“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าผมคุยกับใครอยู่ครับ” น้ำเสียงที่น่าฟัง ของมนต์ตรี งออกมาจากมือถือ
ใจของจารวีสั่นเล็กน้อย เสียงของ มนต์ เสียงที่จะทำให้เธอ รู้สึกปลอดภัย
" มนต์ ฉันเอง…"จารวีพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
"!"
มนต์ตรีตะโกนออกมาเบาๆ แล้วมีเสียงพูดมาจากฝั่งของเขา “ท่านประธานคะ การประชุมจะเริ่มแล้วค่ะ”
“เลื่อนออกไปอีกสิบนาที…
" ;รับทราบค่ะ”
จาร เงียบไป เธอตระหนักได้ว่าเธออาจจะรบกวนเวลาทำงาน ของมนต์ตรีเข้า เพราะที่จริงเวลานี้เป็นเวลาทำงาน
พี่อยู่ วีพูดมาเลย”
" มนต์ ขอโทษนะคะ ที่กวนเวลาทำงานพี่น่ะ… "
“ไม่เป็นไร วี พี่เลื่อนการประชุมแล้ว วี ตอนนี้วีอยู่ที่ไหน เขาดีกับ มั้ย?”
ลึกซึ้ง
น้ำเสียงของมนต์ตร็จริงจังมาก แสดงความกังวลต่อเธออย่าง
ความอ่อนโยนของเขารุกรานมาในใจของเธอ ทำให้จารวีรู้สึก มั่นคงและอบอุ่น รู้สึกหนักๆที่หางตา อยากจะร้องออกมาโดยไม่มี
เหตุผล
“พี่มนต์……
จารวีนึกถึงฝันร้ายของเธออย่างไม่มีเหตุผล ถ่ายศพลเป็น คนร้ายที่ฆ่าคนในครอบครัวของเธอในฝันจริงๆ เธอควรจะทํายังไง
“ไม่ต้องกลัวนะ 3 ถ้าเขาทำไม่ดีกับวี พี่จะไปรับวีเอง แค่บอกมา ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
เสียงของมนต์ตรีค่อยๆสงบนิ่งลง แฝงไปความอ่อนโยนและให้
ให้รู้สึกปลอดภัย
“ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ พี่มนต์ วีมีเรื่องอยากจะรบกวนพี่สักหน่อยน่ะค่ะ”
” ว่ามาเลย อย่ามองพี่เป็นคนนอกแบบนี้สิ เรื่องของวีก็คือเรื่อง
ของพี่”
คอของจารวีตึงไปหมด สะอึกสะอื้นไปสักพักใหญ่ๆ ถึงจะพูด ออกมาเบาๆ “ลุงของวีค่ะ คุณลุงเขาชื่อเฉลิมชัย สองวันก่อนคุณลุง ถูกจับกุมที่ธนาคารกรุงไทย ตอนนี้อาจจะอยู่ในเรือนจำที่ไหนสัก แห่ง พี่ช่วยได้มั้ย วีอยากจะเจอคุณลุงสักครั้ง” มนต์ตรีเงียบไปสัก พัก “วี พี่เดี๋ยวพี่จะให้คนไปสืบให้ วีวางใจเถอะ พี่จะรีบบอกความคืบ หน้าให้กับวีในไม่ช้า
จาร หายใจเข้าลึกๆ “ขอบคุณมากค่ะ พี่มนต์
“คุณจารวี คุณจารวีคะ…” พอได้ยินเสียงเคาะประตู จารวีก็รีบ ตัดสาย แล้วเปลี่ยนซิมมือถืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาผ้าห่มมา คลุมโปง แกล้งทําว่าหลับไปอีกครั้ง แล้วตอบกลับน้าอามอย่างขึ้ เกียจว่า “มีอะไรเหรอคะ? ”
เงาของน้าอามเดินเข้ามา ใบหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย “คุณจารวี คุณขายเพิ่งจะโทรมาค่ะ เขาถามว่าทำไมคุณถึงปิดมือถือ”
อยู่ดีๆจารวีก็ใจเต้นตุ้บๆ อีตายศพลมันมีสัมผัสที่หกรีไง เข้าก็ ไมโทร เย็นก็ไม่โทร แต่ตอนเธอโทรหามนต์ตรีเขากลับโทรมาซะงั้น
“อ้อ ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันโทรหาเขาเอง”
น้าอาจมองเธออย่างสงสัย พยักหน้า แล้วเดินกลับออกไป น้ อามยังเต็มไปได้ไม่ไกล มือถือของจารวีก็ดังขึ้นมาทันที จารวีรับปรับ อารมณ์ของตนแล้วรับสาย
“จารวี เธอทำอะไรถึงต้องปิดมือถือ”
พอกดปุ่มรับมือถือปุ๊บ ก็ถูกยศพล เอายกใหญ่ จารวีรับเอา มือถือห่างออกจากหู
รอให้เขาพูดเสร็จ จารวีก็ตอบกลับไปเบาๆ “ฉัน ฉันนอนอยู่น่ะ เมื่อกี้อาจจะแบตหมด
“ไว้คุยกันเถอะ ฉันอยู่ในบ้าน ถ้าโทรหาฉันไม่ติด ก็โทรหาคนอื่น ในบ้านก็ได้นี่” จารวีตอบอย่างรำคาญใจ
สมองของตาบ้านทําจากเต้าหู้ ไง คิดไม่ออกเลยสักวิธีเลยเห
รอ
“โว้ยย นี่เธอไม่เข้าใจรึไง จารวี ฟังนะ จากนี้ไปถ้าเธอกล้าปิด มือถืออีก คอยดูละกันว่าผมจะจัดการกับเธอยังไง”
ยศพลพูดจบ ก็โกรธจัดจนวางสายไป เหลือแค่จารบีบๆนวดๆ หูตัวเองอย่างรำคาญใจ จริงๆแล้วเขาเป็นท่านประธานของบริษัท ST กรุ๊ปจํากัดจริงรึเปล่าน่ะ ทำไมต้องทำตัวว่างมาทำให้คนอื่นไม่สงบ สุข แถมยังโทรมาเพื่อต่อว่าเธอโดยเฉพาะ เธอจารวีคนนี้จริงๆแล้ว สามารถจะกล้าทำตัวยังไงกับเขากัน
โทรศัพท์ถูกวางสายไปไม่ถึงสองนาที ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“โหล
“ไหลบ้าอะไร เก็บของเลย คืนนี้ผมจะพาเธอไปเที่ยว”
" นเจ็บขา ไม่อยากไปไหน… "
ตอนนีจาร อยากอยู่บ้านรอข่าวคราวจากพี่มนต์
“อย่าเพ้อเจ้อหน่อยเลย มีวีลแชร์นี่ ตามนี้แหละ” ยศพลพูดจบก็
วางสายไป
จารโค้วขมวด รู้สีกสับสนในใจ จะตายอยู่แล้ว ยังคิดที่จะพา เธอออกไปข้างนอกอีก ที่จริงหลังจากที่หมอนวดนวดให้ เท้าที่มาด เจ็บของเธอก็ดีขึ้นจากเดิมมากแล้ว
พอหกโมงกว่า น้าอามก็เข็นวีลแชร์เข้ามา “คุณจารวีคะ เมื่อกี้ คุณชายได้บอกไว้…
จารวีลุกขึ้นมาอย่างกะเผลก โบกมือปฏิเสธพลางพูดว่า “น้า อาม ฉันไม่นั่งวีลแชร์คะ ฉันเดินเองได้
นั่งแต่รถเข็นทำให้มีความรู้สึกที่ไม่มงคล มันเหมือนกับว่าเธอ จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในรถเข็นคันนี้
ในใจด้านมืดของจารวีบอกกับตัวเองว่าจะไม่นั่งวีลแชร์อีกเป็น อันขาด
น้าอามเตือนอย่างลำบากใจ “คุณจารวีคะ อย่าดื้อเลยนะคะ นี่ก็ เพื่อประโยชน์ของคุณจารวีเองนะคะ คุณจารวีนั่งวีลแชร์เถอะค่ะ”
“ฉันไม่นั่ง…
จารวีเสียงต่ำลง ร่างสูงของยศพลเดินเข้ามาจากหน้าประตู แล้วเดินแทรกกลางทั้งสองอย่างไร้ความรู้สึก
“คุณชายคะ คุณจารวีไม่ยอมนั่งวีลแชร์ค่ะ” น้าอามพูด
ยศพลอุ้มจารวีไปนั่งในวีลแชร์อย่างทนไม่ได้
“ฟังนะ จารวี ผมพูดดีดีกับเธอไม่เอา อยากเจอลงโทษใช่มั้ย”
กันของจารวีกระแทกอย่างแรง แม้จะยังนั่งได้ไม่มั่นคง ยศพลก็เข้นวีลแชร์ลงมาจากชั้นบน จนถึงต้นบันได อุ้มเธอขึ้นมาจากวีล แชร์
จาร รู้ว่าเขาโกรธเรื่องที่เธอปิดมือถือ ดังนั้นจึงไม่คุยกับเขา ผู้ชายคนนี้ โกรธซะจริง การอาฆาตแค่นี้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร
ในตึกสํานักงานบริษัท กรุ๊ปจํากัด
มนต์ตรีเพิ่งจะจบการประชุมประจำสัปดาห์ เลขารีบเข้ามาแล้ว พูดว่า “ท่านประธานคะ เมื่อสักครู่ฝ่ายการเงินรายงานมาว่ามีคนมี เจตนาร้ายพยายามจะปั่นหุ้นของบริษัทน้องวีจํากัดค่ะ”
ทันใดนั้นมนต์ตรีก็นึกถึงคำพูดของจารวีขึ้นมา คิ้วของเขา ขมวดเล็กน้อย “อย่าเพิ่งรีบลงมือก่อน ตรวจสอบว่าใครที่พยายามจะ ซื้อหุ้นของบริษัทน้องวี ทางที่ดีคือตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าเงินมา จากไหน
ครึ่งชั่วโมงกัดมา เลขาเดินเข้ามาในห้องทำงานของมนต์ตรี
สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น "ท่าน ประธานคะ ฉันหาข้อมูลเจอแล้วค่ะ อีกฝ่ายไม่ได้ปิดบังตัวตนแม้แต่ นิดเดียว ทําการซื้อกิจการโดยตรงอย่างอำเภอใจเลยค่ะ…
เขาคือใคร” มนต์ตรีเริ่มเกิดความสนใจ ที่แท้แล้วใครที่ต้องการ จะเป็นศัตรูกับเขา
เลขามองไปที่แววตาที่สงสัยเล็กน้อยของมนต์ตรีแล้วอธิบาย ว่า “ไม่ใช่กลุ่มการเงินSTยุโรปค่ะ ดิฉันได้ยินมาว่า STกรุ๊ปแผนกนี้ ขึ้นชื่อในบริษัทกลุ่มการเงิน STยุโรป ที่จริงแล้วเป็นกลุ่มอิสระขนาด ใหญ่ งจดทะเบียนในประเทศจีนมาไม่ถึงห้าปีและมีการพัฒนาอย่าง รวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ที่ผ่านมาเกือบจะควบคุมโครงการ ลงทุนขนาดใหญ่ของเมืองใหญ่และขนาดกลางเกือบทั้งหมดใน ประเทศจีน โครงการที่เขาลงทุนมือสังหาริมทรัพยาก..”
เลขาพูดต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย สีหน้าของมนตรี งเกิดความ ผิดปกติมากขึ้น นี่ชัดเจนว่า การมาของศัตรูนั้นยิ่งใหญ่มากๆ
เพียงแค่ฟังชื่อกลุ่มการเงิน ST ยุโรป เจ็ดพยางค์นี้ ในยุโรป ไม่มีใครที่ไม่รู้จักดี และไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อน้
เพียงแค่พี่ใหญ่อย่างกลุ่มการเงิน ST จามไปหนึ่งที เศรษฐกิจ ทั่วโลกก็จะสั่นสะเทือนไปด้วย
“เป็นคนของเครือบ้านโพธิสูงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ คือทายาทรุ่นที่สาม คุณชายยศพลค่ะ”
คนคนนี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แทบจะไม่เคยคลุกเคล้ากัน
มาก่อน
มนตรีค่อยๆกําจัดความเป็นไปได้ของศัตรูในหัวใจของเขา ถ้า อย่างนั้นวัตถุประสงค์ของยศพลก็คือการกินอย่างหมดจด
บางทีเขาคิดว่าการมีอยู่ของบริษัท ซัวกรุ๊ปจำกันนั้น อาจทำให้ มีผลไปคุกคามต่อการลงทุนของเขางั้นหรือ
“ท่านประธานคะ ตอนนี้บริษัทของพวกเรากำลังพัฒนาได้ด้วยดี เลยทําให้คนมากมายไม่ค่อยพอใจ ก็เหมือนกับพัสดุข่มขู่ คุณได้รับ เมื่อไม่กี่วันก่อน หรือว่าเป็นการตั้งใจจะทำให้พวกเกิดวิกฤตคะ”
มนต์ตรีคอย ๆ นั่งบนโซฟาหนัง "คุณช่วยจัดการให้ที ผม อยากคุยกับเขา
“ได้ค่ะ”เลขากลับไปทำงานอย่างปราดเปรียว
มนต์ตรีหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ รู้ได้อย่างไรว่ายศพลกำลังหา ทางจัดการกับบริษัทน้อง จํากัด ?
ที่แท้แฟนหนุ่มของจาร ก็คือเขาเหรอ ไม่ อาจไม่ใช่ก็ได้ อยู่ดีๆ มนต์ตรีก็ไม่สบายใจ เหมือนหัวใจถูกเข็มแหลมๆที่มแทง
รถเฟอร์รารี่สีแดง มีจาร นั่งอยู่แล่นไปในถนน ไม่นานก็ไป จอดอยู่ที่ตึกที่สูงที่สุดในเมืองเอส
จาร นั่งอยู่บนเวีลแชร์ ถูกยศพลเข้นไปยังลิฟท์ ระหว่างทาง ก็มี
ผู้คนมองมาด้วยสายตาแปลกๆ จาร รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ รู้สึกเหมือนคนอื่นมองหล่อนเป็นตัว
ประหลาด
เธออยากจะเอาหัวมุดหลบลงต่ำๆ
ในลิฟท์ขนาดใหญ่ มีหญิงงามขึ้นลิฟต์ ถูกรูปลักษณ์ภายนอก อันหล่อเหลาของยศพลทำให้ลุ่มหลงงมงาย
พอมองเห็นจารวีในวีลแชร์ ก็คิดว่าเธอเป็นคนพิการ
“สุดหล่อ สนใจมาเป็นเพื่อนกันหน่อยมั้ย คิกๆ ฉันมีแขนขาครบ ถ้วน คุณสามารถทําสิ่งต่างๆ กับฉันได้มากมายเลยน้า ต่างจากยัยคน พิการที่นั่งรถเข็นนี่ ต้องน่าเบื่อมากแน่เลย … "
สาวสวยผมหยิกสีทองผู้เซ็กซี่คนนั้น มีความอาสาตัวเข้าไปหา เอง สายตาคู่โตไฟฟ้าชายตามองเสื้อเชิ้ตที่เปิดอ้าอยู่ มองเห็นไปถึง กล้ามเนื้อ กแพคสีแทนที่ล่ำสัน เต็มไปด้วยยั่วยวนอย่างรุนแรง
สาวผมหยิกทนไม่ไหว ทำตัวอย่างอ่อนช้อยไปยืนอยู่ข้างหน้า
กัปยศพล
ยศพลเอียงตัวออก หรี่ตา ในแววตาแผ่รังสีความโกรธออกมา เหมือนกับว่าเพียงชั่วขณะ จะกระชากคอเสื้อผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา จะ ดันเธอไปติดบนผนังลิฟต์ ตวาดอย่างหล่อแบบเยือกเย็นและเข้มงวด ว่า “เธอพูดว่าใครเป็นคนพิการนะ”
สาวงามผมหยกพูดอยู่ในสําคอ หายใจไม่ค่อยออก ใบหน้าหวาดกลัว " น ฉันหมายถึงหล่อน … "
ยศพลได้ยินคำนั้น ก็มีเสียงเพี้ยะดังขึ้น สาวสวยผมทองสูญ เสียความสวย “คุณตบฉัน… ” เพื่อนอีกสองคนของเธอเห็นท่าเช่นนั้น กลัวจนไปหลบมุมและตัวสั่นไม่หยุด
เมื่อประตูลิฟท์เปิดขึ้น มีคนสองคนทําหน้าตกใจเหมือนเห็นฝั ฟังเพื่อนของตัวเองไว้ แล้วรีบวิ่งออกจากลิฟท์
ในตอนนั้น พอแขกที่อยู่ข้างนอกเห็นภาพข้างใน ก็ไม่กล้าพูด อะไรและไม่กล้าเข้ามา
สาวผมทองตกใจกลัวจนตัวซีด “ปล่อยฉัน ปล่อยฉันสิ….
ยศผลผลักเธอไปที่ด้านข้างและ พูดอย่างเย็นชาว่า "ผม เตือนคุณนะ ถ้าผมได้ยินคุณนินทาไร้สาระอีก ผมจะไม่เกรงใจแบบนี้ ; แล้วนะ"
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนร้องไห้ออกมา มาสคาร่าผสมน้ำตา กับแป้งบนหน้า เป็นคราบขาวคราบดำ หล่อนตกใจมาก “ขอโทษ ขอโทษ ฉันจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว
ตอนที่ประตูลิฟต์เปิดขึ้นอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นกลัวมากจนไม่ได้ หยิบกระเป๋าไป รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
จาร มองไปทียศพลอย่างทุกข์ใจ
“ดูเหมือนว่าฝีมือการตบคนของนายจะเก่งมากนะ”
ยศพลฟังความเสียดสีในประโยคไม่ออก กลับอิ่มอกอิ่มใจ อย่างมาก นั่นมันแน่นอน”
เดิมทีเป็นตึกที่สูงสี่สิบแปดชั้น แต่ลิฟท์มาถึงชั้นสี่สิบสามก๊
หยุดลง
ตอนที่ประตูเปิดออก ยศพลเอามือกันประตูลิฟต์ และถามพนักงานว่า “ทำไมไปในที่สี่สิบแปดไม่ได้ครับ
“ขอโทษค่ะ ทั้งสองท่าน ลิฟท์จากที่นี่ ไปยังพื้นที่สี่สิบแปดพังแล้ว หากทั้งสองท่านต้องการขึ้นไป ก็ต้องขึ้นบินไว้เท่านั้นค่ะ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ