ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น

ตอนที่ 27 นานเป็นสิบปี



ตอนที่ 27 นานเป็นสิบปี

“ราวี อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังกับเธอเลย..”

ยศพลมองจารวีด้วยสายตาที่ชั่วร้ายมาก ๆ” พี่มนต์ ฉัน อยากจะรู้จริงๆว่ามันหมายความว่าอะไร?”

จารนิ่งอึ้งไป เธอนึกไม่ถึงเลยว่ายศพลจะยังจำชื่อนี้ได้

ผู้ชายคนนี้ ทั้งโหดเหี้ยมอำมหิตทั้งหน้าด้านไร้ยางอาย แล้วยังมีใจที่คิดแค้นผูกพยาบาท เธอนึกว่าเรื่องนั้นมันจะจบ ลงแค่ตรงนั้นซะอีก

“แค่เพื่อนน่ะ ! ”

ยศพลดึงเนคไทของตนออก หลับตาลงอย่างดูน่า อันตราย”เพื่อน?”

เวลาถึงจุดสุดยอดแล้วผู้หญิงจะครางชื่ออกมา ชื่อที่ ร้องออกมานั้นจะต้องเป็นชื่อของชายที่เธออยากให้มาอยู่ บนเรือนร่างของเธอ นั่นคือชายที่อยู่ในใจของเธอ เรื่องนี้ สำหรับยศพลแล้วเป็นการถากถางหยามเกียรติเป็นอย่าง มาก

จารวี เธอนี่เยี่ยมจริง ๆ มองดูเหมือนเป็นหญิงสาว บริสุทธิ์ที่ไร้เดียงสา นึกไม่ถึงเลยว่าแค่คำเดียวจะหักใจยศ พลได้เพียงนี้
บนโลกนี้ จะมีแค่ยศพลเท่านั้นที่จะทำกับคนอื่นเหมือน เป็นของเล่นได้ การที่ตนถูกผู้หญิงทำเหมือนเป็นของเล่น นั้น นี่มันเป็นครั้งแรก

ดูๆแล้ว เขาคงจะดูถูกเธอมากไปจริง ๆ

ยศพลยื่นมือไปล็อกตัวจารวี นำตัวเธอขึ้นมาจารวีลแชร์ แล้วโยนเธอลงบนโซฟาแล้วคร่อมเธออย่างแม่นยำ ในแวว ตาพรั่งพรูไปด้วยความชั่วร้ายและความมืดมนที่เดาทางได้ ยาก

“พูดความจริงมา ไม่อย่างนั้น พี่สาวของเธอ แล้วก็คนใน บ้านพูลสวัสดิ์ทุกคนจะโดนฉันเล่นจนตาย..เขาตะโกน ออกมาเพราะไม่เชื่อ ด้วยน้ำเสียงที่บ้าคลั่งโหดร้าย ตาที่มีสี แดงกำดังเลือดทำให้จารวีตัวสั่นจนไม่กล้าเปล่งเสียงออก มา

ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว หรือแท้จริงแล้วครึ่งคน ครึ่งปีศาจยังมีอยู่บนโลกนี้ เขาทำให้จารวีกลัวมาจากใจ

ครั้งก่อนตอนที่พี่โรคหัวใจกำเริบ ยังนึกขึ้นได้ เธอไม่ อยากจะเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีกครั้งแล้ว

“เป็นผู้ชายที่ฉันชอบน่ะ..”

จารวีมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนแอ และพูดออกมาอย่าง ระมัดระวัง
ยศพลยื่นมือออกมาจับที่คางของจารวี เขามองเธอด้วย สายตาที่เย็นชาและดุดัน”จารวี นับจากนี้ไป ทั้งร่างกายและ หัวใจของเธอต้องตกเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น เข้าใจ มั้ย?”

“ยศพล นายนี่มันระยำจริง ๆ นายจะสนทำไมว่าฉันคิดถึง

ใคร?”

“เพียะ ! “ยศพลตบไปที่หน้าของจารวีอย่างแรง จนหน้า ของเธอหันไปอีกทางหนึ่ง

“ไอ้สารเลว นี่นายกล้าตบฉันเหรอ…”จารวีอยากจะขัดขืน

ใบหน้าของยศพลปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เขายื่น มีไปดึงทั้งเสื้อผ้าของเธอออก แล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ อย่างร้อนแรงดั่งไฟ

มือใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในกระโปรงของเธออย่าง ง่ายดาย รุกล้ำเข้าไปโดยที่ไม่ได้เล้าโลมก่อน

“เจ็บ.”จารวีนึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนโดนทำให้ฉีก ขาดในครั้งนั้น ยศพลกระแทกเข้าไปอย่างแรงโดยที่ใน สายตาของไม่มีความรักทะนุถนอมและความสงสารใด ๆเลย

ราวกับว่านี่คือบทลงโทษที่เธอเพิ่งจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ยศพลจงใจที่จะทำให้เธอเจ็บปวด

นี่คือร่างกายของตนจารวีกัดที่ริมฝีปากล่างของตนสุดท้ายเธอก็พูดออกมาเบาๆว่า “ฉัน ฉันผิดไปแล้ว…”

ยศพลเห็นว่าท้ายที่สุดจารวียอมแพ้เขาก็ยิ้มที่มุมปาก อย่างภาคภูมิใจ เขาเชื่อมั่นในตัวเองมาก ในโลกของเขา เขาคือผู้บงการชี้ขาด ผู้หญิงก็เป็นแค่สัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ก็ เป็นแค่สิ่งเล็ก ๆที่อ่อนแอก็เท่านั้น

“ใช่ ถูกแล้วล่ะ”ยศพลก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ การกระทำดุเดือดมาก ริมฝีปากของเขาเลื่อนลงไปที่คาง ของเธอ แล้วเลื่อนลงไปอย่างช้า ๆ เสียบแทงและเย้าแหย่ อย่างตามใจตนเอง

ท้ายที่สุดแล้วร่างกายที่เย็นเยือกของจารวีก็เริ่มเปลี่ยน เป็นอบอุ่น ความรู้สึกที่เจ็บปวดก็จางหายไป ค่อยๆกลายมา เป็นความรู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัว

“อา อูว…

ยศพลเห็นใบหน้าเล็ก ๆของจารวีค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง เขากก็แสยะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นก็จับที่ใบหน้าของ จารวี

มองไปสายตาอันเลือนรางของเธอและเสียงที่เบาจน แทบไม่ได้ยิน เต็มไปด้วยความยั่วยวนดึงดูดใจ “มองฉันสิ มองฉันแล้วบอกว่าฉันคือใคร..”

จารวิทจังหวะที่ยศพลกระทำต่อเธอไม่ไหว จนต้องหรี่

ตามองเขา
“คือ ยศพล…”

“จำไว้ด้วยล่ะ ต่อไปเธอเป็นของฉัน ของยศพลคนนี้คน เดียวเท่านั้น จนกว่าฉันจะเล่นกับเธอจนเบื่อแล้ว.”

ยศพลยิ้มชั่วร้ายอย่างลำพองและอวดดี นัยน์ตาของจาร วีที่ยังคงขยายใหญ่ไม่หยุดมองเห็นร่างสูงใหญ่อยู่ตรงหน้า

“อืม อา ฉัน…”

เสียงเบาๆของจารวีละเมอพูดออกมาไม่หยุดว่าจากนี้ไป กำลังจะเปลี่ยนเป็นฝันร้ายแล้ว

2 วันต่อมา เท้าของจารวีสามารถเดินได้แล้ว ดีที่ยศพล ไม่อยู่ เธอเลยจะเดินออกไปเงียบๆ

เธอไม่ชอบที่จะอยู่ในบ้านของยศพลอย่างนี้ ในใจรู้สึก ไม่ปลอดภัยเลยสักนิด

เดินมาถึงโรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอก็โทรหายุพินเป็น อันดับแรก

“พี่ พี่ดีขึ้นรึยัง?”

“จารวี พี่ยศพลเพิ่งจะมาเอง ถามถึงอาการเธอด้วย…

“อ๋อ พี่ ฉันขอคุยกับพี่หน่อย ฉันขอไม่อยู่บ้านชั่วคราวนะ พ่อแม่ของอังคณาไปต่างประเทศ เธออยู่บ้านคนเดียว ฉันอยากจะไปอยู่กับเธอน่ะ”เพื่อจะหนีจากไอ้ชั่วที่สมควรตาย คนนั้นจารวีคงทำได้เพียงพูดพอเป็นพิธีแบบนี้กับพี่สาว

“อา พี่ยศพลบอกว่าเท้าของเธอยังไม่หายดี เธอกลับมา อยู่บ้านได้รึเปล่า?”

“ฉันหายดีแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ถามอังคณาดูส…

“ก็ได้จารวี อยู่ข้างนอกก็ระวังตัวด้วยนะ มีเรื่องอะไรก็โทร มานะ”

“อั้ม ได้เลย พี่ พี่ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ”

จารวีวางสาย เธอโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอ ไม่ชอบเขาและไม่อยากจะอยู่กับเขา

ณ บ้านของอังคณา

จารวีรู้สึกเป็นตัวของตัวเองแบบเหมือนไม่เคยรู้สึกแบบ นี้มาก่อน บ้านของอังคณาอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากเวลา ไปเรียนจึงสะดวกมาก

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ไปต้องเจอหน้าไอ้เลวนั่นอีกแล้ว

“จารวี ดูเหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

อังคณาดูโทรทัศน์พลางเคี้ยวป๊อบคอร์นอยู่บนโซฟา จารวีหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งมาวางบนตัก แล้วเปิดพลิกไปพลิกมา

“เอ๊ะ ผู้ชายคนนั้นดูคุ้นจัง.”อังคณาพูดพลางชี้ไปที่ภาพ ในข่าวบนโทรทัศน์

จารวีเงยหน้าขึ้นไปมอง

เบื้องหน้าคือใบหน้าที่สุภาพเรียบร้อยซึ่งใส่ชุดสูทสีขาว ทั้งตัว มีรูปร่างดีหน้าตาหล่อเหลา กำลังอยู่ท่ามกลางแสง แฟลชจากกล้องถ่ายรูป เขากับคนใส่สูทหลายคนเหมือนมา ร่วมพิธีตัดริบบิ้นของงานอะไรสักอย่าง

“บริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดจะเปิดอย่างเป็นทางการในเมือง

เอส.”

บริษัทชั่วกรุ๊ปจำกัด?พี่มนต์ ! จารวีตกใจจนแทบจะ

ตะโกนออกมา

ภาพในโทรทัศน์ นักข่าวกำลังสัมภาษณ์มนต์ตรี “ท่าน มนต์ตรีครับ ไม่ทราบว่าบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดในประเทศ อเมริกาพัฒนาไปได้ก้าวไกลมาก แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้มา พัฒนาต่อในเมืองเอสครับ?”

มนต์ตรียิ้มด้วยรอยยิ้มของคนที่มีการศึกษาเหมือนทุกที “ตอนนี้ตลาดในประเทศเติบโตแล้ว มีโอกาสทางธุรกิจ มากมาย ที่สำคัญก็คือ ตัวผมเองเป็นคนจีน กลับมาที่นี่ก็มี ความรู้สึกที่คุ้นเคย”
“เอ๊ะ คนนี้เหมือนกับมนต์ตรีเลยอ่ะ ! ”

ในที่สุดอังคณาก็สติกลับมา เธอกับจารวีเรียนด้วยกัน ตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัย เป็นคนที่เข้าใจจารวีที่สุด

“จารวี นี่มันพี่มนต์ไม่ใช่เหรอ ตลกฝืดน่า เขากลับมาหารัก แรง?”

จารวีมองเธอด้วยหน้าที่แดงก่ำ แล้วปาหมอนไปใส่

อังคณา

“พูดจาไร้สาระน่า..”

การสัมภาษณ์ในโทรทัศน์ยังคงดำเนินต่อไป ท่านมนต์ ตรีครับ มีข่าวลือว่าที่ท่านกลับมาเร็วเพราะจะหมั้นกับคุณ สุรีย์วัลย์ ลูกสาวของประธานเหลียง ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จริง เท็จประการใด”

หมั้น? หัวใจของจารวีเหมือนถูกบีบกระแทกอย่างหนัก พี่มนต์ ไม่จริงน่า

มนต์ตรีบนโทรทัศน์ยิ้มเหมือนกับทุกที แม้ว่าเขาจะไม่ ยอมรับ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ สำหรับเรื่องนี้ผมขอไม่พูด ก่อนนะครับ ขอเชิญทุกท่านมาให้ความสนใจกับบริษัทซัว กรุ๊ปจำกัดของพวกเราให้มากกว่านี้กันดีกว่านะครับ”

อังคณาเห็นว่าจารวีหน้าซีดเผือด ก็รีบปิดโทรทัศน์

ทันที
“จามรี เธaยงรักมนต์ครือยู่ทั้งเหรอเนีย ”

พอเห็นว่าจารไม่เอ่ยปากพูดอะไร ถังคณาเลยพูดเบาๆ ร”ไat ในันเรื่องสมัยเด็กนะ ตอนนี้พวกเราโดกันแล้ว บางที่เขาอาจจะลืมไปตั้งนานแล้วก็ได้มะ ”

ลืมแล้วเหรอ? ไม่หรอก มนต์จะต้องไม่ลืมแน่

ตอนที่อยู่เกาะมัลดีฟส์ก็เห็นชัดๆอยู่ว่าคือเขาไม่ใช่เหรอ แล้วยังให้ดอกไม้ไฟกับเธอ แถมยังสอยขวดไปในน้ำด้วยนี้ นา?

นึ่งไปสักพัก จารวีก็ปาดน้ำตาแบบสวกๆ จากนั้นก็เริ่ม สวมใส่เสื้อผ้า

“จารวี เธอเป็นอะไรนะ?”

“ฉันอยากพบพี่มนต์สักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยังไง ฉันก็ไม่ อยากให้ตัวเองเสียใจภายหลังน่ะ…”

“แต่ว่านะ จารวิ เธอรู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน?”อังคณาพูด ออกมารวดเร็วดังสายฟ้าแลบจนจารวิตกใน แต่ก็รีบเปลี่ยน มาเป็นการให้กำลังใจ “จารวี ฉันอยู่ข้างเธอนะ”

“อิ้ม ฉันรู้จะ บริษัทซั่วกรุ๊ปจำกัดนี้ ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะตัดริบปั้น ที่อาคารซีอ้วเหรอ?”

“แต่ว่าตอนนี้เวลานี้ พวกเขาเลิกงานไปนานแล้ว ถ้าเธอไป
ก็ไม่แน่ว่าเจอเขาหรอกนะ”

ใบหน้าของจารวีมีรอยยิ้มโผล่ขึ้นมา”ไม่เป็นไรหรอก ฉัน จะต้องหาวิธีให้ได้”

ตอนนี้หัวใจของจารวีเต็มไปด้วยความมั่นใจและศรัทธา ที่แข็งแกร่ง ว่าไม่นานก็จะได้เจอพี่มนต์

คนที่คิดถึงมาหลายสิบปี สุดท้ายแล้วก็ต้องรวบรวม ความกล้าไปเผชิญหน้า

ณ ด้านหน้าอาคารซีฮัว

ตอนนี้ก็หนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว มีดดื้อไปทั้งหลัง

จารวียืนอยู่หน้าประตูของตึกหลังใหญ่ ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ยี่ห้อ Erison รุ่นเก่าขึ้น มา บนหน้าจอมีอักษรสองตัว”ปีศาจ ! “นั่นก็คือยศพล เธอ เอาอักษรคำว่าปีศาจสองตัวนี้มาใช้แทนชื่อของเขา

เธอมองหน้าจอ แล้วก็กดปิดเครื่องโทรศัพท์พร้อมปากที่

งอด้วยความดูถูก

คืนนี้เป็นคืนของเธอกับพี่มนต์ ไม่มีใครจะมาขัดขวางเธอ

อาคารซีหัวชั้น 33 ยังคงเปิดไฟอยู่

ได้
มนต์ตรีนั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนของประธานบริษัทที่อยู่ลึกๆ เหนื่อยมาแล้วทั้งวัน เขาดูเหนื่อยมาก ในขณะนี้ เขาปิด คอมพิวเตอร์ สายตามองไปที่กรอบรูปบนโต๊ะทำงาน

ในนั้นมีรูปเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเหมือนอายุประมาณ แปดเก้าขวบ มีดวงตาที่โต มีหน้าม้าที่เรียบร้อย และยังสวม เสื้อสีฟ้าแบบทหารเรือ ยิ้มจนเผยให้เห็นฟันหน้าสองซี่ที่ สวยงาม แม้ว่าจะยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ดูออกว่าจะเป็นผู้ หญิงที่งดงาม

รูปนี้เริ่มเหลืองแล้ว เห็นได้ชัดว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนาน

แล้ว

แต่ว่าในโลกของมนต์ตรี นี่เป็นความทรงจำที่มีค่าที่สุด

ของเขา

“พี่มนต์ จารวีโตแล้วขอเป็นเจ้าสาวของพี่มนต์ได้รึเปล่า

คะ?”

เสียงหวานเล็ก ๆของเด็กยังดังก้องอยู่ข้างหูของเขา

จารวี ตอนนี้เธออยู่ไหนกันนะ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก..”

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ มนต์ตรีเงยหน้าไปมอง อย่างคร่าวๆ หยาบๆ
สุรีย์วัลย์ที่มีรูปร่างดี สละสลวยปรากฏตัวอยู่หน้าประตู ใหญ่ของห้องทำงาน ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวานแล้วเดิน เข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ”ประธานมนต์คะ เลิกงานได้แล้ว

ค่ะ !! ”

“ฮะๆ ยัยวัลย์ เธอมาสักทีนะ !

“อั้ม เธอพลาดแล้ว วันนี้เป็นวันสำคัญนะ…

มนต์ตรีนวดหน้าผากด้วยความเลอะเลือน “วันอะไรเห

รอ?”

สุรีย์วัลย์ไปทางด้านหลังของมนต์ตรี แล้วโอบไหล่ของ มนต์ตรีอย่างช้า ๆ “ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดอะไรก่อน มา พวก เราออกไปกินข้าวกันเถอะ”

สายตาของเธอชำเลืองไปเห็นกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะ ของเขา ในใจก็เอ่อล้นไปด้วยความเศร้าทันที

“มนต์ เธอยังไม่ลืมหล่อนอีกเหรอ?”

มนต์ตรียิ้มแบบถ่อมตน “ฉันตามหาจารวีมาสิบปีแล้ว จะ ให้พูดกว่าลืมแล้วก็ลืมได้ซะที่ไหนล่ะใช่แล้ว สิบปีแล้วนี่ นะ ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ ก็ควรจะตามหาเธอส…

สุรีย์วัลย์หัวเราะขึ้นมาในเวลาที่เหมาะเจาะ

มนต์ตรียันกายขึ้น แล้วพยักหน้า “ยัยวัลย์ ทำให้เธอสำมากใจซะแล้ว ให้เวลาฉัน 3 วันนะ ถ้าใน 3 วันนี้ฉันยังหา จารไม่เจอ พวกเราก็หมั่นกันเลย

สรียรัดยออกแรงพยักหน้า

เขารอจารวีมาสิบปีแล้ว แต่สุรีย์วัลย์ก็ไม่เคยรอเขาถึงสิบ เสียหนอย

ถ้าไม่ใช่เพราะการเดินทางไปมัลดีฟส์คราวก่อน ตอนนี้ พวกเขาคงได้หมั้นกันไปนานแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ