ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น

ตอนที่ 191 ความรักช่างเจ็บปวดเหลือเกิน



ตอนที่ 191 ความรักช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

“ผิดหวังมากเลยใช่มั้ย… ” มนต์ตรีถือของที่ซื้อมาถุงหนึ่ง เดินเข้าประตู สีหน้าดูเหมือนทำตัวไม่ถูก

“ไม่ค่ะ ก็แค่…ขอโทษนะคะพี่มนต์ วีคิดว่าจะเป็นเขา….

จารวีปิดประตูใหม่อีกครั้งให้สนิท

มนต์ตรีซื้อผักผลไม้ที่สดใหม่มามากมาย และยังมีเครื่อง ดื่มที่ชงได้ อีกทั้งยังมีอาหารประเภทเนื้อสัตว์เนื้อปลา เขา ช่วยจารวีเก็บกวาดจนเสร็จ และยังนำนมร้อนมาให้เธอด้วย หนึ่งแก้ว

“วันนี้เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด ยังเตรียมของได้ไม่พร้อม เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะหาวิธีอีกทีนะ”

มนต์ตรีเอ่ย แล้วยิ้มอย่างทุกข์ใจเพราะรู้สึกผิด “พี่มนต์ พอแล้วค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว… จารวียิ้มไปพูดไป

ทันใดนั้นเสียงมือถือของมนต์ตรีก็ดังขึ้น

มนต์ตรีหยิบมือถือขึ้นมา แล้วหันไปยิ้มอ่อนๆให้กับจารวี “เดี๋ยวพี่รับมือถือก่อนนะ

“ค่ะ!”
จาร นั่งเอามือกุมเข่าอยู่บนโซฟา ดูโทรทัศน์พลางคิด อะไรเรื่อยเปื่อย

มนต์ตรีรับสายแล้วเดินไปที่หน้าหน้าต่าง

วัลย์ ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“มนต์ เธออยู่ไหน

มนต์ตรีหันไปมองจารวีที่โซฟาแวบหนึ่ง แล้วตอบกลับ เสียงเบาๆ “ฉันอยู่บ้านเพื่อนน่ะ วัลย์รีบนอนเถอะ ฉันจะ กลับอีกนิดหน่อย”

“มนต์ ตอนนี้ตีหนึ่งแล้วนะ เธอจะอยู่นานถึงกี่โมง เมื่อไหร่ จะกลับมา

“วัลย์ เธอนอนก่อนเถอะ…แค่นี้นะ!

“ฮัลโหล มนต์…”

มนต์ตรีวางสายแล้วปิดเครื่องทันที

จารวีกอดหมอน หันมามองมนต์ตรีแวบหนึ่ง แล้วยิ้มพลาง พูดว่า “มนต์ พี่ไม่ต้องอยู่กับวีหรอก พี่กลับบ้านเถอะ คุณ สรีย์วัลย์จะต้องกังวลมากแน่เลย

“ฮะฮะ วัลย์ไปบ้านเพื่อนตั้งนานแล้ว”
มนต์ตรีมองจารวีอย่างอ่อนโยน ในตอนนั้น วินาทีนั้น หัวใจ ของเขาก็พองโตอย่างมีความสุข

“หิวรึยัง”

จาร ส่ายหน้า

“ไม่หิวค่ะ!”

มนต์ตรีเดินเข้าไปในห้องน้ำ ยกกะละมังที่เต็มไปด้วยน้ำ อ่นออกมา แล้ววางไว้ตรงหน้าเท้าของจารวี

จากนั้นใช้มือถอดรองเท้าของเธอออก “ให้พี่แช่เท้าให้ นะ ตอนนี้มือของวีใช้งานได้ไม่สะดวก”

“ไม่ได้ แบบนี้มันไม่ดีนะคะ!”

จารวีตกใจจนกระโดดหนีออกมา และยังทำหน้าเหมือนกับ เห็นผี

มนต์ตรีมีแววตาที่เศร้าสร้อยทันที ตอนนี้หล่อนกลัวเขา ขนาดนี้เลยเหรอ เขาไม่ใช่ปีศาจที่กินคนซะหน่อย

“วี ทำไมวีถึงจริงจังขนาดนี้ล่ะ เมื่อก่อนพี่ก็เคยแช่เท้าให้ แบบนี้แล้วนะ”

“……ไม่อยากจะรบกวนพี่มนต์แล้วค่ะ”

มนต์ตรียื่นมือออกไปดึงเท้าเล็ก ๆ ทั้งสองของจารวี แล้ว จับเท้าของเธอจุ่มลงไปในน้ำ น้ำอุ่น ๆ กำลังดีทำให้จารวีรู้สึกได้ถึงความสบาย

มนต์ตรีคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ และนวดเท้าให้เธออย่างตั้ง อกตั้งใจ

“ให้พี่นวดให้ สักหน่อยเถอะ ได้ยินมาว่าการนวดฝ่าเท้าจะ ช่วยเพิ่มพูนประสิทธิภาพของจุดสำคัญต่าง ๆ ของร่างกาย ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งช่วยควบคุมอาการเจ็บป่วยของวี ได้นะ”

“จริงเหรอคะ” จารวีเอ่ยปากถามออกมาอย่างตกใจ

มนต์ตรีพยักหน้าอย่างจริงจัง “พี่อ่านมาจากตำราของ แพทย์แผนจีนเล่มนึง เขาบอกว่าที่จริงแล้ว จุดที่ควบคุมธาตุ ต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ก็คือฝ่าเท้าน่ะ”

นิ้วมือทั้งสิบที่เรียวยาวของมนต์ตรีสัมผัสกับเท้าเล็กๆ ที่ ขาวบริสุทธิ์ของจารวี เท้าของเธอที่อยู่ในมือของเขาดูสะดุด ตาเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด

การเคลื่อนไหวของเขาดูมีทักษะมาก ดูเหมือนว่าเขาจะ ฝึกมาเป็นระยะเวลานาน

แต่สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ ด้วยการนวดของมนต์ตรี ทำให้จารวี รู้สึกว่าแขนซ้ายของตนรู้สึกชา นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีความ รู้สึกแบบนี้…

“พี่มนต์ แปลกจังเลยค่ะ” จารวีตะโกนออกมาเหมือนกับเด็ก

มนต์ตรีเงยหน้าขึ้นมามอง และจ้องเธออย่างตั้งใจ

ภาพใบหน้าเล็กๆ ของเธอสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา มันเหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคย เปลี่ยน เขายังคงชอบและแคร์เธอเหมือนเก่า

จารวีมองมนต์ตรีที่จ้องมองเธออย่างเหม่อลอย เธอรู้สึก เกรงใจ จึงดึงเท้าของตนกลับ

“พี่มนต์ พอแล้วค่ะ!”

มนต์ตรีหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาฝืนใจหยิบผ้าขนหนูที่ขาว สะอาดออกมา แล้วเช็ดเท้าของเธออย่างเต็มใจ

เขานั่งข้างกายเธอออย่างอ่อนโยน

“วี ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไง พี่ก็จะอยู่ข้างวีไปตลอดนะ จะ คอยปกป้องวี จะดูแลตลอดไป และจะไม่หนีหายไปไหน”

จารวีฟังเขาพูดเช่นนั้นเสร็จ ก็เข้าใจบางสิ่งขึ้นมาทันที แต่ เธอก็ล้มเลิกความคิดความตั้งใจของตนขึ้นมาในทันที

“พี่มนต์ วีรู้ว่าพี่รักวีมาก วีรู้ว่าพี่ดีกับวีมาก แต่ว่าตอนนี้พี่ มีสุรีย์วัลย์ วีจะไม่ไปทำลายความรู้สึกดี ๆ ของพวกพี่ทั้งสอง อีกค่ะ”
“ฮะๆ วี…”

มนต์ตรีลุกขึ้นยืน” อย่าคิดมาก ตอนนี้วีต้องฟื้นจาก อาการป่วยไวๆ นะ พอวีหายดีแล้ว…..

“พี่มนต์!” จารวีพูดขัดมนต์ตรีขึ้นมาอย่างลังเล “อาการ ป่วยของวีคงไม่ดีไปกว่านี้แล้ว อาการของวีน่ะ แม้แต่หมอ อเมริกาก็รักษาไม่หายหรอกค่ะ ไม่มียารักษา เดิมทีวีก็ไม่ อยากจะบอกพี่หรอก เพราะกลัวพี่จะเจ็บปวดทรมาน เลยไม่ ได้พูดออกมาเลย วีมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว…จริง ๆ นะคะ ไม่อยากให้พี่มาเหนื่อยเพราะวี วีก็แค่อยากจะใช้ชีวิตที่ เหลืออยู่เงียบ ๆ คนเดียว”

สีหน้าของมนต์ตรีไม่ได้เปลี่ยนไป และยังคงจ้องมองเธอ ด้วยสายตาที่รักใคร่เป็นอย่างมาก

“วี วีจะต้องไม่เป็นอะไรนะ พี่ไม่มีทางยอมให้วีเป็นอะไรทั้ง

นั้น”

“ขอบคุณค่ะ พี่มนต์ วีรู้ว่าพี่ดีต่อวี แต่ว่า วีชัดเจนมากแล้ว จริง ๆ ค่ะ ว่าสุดท้าย จะเป็นยังไง”

“พี่มนต์คะ วีจะนอนแล้ว พี่มนต์กลับบ้านเถอะค่ะ!” จารวีเร่ง เขาอีกครั้ง

มนต์ตรีจึงต้องจากไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

“วีต้องพักผ่อนเยอะๆ นะ พรุ่งนี้พี่จะมาหาอีกนะ”
“อื้ม ได้ค่ะ!”

จารใช้สายตามองมนต์ตรีไปจนถึงหน้าประตู หลังจากนั้น เขาก็ปิดประตูห้องสนิท

บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้กลับมีจารวีเหลืออยู่แค่คนเดียว เธอ หลับตาลง แต่ยังรู้สึกเหมือนว่าพ่อของเธอก็ยังอยู่ในห้อง ห้องนี้

เขากำลังยุ่งอยู่ในครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้เธอ เขา ทำความสะอาดห้องนี้อยู่ เขานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บน โซฟา….

ในวินาทีนั้น จารวีจึงจะรู้อย่างลึกซึ้งว่า คนบางคนในชีวิต ของคุณ ไม่สามารถที่จะลบออกจากความทรงจําได้ตลอด กาล

ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอยู่ที่ไหน ความทรงจำก็จะยังคงอยู่ ตลอดไป

เช้าวันต่อมา จารวีลืมตาขึ้น

สายตาของเธอมองไปบนเพดาน ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของ บ้านโพธิสูงอีกต่อไป

ในห้องนอนของบ้านโพธิสูง มีโคมไฟระย้าสไตล์ ฝรั่งเศสที่สวยงาม ราวกับเป็นการโอ้อวดความรวย…
ที่นี่ มีเพียงแค่ผนังสีขาวอมเหลือง

ทันใดนั้นจารวีก็ลุกขึ้นมานั่ง ในสมองของเธอเหมือนกับมี เสียงฟ้าร้องเขย่าขวัญ

เธอจําได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนอยู่บนโซฟา แล้วทำไมตอนนี้ เธอถึงได้อยู่ในห้องของตน แถมบนเรือนร่างเธอเปลี่ยนเป็น ชุดนอน และยังห่มผ้าเรียบร้อย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ลมพัดเข้ามาทีหนึ่ง หน้าต่างก็ส่งเสียงดังเอี๊ยด จารวีลุก ขึ้นนั่ง เอาเท้าวางลงข้างเตียง แล้วเดินไปข้างหน้าต่าง

หน้าต่างเปิดอยู่ ห้องของเธออยู่ชั้นสาม หน้าตึกมีต้นไทร ที่สูงมากต้นหนึ่ง มีความสูงมากจนสูงถึงหน้าต่างในห้องที่ เธออยู่

จารวีเดินไปที่ห้องรับแขก เธอยื่นมือออกไปผลักประตู ประตูก็ไม่มีร่องรอยว่าถูกเปิด

อยู่ดี ๆ จารวีก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอหยิบมือถือขึ้นมาทันที แล้วต่อสายไปถึงโทรศัพท์ของยศพล

“มีไร” มีน้ำเสียงที่รำคาญของยศพลดังออกมาจากใน โทรศัพท์

“ยศพล เมื่อคืนนายไม่ได้อุ้มฉันเข้ามาในห้องของฉันใช่ มั้ย นายทำอะไรฉันรึเปล่า นายมันคนเลว” จารวีตะโกนด่าใส่ มือถือด้วยความโกรธ
“นี่สมองเธอเพี้ยนแล้วรึไง หรือว่าคิดถึงฉันจนเป็นบ้าไป แล้วฮะ”

“ไอ้บ้า ไอ้บ้ายศพล เห็นชัดอยู่ว่านายเข้ามาในบ้านของ ฉันน่ะ”

“น่าเบื่อจริง ๆ คุณชายอย่างฉันยุ่งจะตาย จะว่างไปหาเธอ ได้ยังไง และอีกอย่างนะ…ฉันไม่มีกุญแจบ้านเธอซะหน่อย

ยศพลไม่แคร์เธออีกต่อไปแล้ว เขาวางสายเธอไปอย่า งดื้อๆ

จารวีถือมือถือ แล้วอยู่นิ่ง ๆ ด้วยความงุนงง…

จริงสิ เขาก็บอกเลิกแล้วนี่ เขาจะมาหาหล่อนอีกได้ยังไง ถ้าเกิดเขามาหาหล่อนจริง เขาก็คงไม่บอกเลิกกับหล่อน แบบนั้น

“วี!” มนต์ตรีเคาะประตูจากนอกห้อง

จารวีวางมือถือลง แล้วเดินไปเปิดประตูอย่างขี้เกียจ มนต์ ตรียืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับถุงใส่ของขนาดใหญ่อีกแล้ว

“พี่มนต์ พี่ไม่ต้องไปทํางานเหรอ”

“อั้ม ต้องไปสิ แต่ต้องซื้อมื้อเช้ามาให้วีก่อน กลัวว่าจะหิว น่ะ”
มื้อเช้า คือขนมจีบสองชุด น้ำเต้าหู้สองชุด นมวัวสองชุด และยังมีเค้กอีก…

มนต์ตรี อของได้ละเอียดดรอบคอบมาก เขาซื้อของมา จำนวนไม่มาก แต่มีมากมายหลายชนิด

“โห วีทานไม่หมดหรอก เยอะขนาดนี้อ่ะ!”

“พี่ทานกับวีไง!” มนต์ตรีหยิบจานชามช้อนส้อมเดินออก มาจากในครัว แล้วหยิบแบ่งให้จารวี เขานั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะ อาหารและทานอาหารด้วยกันกับจาร

“พี่มนต์ ขอบคุณพี่มากเลยจริง ๆ ค่ะ ถ้าไม่มีพี่ วีก็ไม่รู้ว่าจะ ต้องทำยังไง”

“พี่ไม่ชอบให้วีขอบคุณพี่เลย ยัยบ๊อง!”

มนต์ตรีมองจารวีด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากเดิม จารวี เลียมุมปาก แล้วก้มหัวลงดื่มน้ำเต้าหู้ น้าเต้าหู้ทั้งหวานแล เข้มข้น..

เธอเงยหน้ามองมนต์ตรีมาเป็นเวลานานมาก

“พี่มนต์ ได้ยินมาว่ายศพลซื้อหุ้นของบริษัทซัวกรุ๊ปมาบริ หารต่อ ตอนนี้พี่ได้รับผลกระทบอะไรมั้ยคะ”

“ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ วีเชื่อพี่สิ ด้วยความสามารถและ ความแข็งแกร่งของพี่น่ะ ยศพลไม่มีทางจะครอบครองสิ่งที่เป็นของพี่ได้หรอก วีวางใจเถอะ” มนต์ตรีพูดอย่างตรงไป ตรงมาและเด็ดขาด จารวีมองดูเขาด้วยความสงสัย

“จริงเหรอคะ”

“ฮะๆ รีบกินเถอะ”

มนต์ตรีมองจารวีที่ก้มหน้าทานอาหารอย่างอ่อนโยน

ตอนที่มนต์ตรีจะเดินจากไป เขาหันมากำชับเธอว่า “วีอยู่ บ้านนะ ไม่ว่าที่ไหนก็ห้ามไป รอพี่เลิกงานก่อน พี่จะพาวีออก ไปดูหนัง”

“อั้ม พี่ไปทํางานเถอะ ไม่ต้องห่วงวี…”

มนต์ตรีเดินจากไปแล้ว จารวีก็ยังนั่งไม่ติด ในใจของเธอ คิดถึงยศพล เธอรู้แล้วว่าเธอถูกยศพลครอบครองทั้งตัวและ หัวใจของเธอแล้ว

สิ่งที่เรียกว่าความรัก จะฉวยโอกาสตอนที่เราไม่ได้สนใจ หยั่งรากลึกในความทรงจําของเรา และค่อยๆ เติบโตเป็นต้น ไม้ที่สูงตระหง่าน

ตอนที่อยากจะถอนมันออกมา ก็ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

จารวีเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกจากบ้านไปคนเดียว

เธอเดินพเนจรไปบนท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย เธอคาดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะเหงาได้ถึงเพียงนี้

เธอยืนอยู่บนถนน และไม่รู้ว่าตนอยากจะไปที่ไหน

จารวียืนอยู่ที่สี่แยก แล้วมองไปที่สัญญาณไฟจราจรด้าน หน้า

ความทรงจำในใจของเธอก็ผุดทะลักออกมาทันที ถนนที่ เหมือนกับถนนเส้นนี้ ในวันนั้น ที่พ่อผลักเธอออกไปแบบนั้น

โลกของเธอค่อย ๆ กลับกลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับเลนส์ กล้อง ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นภาพสีเทาอันมืดหม่น

ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเธอจะหายไปหมดแล้ว ฉาก ก่อนที่พ่อของเธอจะตายก็กระจายออกมาอยู่ตรงหน้าของ เธอ

พ่อนอนเลือดอาบอยู่ตรงหน้าเธอ เธอเดินไปหาพ่อด้วย ความตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด…

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเหยียบเบรกดังลั่นออกมาอย่างแรง จน จารวีได้สติและหลุดจากอาการเหม่อ

ภาพขาวดำตรงหน้าทั้งหมดได้จางหายไปแล้ว

ไม่มีพ่อ ไม่มีรอยเลือด ข้างกายเธอมีเพียงยานพาหนะที่ ขับผ่านไปมา รถบรรทุกขนาดใหญ่จอดอยู่ข้างหน้าเธอ คน ขับรถบรรทุกก็ลดกระจกให้ต่ำลงแล้วตะโกนด่าเธอ
“อยากฆ่าตัวตายก็ไปกระโดดแม่น้ำไป อย่ามาทำให้คน บาดเจ็บแถวนี้ ฉันยังมีพ่อแม่ ลูกเมียให้ดูแล เธออย่ามา ทำให้ฉันเดือดร้อนสิ!”

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ… ” จารอธิบายอย่างละอาย

ใจ

ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ จารวีสมาธิหลุดไปแล้วจริงๆ

คนขับรถบรรทุกขนาดใหญ่เลื่อนกระจกหน้าต่างขึ้น แล้ว หันไปมองอย่างรวดเร็ว

ตอนนั้น จารวีถึงได้สติและรู้ตัวว่าตนถูกคนอีกคนกอดไว้ ในอ้อมอกอย่างแน่นหนา

“นาย…นายฉันอยู่ตามหลังฉันมาตลอดเลยใช่มั้ย…”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ