นิรันรู้สึกนําบากใจเล็กน้อย “คุณขายครับ ถึงแม้ว่าเรือที่อยู่ ด้านหน้าจะไม่ขยับ พวกเราก็คงต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะตาม ทันได้ แถมยังในสภาพอากาศแบบนี้ พวกเราไม่ถอยเรือกลับก็ถือว่า ไม่เลวแล้ว แต่คงเพิ่มความเร็วไปมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ
ยศพลจ้องเขาตาเขม็ง พร้อมกับควาดเสียงดังลั่น “ไปหาวิธีมา ยังจะมัวยืนทําอะไรอยู่อีก!!”
คลื่นลมพายุพัดกระหน่ำจนถึงกลางคืนจึงจะสงบลง จารีมอง อย่างสะลึมสะลือ ชีวิตนี้เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียวแล้ว
เธอจับเขาพลิกตัวขึ้นมาและลากไปที่โซฟา ตัวเขาหนักมาก!!
จารวีรับไปค้นตู้ยวเขาทันที ด้านบนเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งหมด เธออ่านไม่ออกสักตัว นอกจากยาฆ่าเชื้อที่เคยฉีดให้เขาแล้ว อันอื่นก็รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร
ทํายังไงดีล่ะ?
จารวีมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ เด็กคนนั้นไงล่ะ ปล่อยเด็กคน นั้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน ป่านนี้คงจะตกใจแย่แล้ว
เธอพุ่งตัวเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าเด็กน้อยคนนั้นหลับไปสะแล้ว
“เด็กน้อย พี่สาวมาช่วยหนูแล้วนะ”
โชคดีที่เป็นหน้าร้อน ถ้าเกิดเป็นหน้าหนาวคงจะแย่กว่านี้
หลังจากที่จารวีแก้มัดออก เด็กน้อยก็รีบโผเข้ากอดเธอทันที “กลัว…กลัว..”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ หนูหิวหรือยังเอ่ย”
เด็กน้อยพยักหน้า จาร หาเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางให้เขาเปลี่ยน แล้วดึงมือเขามาที่ห้อง
ผู้ชายคนนั้นยังมีไข้อยู่ จารวีนำผ้าชุบน้ำบีบให้แห้งเช็ดลงที่ บาดแผลของเขา พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาใหม่ และประคองให้ เขานอนลงบนโซฟา
หลังจากนั้นก็ไปหยิบน้ำแข็งจากตู้เย็นในห้องครับมาวางไว้ที่ หน้าผากของเขา
“เด็กน้อย หนูชื่ออะไรจ๊ะ”
เด็กน้อยรู้สึกชื่นชอบจารวี เขาเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง พูดตอบ กลับเสียงหวาน “ผมชื่อกวีน” และก็ชี้ไปที่ผู้ชายคนนั้นแล้วพูดว่า “เขาชื่อดนวัต”
“อ่อ กวีน โอเคจ้ะ! เอ่อ งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาอะไรให้กินที่ห้องครัวนะ จ้ะ ตอนนี้หนูก็ช่วยพี่ตูน้ำแข็งบนหน้าผากของคุณลุงไว้นะจ้ะ จำไว้ นะว่าอย่าให้น้ำแข็งตกลงมา พี่จะรีบกลับมาจ้ะ”
กวินพยักหน้าอย่างตั้งใจ เด็กน้อยคนนี้ไม่เหมือนเด็กทั่วไป ถ้า เป็นเด็กผู้ชายคนอื่นก็คงจะตกใจกลัวแย่แล้ว แต่เขากลับมีสีหน้าที่ สงบนิ่งมาก
จาร ทํามาม่าผัดไข่ด้วยความรวดเร็ว เธอกลัวว่าเด็กน้อยจะหิว แย่ รีบเร่งไปที่ห้องโดยสารเรือ
ดนวัตตื่นเรียบร้อยแล้ว ส่วนกวีนนั่งอยู่บนโซฟา เห็นเธอยกมา ม่าผัดมาให้ ก็รีบกระโดดลงมาจากโซฟา แต่ดนวัตก็ขวางเอาไว้ แล้ว มองเขาด้วยสายตาดุดัน
กวีนจึงรีบนั่งลงทันที แต่สายตาวาววับยังคงจับจ้องไปบนจานที่ อยู่ในมือของจารวี
จารวีถือมาม่าผัดมาจนหยุดอยู่ด้านหน้าของกวีน “เด็กดี มากิน มาม่าผัดเร็วเข้า
แต่จู่ๆตนวัตก็แย่งจานมาม่าผัดไปจากมือของจารวี กินไปจน เหลือครึ่งจานถึงจะส่งคืนให้แก่กวีน
จารวีมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน เฮอะ! แบ่งของเด็กกิมหน้า
ไม่อายจริงๆ”
“ออกไปให้พ้น!” ดนวัตพูดอย่างเย็นชา
“โอเค ฉันไปก็ได้” จารวีหันหลังกลับ
“ไม่ต้องไป!” คนวัตตวาดลั่น
จารวีหันกลับมามองเขานิ่งๆ คุณจะเอายังไงกันแน่”
“ทําไมเธอไม่หนีไปล่ะ”
จริงๆแล้ว ตอนที่เขาสลบไป เธอจะหนีไปเลยก็ได้ หรือโยนเขา ลงในทะเล แค่นี้เธอก็จะเป็นอิสระแล้ว
ผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ ด้นทิ้งโอกาสทองแบบนี้ไปซะได้
“ฉันไม่อยากทิ้งเด็กกับคนป่วยเอาไว้ แล้วหนีเอาตัวรอด ดไปคน
เดียวหรอกนะ”
สายตาที่ดุร้ายของดนวัตไหววูบไปครู่หนึ่ง
“แล้วเธอจะเสียใจ!”
อีกด้านหนึ่ง กวีนที่เพิ่งจะกินมาม่าผัดหมดไป ก็พูดขึ้นมาอย่าง
ไร้เดียงสา “พี่สาวครับ ขออีก…
“พอแล้ว ไม่ต้องกินแล้ว อดทนหน่อย!
ดนวัตมองอย่างดุๆ กวีนจึงทำได้แค่ตอบลืมกลับเบาๆ
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพี่ไปทําให้อีกนะ”จารวีถือจานเดินกลับไปที่ประตู ตอนที่กำลังเดินออกไป ไม่ นานเดินถอยกลับมาทางเดิม
จารโยกจานส่งคืนไปทางด้านหน้าของตนวัต
ด้านหลังเธอ มีพวกชุดพรางตัวสี่ห้าคนถือปืนจ่ออยู่ ไม่แสดง สีหน้าใดๆออกมา
เธอ ซวยจริงๆ ถูกจับเป็นตัวประกันไม่พอ ยังจะถูกจี้ซ้ำอีก
“พะ…พวกเรา…ซวยแล้ว” จารใช้สายตาบอกเป็นนัยน์ๆว่ามีพวก คนใส่ชุดพรางตัวอยู่ทางด้านหลังเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าดนวัตจะไม่มี ปฏิกิริยาตอบกลับอะไรเลย
แต่ในเวลาต่อมาก็ทําให้จารวีต้องตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็น
อย่างมา
คนหนึ่งในกลุ่มชุดอำพรางเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของดนวัต พร้อมทั้งโค้งคำนับให้เขา และพูดอย่างสุภาพ “นายท่านครับ เรือ ของพวกเรามาถึงแล้ว ขอเชิญนายท่านกับนายน้อยกลับไปกับพวก เราด้วยครับ”
ดนวัตยืนขึ้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ไป!”
“…” จารวีตามสถานการณ์ไม่ทัน
กวีนโบกมือบ๊ายบายให้จารวี “พี่สาวครับ บ๊ายบายครับ!”
ดนวัตเดินไปอย่างสุขุม กวีนก็เดินตามหลังเขาไป จารวียืนตก ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็รีบวิ่งตามไป
“นี่ แล้วฉันล่ะ”
ดนวัตไม่ได้หันกลับมามอง แต่สั่งการกับลูกน้องอยู่ครู่หนึ่ง ก็
เดินจากไป
จาร เดินตามออกมาจากห้องโดยสาร ก็เห็นว่าข้างๆเรือท่อง
เที่ยวมีเรือดำน้ำจอดอยู่ ตอนที่เธอกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ตนวัตกับคน ชุดพรางพวกนั้นก็พากันเดินเข้าไปในเรือลำนั้นแล้ว มีอยู่แค่สองคนที่ เหลืออยู่ และคอยเฝ้าจารวิอยู่ข้างๆ
ไม่นานเรือดำน้ำลำนั้นก็ค่อยๆดำลงไปใต้น้ำเงียบๆ และก็หาย ไปอย่างไร้ร่องรอย
“งั้นตอนนี้ฉันจะทำยังไงล่ะ” จารวีถามพวกชุดพรางที่อยู่ด้าน
หลังเธอ
“จากที่นายท่านบอกมา ตอนนี้ผมก็สามารถฆ่าคุณทิ้งได้แล้ว
ครับ”
คนตัวสูงที่เป็นหนึ่งในคนชุดพรางพูดออกมาอย่างเฉยชา
ต๊ะ เป็นไปไม่ได้ ตนวัตไอ้คนเนรคุณ ฉันอุตส่าห์ช่วยชีวิตเขาไว้ แท้ๆ หาคุณบูชาโทษชัดๆ”
“พอแล้วครับ ไม่ต้องด่นายท่านแล้ว เขาไม่ได้สั่งให้ฆ่าคุณ เขา แค่บอกให้พวกผมส่งคุณกลับไปอย่างปลอดภัยเท่านั้น”
คนชุดพรางตัวสูงคนนั้นมองจารอย่างพิจารณา แต่ไหนแต่ไร นายท่านไม่เคยไว้ชีวิตให้กับคนที่เขาใช้ประโยชน์เสร็จแล้ว นึกไม่ ถึงว่าครั้งนี้จะปล่อยเธอไป น่าแปลกจริงๆ
คนชุดพรางอีกคนที่ค่อนข้างท้วมหน่อยๆเดินเข้าไปในห้องขับ เรือ และเริ่มทําการปรับเปลี่ยนทิศทาง
จารวีนั่งลงบนดาดฟ้า มองไปสุดไกลตา แต่จู่ๆคนชุดพรางตัว สูงคนนั้นก็เข้ามาใกล้ พร้อมกับใช้ปืนจ่อมาที่เธอ และออกคำสั่ง “รีบ เข้าไป!
“นี่ ฉันนั่งตรงนี้ดูวิวทิวทัศน์หน่อยไม่ได้หรือไงกัน” จารวีแสดง อาการต่อต้าน
ถ้าฝนยังพูดมากอยู่อีกผม ฝาคุณ ง
“นายมานของพวกนายไม่ได้ส่งให้ฆ่าฉัน ถ้านายกล่ฆ่าฉันกับ เขาจะต้องไม่ปล่อยพวกนายไปแน่
คนชุดพรางตัวสูงคนนั้นผลักจารวีเข้าไปในเรือ หลังจากนั้น ก็ปิดประตูเรือลงทันที ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงปืนดังขึ้นมา เรือลำ ใหญ่เหมือนจะขนเข้ากับอะไรสักอย่าง
จารพยายามเปิดประตูออก “นี่ เปิดประตูนะ เปิดประตู พวก นายกำลังทําอะไรน่ะ”
เสียงปืนดังกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอร้อนใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น
เสียงดังสนั่น ตัวเรือเอียงขึ้นอย่างฉับพลัน จารออกแรงจับไป ที่ตัวเรือ จึงทำให้ไม่ล้มลงไป
ดูจากที่เรือเอียงแล้วก็เดาได้เลยว่า เรือลำนี้คว่ำแล้ว!!
น้ำทะเลค่อยๆทะลักขอบประตูเข้ามาด้านใน ความหวัดกลัว ของจาร ค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็นทวีพูน ถ้าเกิดว่าเรือจมลึกมากไปกว่านี้ละ ก็ เธอคงตายได้อย่างไม่ต้องสงสัย
น้ำทะเลค่อยๆทะลักเข้ามาจนถึงหัวเข่า อีกไม่นานเรือลำนี้ก็คง จมลงไปใต้ทะเลจนหมดแน่ๆ
ถึงตอนนั้น เรือล่านี้ก็คงจะกลายเป็นโลงศพของจารวี
แต่จู่ๆ ด้านจับของประตูก็ถูกตึง เสียงปังดังขึ้น ประตูก็ถูก กระชากเปิดออก
จารพุ่งตัววิ่งข้ามมา แต่ตอนที่ได้เห็นภาพของคนตรงหน้าเธอ
อย่างชัดเจน เธอก็ตะลึงงันในทันที
UAWA!!!
ควรจะพูดว่ายศพลที่เหมือนหมาจนตรอกซะมากกว่า ทั้งดำเงา เปียกไปหมด ไหนจะผมที่ยาวรุงรังและแววตา ที่ดุดันนั่นอีก กระดุม เสื้อทีเปิดอ้าอยู่ทำให้เห็นแผงหน้าอก ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบ เลือก
ตอนที่ยกพลได้เห็นจารวี เขาพยายามปกปิดความตื่นเต้นดีใจ เอาไว้ “รับข้ามมาสิ ยังจะยืนตะลึงอะไรอยู่อีก
จาร ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว เธอลืมความตายและความ อันตรายของเรือที่กําลังจมลึกลงไปหมดสิ้น
ตอนนี้ น้ำทะเลลึกเข้ามาเมตรกว่าๆแล้ว
“จารวี ถ้าไม่อยากตายก็ตอบโต้ฉันหน่อย
ไม่นานน้ำทะเลก็ทะลักและพุ่งมาทางทั้งสองคน
ยศพลดึงจารมาอย่างยากลำบาก น้ำทะเลพุ่งทะลักมาจนถึง เอาอย่างรวดเร็ว และคนที่ตัวเล็กๆแบบจารวี ตอนนี้ก็ถูกน้ำทะเลพุ่ง ทะลักใส่จนถึงหน้าอก เธอเดินก้าวไปแต่ละก้าวอย่างยากลำบาก จำเป็นจะต้องให้ยศพลช่วยออกแรงดึงเธอเอาไว้ ถึงจะไม่ถูกน้ำทะเล พัดพาไป
หลังจากทั้งสองคนเดินออกจากทางเดินของห้องโดยสารเรือ เรือทั้งจํา จมดิ่งลงใต้ทะเลทันที
กระแสน้ำวนดึงให้พวกเขาจมดิ่งลึกลงไปในทะเล
จารวีเบิกตาโตมองยศพล จู่เขาก็หันกลับมาทางเธอ และใช้รูป ปากพูดกับจารวิสามคำ
“ฉันรักเธอ…”
น้ำเค็มของทะเลทะลักเข้าไปในดวงตาของจารวี เธอรู้สึกดีใจ จนอยากจะร้องไห้
ชั่วพริบตาต่อมา ริมฝีปากของยศพล จูบเข้า ริมฝีปากของ
เธอไม่ได้ขัดขืน เพราะใต้ทะเลไม่มีอากาศ ออกซิเจนในปอด
ค่อยๆน้อยลง
บศพล นาย เปรียบเสมือนดาวหางจริงๆ เพียงแค่ปรากฏตัว ออกมา หายนะก็ตามมาด้วยกันที
จารวีก็เริ่มรู้สีกว่าเรี่ยวแรงในร่างกายค่อยๆหมดลง สติเริ่มเลอะ เลือน แต่จู่ๆอากาศถูกเติมเต็มเข้ามาในปอดอีกครั้ง
ลืมตาขึ้นมาอีกที เธอก็ถูกยศพลดึงขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำแล้ว
เรือสําเล็กเข้ามาจอดใกล้ๆด้วยความรวดเร็ว ยศพลดันจารวี ขึ้นไปก่อน หลังจากนั้นพวกลูกน้องก็ค่อยๆดึงเขาขึ้นมา
ในที่สุดคลื่นบนผิวน้ำทะเลก็ค่อยๆสงบลง
นอกจากเรือสําเล็กของพวกเขาแล้ว ยังมีเรืออีกลำ ที่เต็มไป
ด้วยบอดี้การ์ดของยศพล ที่ถือปืนอยู่ในมือ
“คุณชายครับ คนของพวกเราตายไปสามคน พวกชุดพรางสอง คนนั้นก็ถูกเก็บแล้วครับ ส่วนเรือก็จมลงไปแล้ว”
จารวีที่สติเลือนรางได้ยินพวกเขากำลังรายงานสถานการณ์ ตอนนั้น เธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าเหนื่อยและง่วงมาก
เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวัน เธอก็นอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว บน ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง
จาร
ใบหน้าของคนแปลกหน้าหลายคนผ่านไปผ่านมา แสงไฟสีขาว ก็ทําเธอแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น
เธอค่อยๆปิดตาลง แต่ก็ยังคงมีแต่รสเค็มของน้ำทะเล พร้อมทั้ง ภาพที่โคลงเคลงไปมา
อาการเมาเรือยังไม่หายไป เธอจึงหลับตาไปเสียเลย
“ยัยวี เยวี แกเป็นอะไร”
จู่ๆจารวีก็ได้ยินเสียงคุ้นหู จึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในห้องผู้ป่วย เงียบสนิท เหลือเพียงแต่ใบหน้าที่คุ้นตา
“ยัยอัง แกหรอ หรือว่านี่ฉันกำลังฝันอยู่” จารวีดีใจมาก
อังคณามองเธออย่างเป็นห่วง “ยัยวี สมองแกได้รับความ กระทบกระเทือนหรือเปล่า คงจะไม่ใช่ว่าแกจำฉันไม่ได้ใช่ไหม”
จารวีตีไปที่อังคณา เธอรีบเบี่ยงตัวหลบทันที
“ราย ยังจะมีแรงตีคนอื่นอีก แสดงว่าแกแข็งแรงดี ฮ่ะๆ ยัยวี แก ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ฉันก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้วย่ะ อ้อ ใครบอกให้แกมาดูฉันหรอ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ