ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น

ตอนที่ 203 กับทั้งบ้าน



สามวันต่อมา งานแต่งงานของยศพล ได้ถูกจัดขึ้นตาม

กําหนด

ในโบสถ์ที่สวยวิจิตรตระการตาหลังหนึ่ง มีแขกผู้เข้าร่วม งานนั่งอยู่มากมาย ณ เวลานี้ยศพลได้ถูกปล่อยออกมา เรียบร้อยแล้ว

เขาสวมสูทแต่งงานเดินไปเดินมาท่ามกลางฝูงชน เจ้าสาว โซฟียังมาไม่ถึง

ยศพลหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดโทรออก

“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วรึยัง”

ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ คุณชาย! ”

ในเวลานี้ วิตต์อยู่ใกล้ห้องใต้ดินของบ้านโพธิสูง

“คุณหนูครับ นายท่านสั่งเอาไว้ไม่ว่าใครก็ตามห้ามเข้าไปที่

ห้องใต้ดินนะครับ” บอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูพูดอย่างไร้อารมณ์ “ไม่ว่าใครก็ตามเหรอ งั้นต้องไม่รวมผมแน่ๆ ให้ผมเข้าไป เถอะ ผมคิดถึงหม่ามีของผมแล้ว ผมอยากเจอเค้า”

วิตต์ตัวน้อยพูดอย่างดึงดัน บอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูมองเขา เขาก็มองบอดี้การ์ด ไม่ได้เถียงอะไรกัน แต่บอดี้การ์ดก็ยังไม่ ปล่อยให้วิต เข้าไป

“เร็วเข้า ผมอยากจะเข้าไปหาหม่ามีของผม” วิตต์พูดออกมาอย่างโมโหและทนไม่ได้

“ไม่ได้นะครับ คุณหนู ผมคิดว่า คำว่าไม่ว่าใครก็ตามน่าจะ รวมถึงคุณหนูด้วยนะครับ”

” พวกพี่จําไว้เลยนะ พวกพี่ทำให้ผมโกรธ พวกนายไม่ได้ อยู่ดีกินดีแน่”

วิต เดินจากไปอย่างโกรธเคืองและหงุดหงิด

แผนการต่อไป วิตต์ก็กลับมาอีกรอบ

ครั้งนี้ เขาถือเค้กมาด้วยสองชิ้น

“พี่บอดี้การ์ดทั้งสองครับ พวกพี่คงเหนื่อยมาก แดด แร้ง แรง พวกพี่ต้องหัวน้ำมากแน่เลย กินเค้กนี่ก่อนสักหน่อย เถอะ!”

ใบหน้าของวิตต์เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่หวังดี เขาพูดอย่างเอา อกเอาใจ

บอดี้การ์ดทั้งสองหันหน้ามามองกัน ตอนนี้ยังเข้าอยู่ แดด ข้างนอกแรงตรงไหน แล้วอีกอย่าง กินเค้กก็ไม่ได้ช่วยคับ กระหายได้ซะหน่อย!

แต่ คุณหนูก็ตะโกนอยู่ตรงนี้มาพักใหญ่แล้ว ถ้าเกิดว่าไม่กิน ก็คงทําให้คุณหนูโมโหอีกเป็นแน่

“รบ ๆ กันนะครับ ผมไม่ใส่ยาพิษอะไรลงไปหรอกน่า

วิตต์พูดเสียงดังขึ้นอย่างทนเอาไว้ไม่ได้บอดี้การ์ดทั้งสองไม่กล้าที่จะขัดใจ เพื่อเป็นการประจบ สอพลอและเอาใจ พวกเขาก็หยิบเค้กกันไปคนละชั้นแล้วเอา เข้าปากของตัวเอง แต่ว่า รสชาติของเค้ก ก็ไม่เลวเลยจริง ๆ

วิต มองพวกเขาอย่างภาคภูมิใจ ผ่านไปนานมาก บอดี้

การคทั้งสองก็เป็นลมล้มลง

วิตตะโกนออกมา “ลุง ได้เวลาลงออกโรงแล้ว”

ถิรพลวิ่งอุตลุดออกมาจากมุมอับของคําแพงทันที

“เจ้าหนู เก่งไม่เบาเลยนี่!”

“แน่อยู่แล้ว…”

วัดภาคภูมิใจในตัวเองมาก ถิรพลหอบชุดมาชุดหนึ่งเดิน เข้ามา

จารวีกำลังเดินไปเดินมาอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ในห้อง ใต้ดิน เมื่อคืนยศพลถูกพาตัวออกไปแล้ว คืนนี้เธอต้องถูกทิ้ง

ให้อยู่อย่างเหงา ๆ เพียงลำพัง

แค่คิดว่าเขาจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ในใจของเธอ ทุกข์ทรมานมาก

“หม่ามี้…”

วัตต์ตะโกนออกไป หนึ่ง จารวีรีบเดินไปที่ลูกกรงเหล็กแล้ว จับลูกกรงเหล็กไว้แน่น

“เป็นยังไงบ้าง”หม่ามี้ รีบเปลี่ยนชุดเป็นชุดนี้เร็ว ๆ ครับ เดี๋ยวพวกเราต้อง

วิต แบ่งเสื้อผ้ามาจากอ้อมอการพล แล้วยื่นผ่านช่องราว ลูกกรงให้จารวี

“ถอยไปหน่อย ลงจะเปิดประตู” ถิรพลหยิบกุญแจ ขโมยมาจากบอดี้การ์ด แล้วไขลูกบิดที

ล็อกอยู่

สองสามนาทีต่อมา จารวีก็แต่งตัวเป็นบอดี้การ์ด แล้วเดิน ออกมาจากชั้นใต้ดิน

เห็นได้ชัดว่าชุดที่อยู่บนตัวเธอใหญ่เกินไปนิดหน่อย บนหัว ก็สวมหมวกและเพื่อปกปิดผมสีดำของเธอเอาไว้

“เป็นยังไงบ้าง” จารวีรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจและตื่นตระหนก เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้

ถิรพลลูบคาง แล้วมองเธอจากหัวจรดเท้า

“อั้ม ใส่เครื่องแบบแบบนี้ก็ดูล่อตาล่อใจไปอีกแบบนะ! น้อง สะใภ้ เธอทําให้ฉันเสียดายแล้วสิ หรือว่าปล่อยให้น้องยศ แต่งงานกับโซฟีให้จบ ๆ แล้ว มาอยู่กับพี่ดีมะ” ถิรพลล้อเล่น จารวีแบบจริงจัง

วิต กระทืบเท้าเขาไปทีหนึ่ง “ลุง ลุงกล้ามาทํางี้กับพ่อผม ลุงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่มั้ย”

ถิรพลรีบเผ่นแนบ จนทาง กดูดออกไปทันที
เพราะมีกรพลช่วยคุ้มกัน จาร จังหนีออกไปจากคฤหาสน์ ตระกูลโพธิสูงด้วยความราบรื่น

ที่จริงแล้วแต่ออกจาก นใต้ดินได้ ตามหลักแล้วมันก็ไม่ได้ มีอุปสรรคอะไร ยังไงก็รพลก็เป็นคนของตระกูลโพธิสูง การ เขาจะออกไปข้างนอกก็ทําได้โดยอิสระอยู่แล้ว

และยิ่งมีงานมงคลของบ้านโพธิสูงอีก ก็ไม่อยากจะมีใครมี เรื่อง

หลังจากรถแล่นไปถึงถนนใหญ่แล้ว ชีวิตของจารวีที่เหมือนเ แขวนอยู่บนเส้นด้าย ก็ค่อย ๆ รู้สึกว่าวางใจไปได้อีกเปราะ

ในตอนนั้น ยศพลนั่งอยู่ในรถที่แห่เป็นขบวนคาราวานรถ ถูกตกแต่งด้วยดอกกุหลาบและตุ๊กตาที่เป็นมงคลสําหรับการ แต่งงาน

ถนนเส้นนี้ มุ่งหน้าไปรับเจ้าสาว

ในขบวนคาราวานนี้ มีรถสิบกว่าคัน ทุกคันมีบอดี้การ์ดนั่ง อยู่สี่คน ทุกอย่างจะต้องอยู่ในสายตาของพ่อยศพล เพื่อ ป้องกันไม่ให้ยศพลเกิดอุบัติเหตุ

ตามองไปที่รถ ขบวนคาราวานเริ่มเข้าใกล้บ้านของโซฟี เข้าไปทุกที ยศพลรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

เขามองนาฬิกาเพชรบนข้อมือแล้วตระหนักว่าเวลามีไม่มาก แล้ว

แต่ถ้าลงรถที่นี่ตอนนี้ จะต้องสะดุดตาคนมากแน่ๆ บอดี้การ์ดกีเยอะขนาดนี้ ไม่น่าจะหลุดไปได้ง่ายๆ

พอขบวนรถคาราวานหยุด ตายืนรออยู่ที่ประตูใหญ่ โซฟี สวมชุดเจ้าสาวที่ดูสบาย

แม้ว่างานแต่งงานจะถูกจัดเตรียมขึ้นแบบไทย ๆ แต่ยังไงโร ฟิกเป็นเด็กสาวชาวฝรั่งเศสที่กำลังจะแต่งงานกับชายคนรัก หัวใจที่เบิกบานของหญิงสาวราวกับได้ปั่นออกมา ตอนนี้เธอ

แทบจะรอเข้าร่วมพิธีแต่งงานกับยศพลไม่ไหวแล้ว

ยศพลเดินลงมาจากรถ โซฟีโถมตัวเข้าใสเขาอย่างอดใจไว้ ไม่อยู่ เธอรีบคว้าช่อดอกไม้จากมือของยศพลมาทันที

“ที่รัก เค้ารอตั้งนานแหน่ะ”

มีบอดี้การ์ดลงจากรถมาแล้วครึ่งหนึ่ง ยศพลมองไปที่เหล่า บอดี้การ์ด แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย

ทันใดนั้น เขาก็ก้มหน้าลง แล้วพูดอะไรบางอย่างกับโซฟี สองสามประโยค

โซฟีพยักหน้า จากนั้นก็ดึงแขนของเขาเพื่อลากเขาเข้าไป ทางประตูใหญ่

ในตอนนั้น บอดี้การ์ดเหล่านั้นก็ตามมา โซฟีก็ยืนขวางพวก เขาให้อยู่นอกประตู

“ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา ได้ยินแล้วใช่มั้ย…”

บอดี้การ์ดยืนรออยู่ข้างนอก ไม่กล้าเดินเข้ามา
แต่บอดี้การ์ดเหล่านี้ พวกเขามาชั่วโมงนึงแล้ว ก็เลยกังวล ใจกันหมด ทำไมคู่รักคู่นี้ปิดประตูเข้าห้องกันไปชั่วโมงนึงแล้ว เข้าไปทําอะไรกัน ต่างคนต่างมองหน้ากันเอง ไม่มีใครกล้าพัง ประตูเข้าไป

สุดท้ายแล้ว หนึ่งในเหล่าหัวหน้าบอดี้การ์ดก็ต่อสายไปหา นายท่านแห่งตระกูลโพธิสูง

“คุณท่านครับ คุณยายกับคุณเจ้าสาวเข้าห้องไป แล้วไม่ ยอมออกมาเลย นี่ก็ผ่านมาชั่วโมงนึงแล้ว จะให้พวกเราหายัง ไงกันต่อไปครับ”

“เจ้าพวกโง่ ผ่านมาตั้งชั่วโมง งแล้วทําไมเพิ่งโทรมาหาฉัน ห้ะ พังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย” พ่อของยศพลพูดออกมาเสียง ดังด้วยน้ำเสียง โกรธจัด

ครับ! รับทราบครับ! พวกผมจะพังเข้าไปเดี๋ยวนี้ครับ”

บอดี้การ์ดสองสามคนพังประตูเข้าไป ในห้องนั้นมีเพียงโช ฟีที่ถูกมัดไว้ติดกับเก้าอี้ มีผ้าขนหนูผืนหนึ่งถูกยึดอยู่ในปาก เธอมองพวกเขาด้วยน้ำตาที่ท่วมใบหน้า หน้าต่างในห้องถูก เปิดออกกว้าง ไม่มีแม้แต่เงาของยศพล

ชิบหายแล้ว เขาจะต้องหนีไปแล้วแน่ ๆ เหล่าบอดี้การ์ด ทยอยกันกระโดดออกไปทางหน้าต่าง แต่ว่าในวินาที ยศพล ได้ถูกคนรับตัวไปตั้งนานแล้ว ถึงยังไงพวกเขาก็ตามไปไม่ทัน อยู่ต

ในตอนนั้น ที่ท่าเรือ มีเรือสำราญที่หรูหราขนาดใหญ่ ด้าน บนมีอักษรทองค่าระยิบระยับเขียนไว้ว่า Empress of Chinaจารบีบอยู่ที่กาบเรือ มองไปที่ฝังอย่างใจจดใจจ่อ

กรพลยังทำสีหน้าเหมือนไม่มีเรื่องอะไร เดินเล่นอยู่บนเรือ รอบหนึ่ง จากนั้นเขาก็เดินลงมาอย่างอารมายกเหิม

“น้องสะใภ้ เรือลำนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ นะ หรือว่าฉันจะหนีไป กับพวกเธอ ”

“ไปเถอะ ๆๆ พี่ยังต้องช่วยปกปิดแทนพวกเราหนี ถ้าพี่กลับ ไป พ่อจะต้องแจ้งออกหมายจับพวกเราทั้งสองคนทุกที่แน่ ๆ”

“อ๊าาา หม่ามี้ดูสิ แดดดีมาแล้ว…”

บิ๊กไบบค้นหนึ่งแล่นเข้ามาเทียบท่าอย่างรวดเร็วและบ่าคลัง ผู้ชายที่เป็นคนขับบิ๊กไบค์ แม้แต่หมวกกันน็อคก็ไม่ใส่ ผมสั้น ที่ยุ่งเหยิงก็ถูกลมพัดปลิว

ร่างที่ดูโหดเหี้ยมขับรถมาด้วยความเร็วดั่งเสือชีต้าร์ เขา เดินเข้ามาอย่างดูน่าเกรงกลัว

ในใจของจารวีทะลักความหวานออกมาอยู่หน่อย ๆ แต่ใน ขณะเดียวกันก็รู้สึกเป็นห่วงยศพลอยู่หน่อย ๆ เช่นกัน กลัวว่า เขาจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น

ขอบคุณฟ้าดิน ถึงแม้ว่าจะขับรถมาด้วยความเร็วสูง แต่ ความสามารถในการขับรถนั้นจํานาญเป็นอย่างมาก

รถขับผ่านกองหินเข้ามาแล้วมาหยุดอยู่ริมทะเลอย่างเร็ว จากนั้นยศพลก็ทิ้งรถไปแล้ววิ่งตรงไปยังเรือใหญ่

สองสามนาทีต่อมา เขาก็ปีนบันไดเชือกตรงขอบเรือขึ้นมาแคดดี้ แคดดี้เก่งจังเลยคับ” วิตต์ ใจอย่างประสอพลอ

กรพลหาได้สนใจไม “เหอะ แบบนี้เรียกเก่งแล้วเหรอ แก คงไม่เคยเห็นที่เก่งกว่านี้สินะ!

“ซี ลุงโม้อีกละ คางคกขี้โม้อย่างลุงเป่าปากพองลมจนหอไอ เฟลปลิวไปโน่นละ” วัตต์พูดพลางข่า ก

ถิรพลหน้าแตง ยกปกคอเสื้อขึ้นแล้ววิ่งลงจากเรือไป

“นี่ เฮีย ฉันยังมีเพื่อนอีกคน เค้าชื่ออังคณา รบกวนเฮียช่วย ดูแลอังคณาให้หน่อยนะคะ”

จาร รีบตะโกนบอกเขา การหนีไปครั้งนี้ ไม่รู้วันใดจะได้ กลับมา เพื่อจะหนีให้ไกลจากพ่อของยศพล พวกเขาจะใช้ โทรศัพท์ไม่ได้อย่างแน่นอน

ดังนั้น เรื่องบริษัทก็ทำได้เพียงยกให้อังคณาช่วยดูแล

จัดการแทนชั่วคราว แต่ในความจริงแล้วทําเช่นนั้นไม่ได้ เธอ

ทําได้เพียงปิดกิจการชั่วคราวเท่านั้น

ถิรพลยืนอยู่ที่บันไดทางขึ้นลงของเรือบแล้วยักคิ้ว “เธอ แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะให้พี่ดูแลเข้าน่ะ”

เขาตะโกนมาโดยเน้นคำว่า “ดูแล” อย่างชัดเจน

จารวีรู้ความหมายแฝงของสิ่งที่เขาพูดออกมา เธอจึงพูด แกล้งทําเป็นโกรธว่า “ถ้าเฮียกล้าทิ้งอังคณาไป เฮียกับฉัน ไม่จบกันแค่นี้แน่!”

“วางใจเถอะ รับรองว่าไม่ทิ้งหรอก หึๆๆ รับรองเลยว่าตอนที่เธอกลับมา จะไม่ได้มีแค่เพื่อนเธอ จะมีอีกคนตามมาด้วย .

กรพลหัวเราะหึๆ แล้วกระโดดขึ้นฝั่งไป ไม่นานก็เข้าไปใน

รถสีดา ยศพล งเอาไว้ แล้วขับไปเอง ผลก็เป็นไปตามคาด รถยังขับไปไม่ถึงถนน ก็ล้มไปทีหนึ่ง…

“ฮะๆๆ ลุง ที่แท้ทักษะการขับของลุงก็ไม่ใช่เล่นๆ นะ เก่ง จริงๆเลย ฮะๆๆๆ” วิตต์หัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ

ยศพลโอบไหล่จาร อย่างไม่ให้มให้เสียง “คนสวย เรือ ออกแล้ว!”

เรือใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากประเทศฝรั่งเศสอย่าง

ช้าๆ

บนดาดฟ้าเรือ ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกน้องล้อมกันเป็นวงกลม

หม่ามี กอดวิตหน่อย!”

วิตต์แสดงให้เห็นถึงการขาดความรักความอบอุ่นจากแม่ เขาต้องการอ้อมกอดอันอบอุ่นและชุ่มชื้นของจารวี

ยศพลอุ้มวิตตขึ้นมา แล้วปล่อยเขาลงห่างๆ ตัวจารวิ

“หลบไปก่อน เจ้าเด็กดื้อ แดดดี้ของเอ็งมีเรื่องสำคัญที่จะ ต้องคุยกับหม่ามี้ของเอ็ง

“แตดดี้กับหม่ามี้มีเรื่องอะไรกันเหรอ” วิตต์แสดงออกมาว่า เบื่อหน่ายและหงุดหงิด โลกของผู้ใหญ่นี่มันซับซ้อนจริงเลย

“เรื่อง น….ก็คือ เรื่องที่สำคัญมากๆ ถึงพูดไปเองก็ไม่เข้าใจหรอก”

มองจาร อย่างอ้อมค้อม “หม่า…

“อะแฮ่ม… จารวีกระแอมให้คอโล่งเล็กน้อย “ใช่จะ มีเรื่อง ที่สำคัญมากจริงๆ แต่เรื่องสำคัญอันนี้ค่อยไว้คุยตอนดึกๆ ก็ ได้จ่ะ” จารวีพูดพลางมองไปที่ยศพลอย่างจงใจ จากนั้นก็หัน มามองได

“ตอนนี้ พวกเธอสองพ่อลูกลองเอาแผนที่มาดูกันซิ ดูว่า พวกเรากำลังจะไปที่ไหน…งั้นเดี๋ยวหม่ามีจะไปทํามื้อเย็นให้ นะจ๊ะ”

ในท้องทะเล มีเรือสําราญหรูแล่นผ่านคลื่นลมแรงและแล่น

เข้าใกล้ดวงจันทร์

แสงจันทร์สีเทา ส่องแสงอ่อนๆ ไปยังดาดฟ้าของเรือ

สามคนพ่อแม่ลูกกำลังนั่งทานมื้อเย็นอยู่ที่โต๊ะอาหาร

ทานมื้อเย็นกลางทะเลแบบนี้ และยังได้อยู่ด้วยกันสามคน พร้อมหน้าพร้อมตา เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้น้อยมาก

วิด มีความสุขมาก

“หม่ามี หม่ามีรู้มั้ย เมื่อก่อนวิตตถามแดดดี้มาตลอดเลยว่า หม่ามีอยู่ไหน หม่ามี้ลองเดาดูสิว่าแดดดีพูดว่าอะไร

จารวีกินเค้กไป หนึ่ง แล้วใช้ส้อมจิ้มเค้กเข้าปากไปอีกคำ จากนั้นก็หันไปมองยศพล193558199_770199080341629_7727407830846786898_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ