวทมนต์ เธอกระโดดลงน้ำแล้วว่ายไปหาเกาะเล็ก ๆนั่นโดยที่ไม่ได้ สนใจไตร่ตรองอะไรทั้งนั้น

บนเกาะเล็ก ๆ มนต์ตรีปล่อยพลุก้านสุดท้ายที่อยู่ในมือออกไป

เดิมทีเขายอมแพ้ที่จะตามหาจารวีแล้ว แต่การเจอกันบนถนนในวัน นั้นทำให้ความหวังเล็ก ๆที่อยู่ในเบื้องลึกของหัวใจถูกจุดประกายขึ้นมา อีกครั้ง

ด้านหลังของเด็กผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนกับจารวีเลย เธอจะต้องยัง ไม่ตายแน่ ๆ เธอจะต้องหล่นซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่ง เหมือนตอนเด็ก ๆ ที่ เขาและเธอเล่นซ่อนหากัน เธอไปแอบอยู่ใต้เตียง เขาหาทั้งวันก็หาไม่ เจอ ในตอนนั้นเขาตกใจแทบแย่ แถมยังคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ

ในตอนที่เขากำลังจะบ้าคลั่ง ก็นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะหัวเราะฮี่ๆแล้ว คลานออกมาจากใต้เตียง

ในตอนนั้นเธอเพิ่งจะสี่ขวบ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเธอเป็นสิ่ง สำคัญในชีวิตของเขา และตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะดูแลปกป้อง เธอไปตลอดชีวิต

และในครั้งนี้ เธอก็ต้องกลับมาเหมือนเดิมแน่ ๆ

วี พี่มนต์คิดถึงเธอมาก ๆนะ เธอไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?

“พี่มนต์ ถ้าวีมองเห็น เธอจะต้องมาแน่ ๆ ตอนนี้พี่จุดพลุไปสิบกว่าดอก แล้ว ถ้าเธออยู่บนเกาะนั้นจริง ก็ต้องมองเห็นอยู่แล้ว..สุรีย์วัลย์พูด ปลอบ

ฟ้าก็มืดมิดมากแล้ว มนต์ตรีรอจนขาชาทั้งสองข้าง ในสายตาของ เขามีความจิตตกหดหูอยู่ลึกๆ

วี เธอเห็นจริง ๆรึเปล่านะ?

สุรีย์วัลย์เห็นว่ามนต์ตรียังคงดื้อรั้นที่จะรอต่อไป ไม่ทันไรเธอก็เอา มือกุมท้องแล้วร้องครวญครางออกมา

“ปวดท้องจัง…”

มนต์ตรีมองเธอด้วยความกังวล”เป็นอะไรรึเปล่า วัลย์…”

“ฉันคงกินอะไรที่ทำให้ปวดท้องเข้าไปน่ะ ปวดจัง มนต์…”เธอล้มลงไป อ้อมอกที่กว้างใหญ่ของเขา

มนต์ตรีจึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะรอต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก เขา พยุงสุรีย์วัลย์เดินไปที่ข้างๆเกาะ พยุงเธอไปนั่งบนเรือเล็กสีขาว เขา กระโดดลงไปในเรือ แล้วก็นั่งในเรือที่โคลงเคลง”วัลย์ เธอทนอีกนิดนึง นะ เดี๋ยวพวกเราก็ถึงฝั่งแล้ว”

เขาแหงนหน้าบ่อย ๆ มองไปที่เกาะเล็ก

ในตอนนั้น เขาเพิ่งจากพายเรือออกไปทางทิศเหนือของเกาะเล็ก เพื่อไปยังฝั่ง

ทว่าจารวีว่ายน้ำอย่างสุดชีวิตไปทางทิศใต้ หลังจากมนต์ตรีเกือบจะ ประคองสุรีย์วัลย์ไปถึงฝั่ง ก็เป็นช่วงเวลาที่จารวีก็ปืนขึ้นเกาะเล็กพอดิบ พอดี

เธอเท้าเปล่า เปียกไปทั้งตัว

แสงจันทร์สะท้อนไปบนหน้าผาที่ไม่ใหญ่มาก บนเกาะเล็กนั้นว่าง เปล่า เหลือเพียงแต่พื้นที่เต็มไปด้วยพลุที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมี กลิ่นกำมะถันอ่อนๆกะจายอยู่ในอากาศ

พี่มนต์ไปแล้ว

จารวีนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น พยายามเก็บเศษของพลุที่แตกเป็น เสี่ยงๆมากองรวมกันไว้อย่างสุดชีวิต

เธอค่อยๆกวาดมาร่วมกันจนกลายเป็นกอง กำไว้ในมือแล้วเอามา แปะบนหน้าของตนเอง

น้ำตาค่อยๆไหลลงมาจากหางตา พี่มนต์ พี่ไม่รอฉันเหรอ?

อยู่ดี ๆ เธอก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา หันหลังไปปีนหน้าผาอีกอัน เพราะอยากจะดูว่าในความมืดนี้จะมองเห็นเงาของพี่มนต์หรือไม่

น่าเสียดาย เงาของมนต์ตรีในตอนนี้หายไปในความมืดตั้งนานแล้ว

เธอจะเจอเขาได้จากที่ไหนอีกนะ

เธอกระโดดลงจากหน้าผาด้วยความผิดหวัง

“อ๊ะ ! เจ็บจัง… ฝ่าเท้าของจารวีเหยียบลงบนเปลือกหอยที่คมกริบ เจ็บลึกไปถึง

ทรวง

เธอกุมเท้าของตน เจ็บจนนอนขดอยู่บนหิน คิ้วของเธอขมวดแน่น ผ่านไปเป็นระยะเวลานานเธอถึงจะค่อยๆคลายมือออก ฝ่ามือของเธอ เต็มไปด้วยเลือดสดๆสีแดงฉาน

มีเปลือกหอยอันหนึ่งที่หนาเท่านิ้วโป้งปักเข้าไปที่กลางฝ่าเท้า ตอน ที่ปักเข้าไปที่ฝ่าเท้ายังปักไปแค่ส่วนหนึ่งแบบครึ่งๆกลางๆ จารวีเจ็บจน มือสั่นไปทั้งสองข้าง ไม่กล้าที่จะออกแรงอีกรอบแล้ว

เธอฉีกชายกระโปรงออกมาแล้วพันรอบบริเวณที่มีเลือดไหล จารวี เจ็บปวดจนนั่งลงใบบนก้อนหิน

ความเจ็บที่ฝ่าเท้าทำให้สติของเธอฟื้นคืนกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ แต่ว่าเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่ไม่ได้เจอพี่มนต์แล้ว ก็นับว่าไม่มีอะไร เทียบได้เลย

แสงจันทร์ส่องลงมาอย่างช้า ๆ น้ำทะเลก็เริ่มสูงขึ้นอย่างช้า ๆ ตอนนี้ จารวีไม่มีวิธีที่จะขยับไปไหนได้เลย

ลมทะเลยามค่ำคืนพัดมา กระโปรงที่เปียกติดอยู่กับเรือนร่างของ เธอทำให้เธอหนาวมาก

ขยับไม่ได้ กลับไปก็ไม่ได้แล้ว ทำยังไงดี?

ที่จริงแล้วเกาะเล็กแห่งนี้อยู่ห่างจากบ้านไม้ที่พักของเธอพอสมควร แต่ว่าน้ำทะเลสูงถึงแค่คออย่างเช่นที่นี่ บางที่สามารถท่วมจนมิดหัว

ด้วยสภาพร่างกายที่แข็งแรง แค่สองนาทีก็เดินๆว่ายๆไปถึงได้

แต่ตอนนี้เธอบาดเจ็บ ถ้าเดินไปทั้งแบบนี้ มีโอกาสสูงที่จะจมน้ำ ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าที่ใต้ฝ่าเท้ามีความรู้สึกที่เปียกๆอยู่ เธอจึงกัมหัว

ลงไปดู

ในตอนที่เธอไม่คาดคิดน้ำก็ขึ้นสูงขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้เผยยังให้ เห็นหน้าผา แต่ตอนนี้จมไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ตามระดับความลึกของน้ำ น้ำน่าจะมีความลึกสองเมตรกว่าแล้ว

แบบนี้เธอก็ไม่มีทางจะว่ายกลับไปได้แล้ว

แย่แล้วล่ะสิ! ต้องตายแน่เลย !

จารวีกอดเท้าตัวเอง ในสมองของเธอเริ่มเกิดความฟุ้งซ่าน เธอ คิดถึงแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว และยังคิดถึงพี่มนต์ ในใจรู้สึกทรมานเป็น อย่างมาก

นี่ฉันจะต้องตายแบบนี้จริง ๆเหรอ?

“อะ อ๊ะ อ้าาา ช่วยด้วยบ…”

ระดับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยฟ จารวีปืนขึ้นไปถึงจุดที่สูงที่สุด เกาะเล็กทั้ง เกาะจมไปใต้น้ำ เหลืออยู่เพียงแค่ยอดแหลมๆที่โผล่ขึ้นมา

จารวีนั่งอยู่บนหิน ร่างกายของเธอจมอยู่ในน้ำครึ่งตัวแล้ว

ถ้าไม่จมน้ำตาย เธอก็ใกล้จะกระหายน้ำตายแล้ว

เธอตะโกนออกไปด้วยความหวังสุดท้ายที่มีอยู่

ทันใดนั้น ลำแสงจากไฟที่สว่างจ้าก็สาดส่องไปบริเวณที่จารวีอยู่

จารวีโบกมือพลางตะโกนออกไป”ทางนี้ ฉันอยู่ทางนี้ ช่วยด้วย HELP ME!” “ทางไหน รีบหน่อย..”เสียงของยศพลตะโกนเรียกคำที่มีภาษาอังกฤษ

ปะปนอยู่

ภายในไม่ถึงเสี้ยวนาทีก็มีเรือลำหนึ่งแล่นเข้ามาหาจารวี

แม้ว่าใกล้จะถึงแต่ก็ยังไม่ถึงเสียที ยศพลทนรอไม่ได้จึงกระโดดลง น้ำแล้วว่ายไปหาเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ