ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น

ตอนที่ 64 ฉันเคยสัญญากับคุณ



เดียว เหลืออีกแค่ห้าขั้น มันก็ไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้ ถ้าขึ้นบันไดไปคน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้เท้าของจารวียังปวดใช้เดินไม่ได้ จึงต้องให้เขาอุ้มขึ้นไปเท่านั้น

จารยอมแพ้ก่อน “โอย ช่างเหอะนา นี่ก็ดึกขนาดนี้แล้ว ขึ้นไป แค่ได้ตากลม พวกเรากลับกันเถอะ”

ยศพลจ้องเธอแล้วเดินเข็นรถเข็นออกมา

เข็นมาถึงหน้าทางขึ้นบันได หลังจากนั้นก็ยื่นมาอุ้มจารวีขึ้นมา

จารวีมีรูปร่างผอมเพรียว การใช้แขนอุ้มเธอขึ้นมาไม่จำเป็น ต้องใช้แรงอะไรเลย

ยศพลจ้องเธอ “หรือไม่ต้องอุ้มแล้วจะดีกว่า”

“อื้อ” จารวียื่นแขนออกคล้องคอของยศพล

ที่จริงแล้วเธอยากที่จะเข้าใจ ว่าผู้ชายอย่างเขาจะทำอะไร ประสาทๆ หลังเลิกงานก็ปล่อยไปพักผ่อน ไม่ไปเสวยสุข อยู่ๆก็จงใจ ออกตัวพาเธอที่กำลังอยู่ในสภาวะไม่สะดวกมาในที่ที่ลึกลับ

ลิฟท์เสียแล้วก็ยังอุ้มเธอขึ้นไปอีก บ้าจริงๆเลย

ขึ้นไปทําอะไรอ่ะ ตากลมเหรอ

แขนของยศพลมีแรงเยอะมาก อุ้มจารวีขึ้นไปชั้นดาดฟ้าทีละ ก้าวทีละก้าว เหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากของเขาแล้วหยดลงบน ใบหน้าของเธอ จารวีอดไม่ได้ที่จะพูดว่า &quot กันเถอะ! ฟ้าหมดแล้ว น่าจะหนาวนะ” หรือว่า พวกเราลงไป ;

ยศพลชำเลืองมองเธออย่างรวดเร็ว “ถ้าพูดจา ซัวอีกผมจะทิ้ง เธอไว้นี่ล่ะ เธอเชื่อรึเปล่า”
“ไอ้คนชั่ว…จาร กระซิบเสียงเบาๆ

“อะไร? ยศพล โกรธจนขึ้นเสียง

จารยิ้มแห้งๆ “ฉันพูดว่าข้าวโพดคั่วน่ะ ไม่รู้ว่าข้างบนจะมีร้

เปล่า”

สีหน้าของยศพลเพิ่งจะเริ่มดูอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มอย่างชั่วร้าย กับ ลงไปที่หูของเธอแล้วพูดว่า “ข้างบนมีทุกอย่างแหละ รับประกันได้ เลยว่าเธอจะต้องฟีนอย่างแน่นอน…”

แค่ประโยคเดียวก็ทำเอาจารวีหน้าแดงเป็นกุ้งที่นึ่งจนสุกแล้ว

อีตาบ้านี่ แค่เอ่ยปากก็เป็นเรื่องแบบนี้อีกละ ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงชั้นดาดฟ้า ยศพลก็พาจารวีไปนั่งบนเก้าอี้

ระเบียงของดาดฟ้าตึกนี้เป็นบาร์แบบเปิดโล่ง บางทีอาจเป็นเพ ราะลิฟท์เสีย วันนี้เลยไม่มีแขก มีแต่เพียงจารวีกับยศพลแค่สองคน เท่นั้น

ยศพลแข็งแรงดีจริงๆ ถึงจะอุ้มจารวีขึ้นมาถึงข้างบน ก็ไม่หอบ

เลยสักนิด

สั่งค็อกเทลมาขวดหนึ่งแล้วรินใส่แก้ว เดินล้วงกระเป๋ากางเกง ไปนั่งตรงข้ามกับจาร

“เหอะๆ ตื่นเต้นใช่มั้ยล่า”

ตื่นเต้นเหรอ?”จารวีกะพริบตา ก็นิดหน่อยนะ “บังเอิญรึเปล่า”
“ไอ้คน ว, จารกระซิบเสียงเบาๆ

“อะไร?” ศพ โกรธจนขึ้นเสียง

จารยิ้มแห้งๆ “ฉันพูดว่าข้าวโพดคั่วน่ะ ไม่รู้ว่าข้างบนจะมี

เปล่า”

สีหน้าของยศพลเพิ่งจะเริ่มดูอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มอย่างชั่วร้าย กัน ลงไปที่หูของเธอแล้วพูดว่า “ข้างบนมีทุกอย่างแหละ รับประกันได้ เลยว่าเธอจะต้องฟีนอย่างแน่นอน…

แค่ประโยคเดียวก็ทำเอาจารวีหน้าแดงเป็นกุ้งที่นั่งจนสุกแล้ว

อีตาบ้าน แค่เอ่ยปากก็เป็นเรื่องแบบนี้อีกละ

ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงชั้นดาดฟ้า ยศพลก็พาจารวีไปนั่งบนเก้าอี้

ระเบียงของดาดฟ้าตึกนี้เป็นบาร์แบบเปิดโล่ง บางทีอาจเป็นเพ ราะลิฟท์เสีย วันนี้เลยไม่มีแขก มีแต่เพียงจารวีกับยศพลแค่สองคน เท่ น

ยศพลแข็งแรงดีจริงๆ ถึงจะอุ้มจารวีขึ้นมาถึงข้างบน ก็ไม่หอบ

เลยสักนิด

สงค็อกเทลมาขวดหนึ่งแล้วรินใส่แก้ว เดินล้วงกระเป๋ากางเกง ไปนั่งตรงข้ามกับจารวิ

“เหอะๆ ตื่นเต้นใช่มั้ยล่า”

“ตื่นเต้นเหรอ?”จารวีกะพริบตา ก็นิดหน่อยนะ “บังเอิญรึเปล่า”

“จารวี หลับตาลงสิ…เสียงของยศพลไม่สามารถปกปิดความ ลำพองใจได้

จารวิจ้องมองเขาด้วยความหวาดระแวง ผู้ชายคนนี้เป็นจอมเจ้า เล่ห์ แค่นึกถึงประโยคที่เขาพูด จารวีก็ไม่กล้าจะหลับตาลงแล้ว

” จารวี หลับตาลง … เสียงของยศพล ไม่สามารถปกปิดความ ล่าพองใจได้

จารวีจ้องมองเขาด้วยความหวาดระแวง ผู้ชายคนนี้เป็นจอมเจ้า เล่ห์ แค่นึกถึงประโยคที่เขาพูด จารวีก็ไม่กล้าจะหลับตาลงแล้ว
“หรือว่านายจะ…

” เพ้อเจ้อน่ะ ถ้ายังไม่หลับตาอีก ผมจะทิ้งเธอไว้นี่แล้วนะ…” ความ อดทนของบดพลหนมาได้แค่สามนาทีเท่านั้น

จารยังคงหลับตาเหมือกเก่า ได้ยินแต่เสียงปัง จาร ตกใจจน สั่นไปทั้งตัว ลืมตาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทําเอาเธอตกใจ

บนสุดของตึกสำนักงานหกตึก ที่ล้อมรอบอาคารมังกรทั้งสี่ทิศ มีดอกไม้ไฟปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน

ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยดอกไม้ไฟที่เปล่งประกายเปล่งประกายใน ชั่วพริบตา แสงจากดอกไม้ไฟสะท้อนให้เห็นในใบหน้าเล็ก ๆ ที่ตกใจ ของจารวี

ดอกไม้ไฟพุ่งทะยานขึ้นไป แล้วแตกกระจายอยู่บนท้องฟ้า เหมือนกับดวงดาวเล็กๆที่อยู่เต็มฟากฟ้าแล้วค่อยๆร่วงหล่นลงมา

ดอกไม้ไฟปรากฏขึ้นมาฉากต่อฉาก ติดต่อกันครึ่งชั่วโมงแล้ว

หัวใจของจารวีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอ คิดถึงดอกไม้ไฟที่มัลดีฟส์ในครั้งนั้น

ทันใดนั้นเธอก็ถูกจูบเบาๆที่หางตา ยศพลจุมพิตหยดน้ำตาของ เธออย่างตื่นเต้น

“จารวี เธอตื้นตันใจแล้วละสิ”

ประโยคนี้ทําเอาจารวีตื่นขึ้นมาจากความสับสน เมื่อมองดูยศ พลที่โกรธเหมือนเด็ก ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่นายลงทุนอุ้มฉันขึ้นมา เพื่อจุด ดอกไม้ไฟให้ฉันเหรอ?”

ยศพล ฟังเสียงของจาร แล้วรู้ว่าเธอไม่ได้ฟัน จังทำสีหน้าเย็น ชา “เป็นไง ก็ดูๆไปเถอะ ใครจะจุดให้เธอกันล่ะ ก็แค่จุดไปงั้นๆ เธอไม่ชอบก็เรื่องของเธอ ”

จารยื่นมีไปโน้มคอของเขา ยิ้มแล้วพูดเบาๆว่า “ฉันชอบนะ”

ถ้าตาบ้านี่ตั้งใจจะทำสิ่งนี้เพื่อเธอด้วยใจจริงๆ ก็แปลว่าเขาแคร์ เธอมาก และถ้าเป็นแบบนี้ ความฝันของเธอก็คงไม่ใช่เรื่องจริงแน่ๆ คงเป็นแค่เรื่องที่ตัวเองฝันไปมั่วๆ

จารวีปลอบใจแบบนี้ กอดยศพลไว้แน่น

ยศพลหัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อเธอซึ้งใจขนาดนี้แล้ว งั้น

คืนนี้ให้เธอต้องรุกก่อนนะ”

จารวีเกือบจะเลือดพุ่ง รู้สึกไม่สบายใจมาตั้งนานแล้ว ตาบ้านี้ ในสมองมันคิดแต่เรื่องพรรนี้สินะ

วันต่อมา ณ บริษัท วกรุ๊ปจำกัด

เลขาเดินเข้ามาในห้องทำงานของมนต์ตรีในยามเช้าตรู่

“ท่านประธานคะ ฉันติดต่อกับเลขาของคุณยศพลแล้วค่ะ ค ตอบที่ได้มาก็คือ คุณยศพลบอกว่าเขาไม่มีเวลาจะพบกับคุณค่ะ”

ใบหน้าที่ขาวใสของมนต์ตรีไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก

แต่ว่า บ่ายวันนี้มีแฟชั่นโชว์ที่เกาะทองดิฉันได้สอบถามเกี่ยวกับ เรื่องนี้และได้ทราบมาว่าเขาจะเข้าร่วมงานนี้ด้วย ฉันคิดว่า โอกาสที่ สามารถพบเขาได้ ลองไปดูก่อนว่าจะสามาถเจรจากันได้หรือไม่ค่ะ”

“อืม โอเค คุณจัดการให้หน่อยนะ”

พอเลขาจัดตารางทำงานเสร็จก็เดินออกมาอย่างรวดเร็ว

สายตาของมนต์ตรีมองไปที่รูปของผู้หญิงบนโต๊ะทำงานอย่าง ควบคุมไม่ได้
เบื้องลึกในใจเขารู้สึกสับสนอย่างมาก จากที่ไม่ค่อยสนใจ กลับเริ่มต้องคุยให้ได้ ภายในใจเริ่มรู้สึกเหือดแห้ง

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า การที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือกรุ๊ป ขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลัง

ทันใดนั้นมือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมารับสาย

เสียงที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมา “วี สบายดีมั้ย”

“อืม วีสบายดีค่ะ พี่มนต์ เรื่องทีวีขอร้องให้พี่ช่วย พี่ได้เรื่องว่ายัง ไงบ้างแล้วคะ”

ผ่านไปแค่หนึ่งวันหนึ่งคืน เธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะโทรมา ติดตามสอบถาม ดูเหมือนว่าเรื่องนี้สำคัญกับเธอมาก

สมมติว่ายศพลเป็นคนที่อยู่ข้างกายเธอจริงๆ เธอให้ยศพลช่วย สืบหาน่าจะง่ายกว่านี้ ทำไมต้องมาขอความช่วยเหลือจากคนไกล อย่างเขาด้วย

ในตอนที่มนต์ตรีนิ่งไปสักพัก จารวีก็ถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม “พี่มนต์ รีว่าเป็นเรื่องที่ตรวจสอบยากคะ?”

มนต์ตรีรีบดึงสติกลับมา หัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะกระจายไป

ถึงเธอที่อยู่ปลายสาย

“ฮ่ะๆ ไม่ใช่ แค่เพราะว่าให้เวลาพี่น้อยไปต่างหาก แต่ว่า พี่มีค ตอบที่แน่ชัดแล้วสองสามข้อ คือลุงของวีไม่ได้อยู่ในเรือนจำของ เมืองเอส แต่ถูกกักขังอยู่รึเปล่าพี่ก็ยังรู้ไม่แน่ชัด แต่ว่าถ้าอ้างตามคำ พูดของวีว่าต้องเข้าคุก ก็คงต้องมีการผ่านกระบวนการของศาล มัน เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกพาตัวไปยังเรือนจำในทันทีนะ วีทนรอก่อนสัก สองสามวันนะ”

จารวีผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ มนต์ ดีกับวิมากเลยจริงๆ
“ฮ่ะๆ อย่าพูดอย่างนั้นเลย มันเป็นเรื่องที่พี่ควรทำ พี่เคยรับปาก กับวีแล้ว ว่าพี่จะดูแลไปตลอดชีวิต มนต์ตรีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และมั่นใจ

พี่รับปากกับวีแล้ว ว่าพี่จะดูแลไปตลอดชีวิต

พี่รับปากกับวีแล้ว ว่าพี่จะดูแลไปตลอดชีวิต

เขากำลังคุยกับเธออยู่เหรอ? ทำไมเรื่องนี้มันช่างเจ็บปวดเหลือ เกิน? เขาจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต แล้วเธอมีคุณสมบัติดีพอที่จะให้ดู แลเขารึเปล่า?

เธอก็เป็นแค่เมียเก็บคนนึงก็เท่านั้น

พอวางสาย จารวีก็ถือมือถือนิ่งๆ พี่มนต์ พี่มนต์ของเธอ ชาตินี้ คงไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก น้ำตาไหลออกมาเหมือนไข่มุกที่แตกสลาย

เธอนึกไปถึงเสียงของเขา รอยยิ้มของเขา และท่าเดินของเขา อย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

เธอคิดไม่มากพอ คิดถึงไม่พอ ในสมองของเธอเต็มไปด้วยภาพ

ของเขา

“จารวี ฉันทำให้เธอจริงๆนั่นแหละ ดอกไม้ไฟเมื่อคืนก็ทำเพื่อให้ เธอซาบซึ้งจนถึงตอนนี้เลยเหรอ”

ยศพลเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง จารวีคิดว่าเขาเดินออกไป แล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังอยู่ที่นี่ ยังไม่ทันจะเปลี่ยนซิมมือถือกลับ เลย ใจของเธอเต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมา

“ฉันหิวแล้วอ่ะ พวกเราลงไป….

“เมื่อกี้เธอโทรหาใคร?”

ยศพลจ้องมองตา ใสแจ๋วของเธอ ในสมองของจารวีว่างเปล่า แทบจะเก็บมือถือไปไม่ทัน
“คุณชายครับ มือถือคุณ งครับ ”

นิรันหยิบมือถือส่งให้ยศพล ยศพลรับสายและฟัง จากนั้นก็ เดินตรงไปที่หน้าต่าง

“ท่านประธานศะ พรุ่งนี่ที่เกาะทองคำมีแฟชั่นโชว์ค่ะ ในงานนี้จะ มีบริษัทผลิตเสื้อผ้าชั้นนำเข้าร่วมมากมาย นี่เป็นโอกาสที่ดีในการ เรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ที่จริงก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยมี แบรนด์ท้าแบบเสื้อผ้ามาสองสามแบบ แต่ไม่ได้ขยายออกตลาด สักเท่าไหร่นัก ถ้าครั้งนี้เข้าใจได้ถึงสภาพของตลาด พวกเราจะต้อง โจมตีบริษัทน้อง จํากัดได้ทันทีอย่างแน่นอนค่ะ”

“อือ จัดการให้ฉันด้วย ถึงเวลาเดี๋ยวฉันไปเข้าร่วมเอง”

จารวีรับเปลี่ยนซิมมือถืออย่างพะวงใจ ยศพลยืนอยู่ตรงหน้า

ของเธอแล้ว

พวกเราลงไปกินข้าวกันเถอะ”

เธอยังไม่ตอบเลยว่าเมื่อกี้เธอคุยกับใคร ”

“อ้อ อังคณาไง ใช่แล้ว ฉันอยากจะยืมหนังสือเพื่อนมาอ่านนะ

นายช่วยไปส่งฉันหน่อยสิ”

“ยืมหนังสือ?”ทำไมผู้หญิงของยศพลคนนี้จะต้องไปยืมหนังสือ คนอื่นด้วย ผมไปซื้อให้เธอเองก็ได้นี่

“ไม่ใช่ มันเป็นหนังสือเฉพาะทางน่ะ หาซื้อตามร้านไม่ได้หรอก”

ยศพลพูดเบา ๆ " ในโลกนี้ยังมีอะไรที่ไม่สามารถใช้เงิน ซื้อได้เหรอ&quot

มี มีสิ แค่นายไม่รู้ก็เท่านั้น คำพูดเหล่านี้จารวีไม่กล้าที่จะพูด ออกมา แค่กล้าที่จะคิดในใจแต่ไม่พูดออกมา

“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นก็ได้ ฉันแค่จะไปยืมหนังสือมาอ่านก็แค่”เธออยู่ไหน ผมจะให้นิรันไปเอามาให้

ความหมายของเขาชัดเจน เขาไม่ต้องการให้เธอออกไปข้าง นอก ให้เธออยู่บ้านเหมือนนกขมิ้นที่ถูกกักขังในกรุงทอง

จาร ไม่ได้ขัดขืนอะไร “ไปสิ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ”

ยศพลอุ้มจารวีขึ้นมา แล้วเดินไปที่ห้องอาหาร

หลังจากมื้อเช้า ยศพลสั่งให้นิรันไปส่งเขาที่บริษัทก่อน แล้ว ค่อยไปบ้านอังคณาเพื่อยืมหนังสือ

ที่จริงแล้วตอนที่ยศพลออกไป จารวีได้โทรไปบอกเรื่องนี้กับ

อังคณาไว้ก่อนแล้ว

อยู่กับยศพล รู้สึกผ่านไปอย่างกระวนกระวายจริงๆ เหมือนอยู่ กับสายลับหลบซ่อยอย่างไงอย่างนั้น วันแบบนี้เมื่อไหร่จะจบสิ้นกัน นะ

“คุณจารวี หนังสือของคุณมาแล้วครับ”

นิรันเอาหนังสือสี่ห้าเล่มไปวางที่ห้องหนังสือของจารวี

“ขอบคุณค่ะ”

จารวีพยักหน้าเบาๆ พบว่าขาดไปเล่มหนึ่ง เลยเตรียมที่จะบอก กับนิรัน แต่ในใจคิดว่าอังคณาอาจจะลืม เลยจะโทรไปยืนยันกับเธอ อีกที

“ไหล อัง หนังสือที่ให้มาขาดไปเล่มนึงปะ

อังคณา อมือถือพลางหาไปหนังสืออยู่นาน ถึงจะตอบกลับไป “อ๊ะ ขาดไปเล่มนึงจริงๆด้วย วี ฉันมีเรื่องไรจะบอกเธอน่ะ”
“อะไร? ”

คือ แก ตอนที่ลุงแกโดนรถชนจนกองที่พื้น เปล่า”

ใบสมองของจารเปล่งประกาย และถามอย่างจริงจังว่า “ทำไม

เหรอ”

“ตอนนั้นฉันเห็นป้ายทะเบียนรถของรถคันนั้น แล้วฉันประหม่า จนลืมบอกเธอนะ แต่วันนี้ฉันเหี มันอีกครั้ง”

“อะไรเหรอ บอกฉันมาเร็ว … &quot สบายใจ จารวิเครียด จริงจังและไม่ สบายใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ