ตอนที่ 82-4 พลิกสถานการณ์
สนามหญ้าด้านทิศตะวันตกของสวนหลวง
ศาลาอเนกประสงค์ที่ใหญ่และลึกหลังหนึ่งปรากฏอยู่ตรง หน้า ด้านนอกยังมีกระโจมชั่วคราวขนาดใหญ่หลังหนึ่งตั้งอยู่
นักแสดงไม่น้อยสวมชุดแสดงเรียบร้อย มีทั้งสตรีวัยกลาง คน จอมยุทธ์ ผู้อาวุโส สาวรุ่น ถ้าไม่กำลังแต่งหน้า ก็กำลังยก แขนร้องเต้นเล่นละคร ซ้อมกันเป็นครั้งสุดท้าย
หนึ่งในนั้นมีสาวรุ่นคนหนึ่ง สวมชุดแสดงสีเขียวอ่อน ถือ ดอกบัวบานไว้ตรงหน้าอกหนึ่งดอก พลางซ้อมใหญ่ด้วยการ ร่ายรําอย่างสง่างาม
พอเดินเข้าไปใกล้ หลังต้นไม้ใหญ่ข้างศาลา ยังผูกลา ไว้ตัวหนึ่ง กำลังยืนก้นโด่งกินหญ้า โดยมีองครักษ์คอยดูแลอยู่
ขันทีน้อยพาอนหว่านชิ้นเดินเข้าไปในศาลา อเนกประสงค์ เห็นโต๊ะเครื่องแป้งที่ทำขึ้นชั่วคราววางอยู่ บน โต๊ะมีลูกท้อแบนๆ ลูกใหญ่หลายลูก พนักพรตอนหนึ่ง กระบี่ ยาวทําจากไม้ท้อ
และร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง กำลัง เขียนคิ้วให้ตัวเองอยู่หน้าคันฉ่อง ถ้าด้านข้างไม่มีองครักษ์กับ วันที่ยืนอยู่ ไหนเลยจะรู้ว่าคนผู้นี้คือรัชทายาทแห่งยุค
พอได้ยินเสียงรายงาน รัชทายาทก็หันหลังมาทักทาย “มา แล้ว ก่อนหันกลับไปแต่งหน้าต่อ
โครงหน้าที่ชัดเจนถูกแต่งแต้มด้วยสีสันที่จัดจ้าน คิ้วเข้ม ตาคม หล่อลากดิน เวลายิ้มแลดูเจ้าเลห์แสนกล สวมชุดแสดง เพียงชั้นหนึ่ง
อนหว่านในถวายบังคม “ไม่ทราบว่ารัชทายาทเรียก
หม่อมฉันมา มีอะไรต้องการให้ช่วยเพคะ”
รัชทายาทตวัดข้อมือ แต่งขนตา ทำให้ดูหล่อขึ้น ก่อนยิ้ม
กับคันฉ่อง
“ได้ยินว่าเจ้าสาดสุราใส่ทรงไข่ จนเกือบถูกลงโทษ เรา ถึงได้เรียกเจ้าออกมาเพื่อช่วยเจ้าหรอก ถ้ายังไม่พอ อีกสักครู่ เราจะเตรียมออกโรงเอง”
“ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใย
ชอบพูดอยู่เรื่อย เชื่อไม่ได้ซักคำ ถ้ามัวแต่พึ่งเขา มี หวังตายไปนานแล้ว อวิ๋นหวานชื่นยิ้ม พลางว่า
“หม่อมฉันแก้ปัญหาได้แล้วเพคะ”
รัชทายาท “อ้อ” ออกมาคำหนึ่ง สีหน้าแสดงความ
เสียดายที่พลาดโอกาสช่วยสาวงาม
อนหว่านในหันมองรอบด้าน “เรื่องแปดเซียนอวยพรวัน เกิด ไทเฮาต้องถูกพระทัยแน่
พอรัชทายาทเห็นว่านางสายตาแหลมคม มองปราดเดียว ก็เดาถูก จึงยิ้มตาหยี
“แล้วซิ่นเอ๋อร์ดออกไหมล่ะ ว่าเราแต่งเป็นใคร
อนหวานชิ้นเหลือบมองของบนโต๊ะ แล้วยิ้ม
“รัชทายาทแต่งชุดนักพรตสีขาว มีพนักพรต กระบี่ไม้ จะ เป็นใครไปได้ นอกจากหต้งปืน
รัชทายาทหัวเราะเสียงดัง “เราว่าแล้ว ในเออร์นี่ล่ะที่เข้า กับเราได้มากสุด! หญิงสาวในตำหนักบูรพาเหล่านั้น อย่าว่า แต่ซ้อมละครเป็นเพื่อนเราเลย ขนาดละครซึ่งเป็นที่นิยมกันมา นมนานก็ยังไม่รู้จัก! เรากับพวกนางจึงพูดกันคนละภาษา มาๆๆ นั่งลง!”
ขันที่น้อยยกเก้าอี้ไม้แดงทรงกลมมาให้ อวิ๋นหว่านชิ้นจึง นั่งลงข้างๆ
รัชทายาทค่อยหันไปใช้ถ่านแท่ง เขียนคิ้วหน้าคันฉ่องต่อ
พอมือเขาขยับ อวิ๋นหว่านชิ้นก็เห็นว่าถ่านแท่งวาดเลย ขอบคิ้วออกมา เพราะไม่ค่อยได้วาด จึงหนีบข้อศอกไว้กับตัว กันไม่ให้สั่น การแต่งหน้าด้วยตัวเองมีจุดอ่อนตรงที่ ควบคุม ส่วนโค้งงอของร่างกายได้ค่อนข้างยาก
รัชทายาทเกร็งจนเมื่อยแขน จึงหันมา ยัดถ่านแท่งใส่มืออ วั่นหว่านชิ้น แล้วยื่นหน้าเข้าใกล้
“เขียนคิ้วให้เราหน่อย
อนหว่านในคันมืออยู่พอดี พอรับถ่านแท่งมา ก็ฝนไป ตามคิวเดิมของเขา จนเกือบเสร็จ ค่อยรู้สึกว่าใบหน้าของเขา กับตนอยู่ใกล้กันมาก ชายหนุ่มจึงก่อนว่า
“ละครยังขาดคนแสดงเป็นไปหมู่ตาน ชิ้นเอ๋อ อยากลอง เล่นดูไหม
ทั้งสองพลันชิดใกล้ อีกนิดเดียวก็จะโดนตัวกันแล้ว ดีที่อ วันหว่านในความรู้สึกไว จึงรีบลดมือลง ไม่ให้รัชทายาทเข้า ใกล้
ฉากหลต้งปืนกับไป๋หมู่ตาน เป็นฉากเกี้ยวพาราสีอมตะนิ ในกาลสุด วันที่น้อยกับองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงรู้ทันทีว่า รัชทายาทนึกสนุกอีกแล้ว เพียงแต่คุณหนูลูกสาวขุนนางที่ถูก หยอก แกล้งทําเป็นไม่ได้ยิน แล้วถอยออก
อนหว่านในถอนหายใจเบาๆ กระชับถ่านแทงให้แน่น แล้วเขียนคิ้วเป็นเส้นตรงยาวๆ ให้เขา
รัชทายาทรู้ตัวจึงค่อยๆ ปลีกตัวออก แล้วหยิบคันฉ่องขึ้น ดู พลางพิมพ์
“ไม่เล่นก็ไม่เล่นสิ ทำไมต้องทำให้เราเสียโฉมด้วย…
อุปนิสัยขี้เล่นขี้แกล้งเช่นนี้ ทำให้อวิ๋นหวานชื่นจ้องมอง รัชทายาท พลางรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่บ้าง แม้ รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพาโตกว่าตน แต่อายุที่แท้จริงของจิต วิญญาณภายในร่างกายตน โตกว่าเขาหลายปี ตอนนี้พอนึกว่าเขาเป็นน้องชายคนหนึ่ง ก็โกรธไม่ลง
และในตอนนี้เอง นอกศาลาก็มีคนก้าวสวบๆ เข้ามา
รายงาน
“เรียนรัชทายาท เหลือบมองอวิ๋นหวานชื่น “พระสนมเอก มีธุระ ต้องการให้คุณหนูอขึ้นไปรับใช้พะย่ะค่ะ
แม้รัชทายาทไม่อยาก ก็ต้องปล่อยคน จึงทำหน้าจริงจัง
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปปรนนิบัติพระสนมเอกก่อนเกิด
อวิ๋นหวานชื่นจึงลุกขึ้นยืน ประสานมือไว้ที่เอวข้างหนึ่ง ย่อ ตัวลง แล้วหันกายเดินออกจากศาลาไป
วันที่หนุ่มที่มาเรียกนาง สวมเครื่องแบบขันทีชุดยาวสี
เขียวขี้ม้า
วันทีในงานเลี้ยงสังสรรค์มีมากมาย สวมชุดก็คล้ายๆ กัน
อนหวานชิ้นไหนเลยจะจำได้ พอเดินไปครึ่ง
ทาง ค่อยรู้สึกว่าไม่ใช่ทางขามาเมื่อครู่ อีกทั้งยิ่งเดินก็ยิ่ง
ห่างออกจากงานเลี้ยง จึงเอะใจ พอจ้องมองให้ถ้วนถี่ ก็พบว่า ไม่คุ้นหน้าขันที่หนุ่ม ไม่เหมือนคนที่เพิ่งรับใช้อยู่ข้างกายสนม เอกเฮอเหลียน จึงหยุดเดิน
“กงกงจะพาข้าไปไหน”
พอขันที่หนุ่มเห็นว่าอนหวานชิ้นเริ่มระแวง ก็หัวเราะหึๆ และไม่คิดปิดบังอะไร
“คุณหนูอนวางใจ บ่าวไม่ทำร้ายท่านหรอก เชิญตาม บ่าวมา” ว่าแล้วก็ผายมือไปยังซุ้มประตูโค้งด้านหน้า ทำท่า เหมือนคนนําทาง
ที่นี่อยู่ห่างออกมาพอควร จึงเงียบสงบยิ่ง กระทั่งไม่มีเจ้า หน้าที่รักษาความปลอดภัยกับคนในวังเดินผ่านสักคน
ตกลงเป็นสถานที่ในวังส่วนไหนกันแน่ อวิ๋นหวานชิ้นย่อม ไม่รู้ ขวามือเป็นระเบียงยาว ซ้ายมือเป็นรั้วกำแพง ไม่มีทางไป อื่นใดอีก
ความจริง สนมเอกเฮอเหลียนไม่ได้ส่งคนมาเรียกตน ผู้ที่ ล่อตนให้ตามมาเป็นอีกคนหนึ่ง
อนหว่านในถามอย่างสงบ “รบกวนกงกงพูดให้ชัดเจน หน่อยว่า ผู้สูงศักดิ์ท่านใดเชิญข้ามา มีธุระอะไร ข้าขอกลับไป บอกพระสนมเอกก่อน ค่อยมาคารวะทีหลัง พระสนมเอกจะได้ ไม่ต้องเป็นห่วง”
พอขันที่หนุ่มเห็นอวิ๋นหว่านชิ้นถูกกระโปรงเตรียมจะหัน หลังกลับ ก็ร้อนรน ยื่นมือออกปราม
“เดี่ยวๆ คุณหนูอวนอย่าเพิ่งไป ผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นอยู่ใน ห้องหลานซิน อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว…
การตั้งตัวไว้เช่นนี้ ยิ่งทำให้อวิ๋นหว่านชิ้นสงสัยเข้าไปอีก ถ้าเจ้านายคนใดในวังต้องการพบตนจริงๆ เรียกตนไปอย่าง เปิดเผยก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำลับๆ ล่อๆ แกล้งบอกว่าพระสนมเอกให้มาเรียกหรอก
นางจึงรีบผละออกจากวันที่หนุ่ม แล้วหันหลังวิ่งกลับทางเติม
ขันที่หนุ่มจะเรียกก็ไม่ได้ ไม่เรียกก็ไม่ได้ ขณะกำลังร้อน ใจเอาศีรษะอยู่นั้น ผู้ที่อยู่ในห้องหลานซิน หลังซุ้มประตูโค้ง คล้ายได้ยินความเคลื่อนไหว จึงสาวเท้าก้าวออกมา ยืน หัวเราะอยู่นอกซุ้มประตูโค้ง
“มีความระมัดระวังสูง ดีมาก
อนหวานชิ้นหยุดฝีเท้า หันกลับไปดู
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ