ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 70-5



ตอนที่ 70-5

ตอนที่ 70-5 ตบตีไปฮูหยิน

ต่อไคไหลรู้ว่า วันนี้หวงน้าสู่อารมณ์ร้ายและเสียมารยาท

จนเกินไป ไม่มีนายหญิงบ้านไหนยอมลงให้ญาติที่มีพฤติกรรม

แบบนี้หรอก แต่ถ้าหวงน้าสี่ถูกไล่ออกไปเช่นนี้ ก็น่าอดสูจริงๆ

ถ้านางไม่รู้ความจริงก็แล้วกันไป แต่ถ้ารู้ในภายหลัง ย่อมต้อง

สาปแช่งน้องสะใภ้อย่างสาดเสียเทเสียแน่ และชาตินี้ก็จะไม่มี

หน้ามาเมืองหลวงอีก

ทว่าคำสั่งของนายท่านขัดไม่ได้ มอไคไหลจึงรับคำ แล้วไปดำเนินการตาม

แต่พอออกจากเรือนหลักไม่กี่ก้าว ก็เจอกับเดี่ยวเอ๋อร์

ตั้งแต่เดี๋ยวเอ๋อร์รู้ชาติกำเนิดของตนเอง ความสนิทสนมที่ มีต่อพ่อไคไหล ไม่เพียงไม่ลดน้อยถอยลง กลับเพิ่มพูนมากขึ้น ตอนนี้พอได้เจอ ก็แย้มยิ้มแล้วก้าวเข้าหา จับแขนเขาเขย่าสอง ครั้ง

“ท่านพี่จะออกไปหรือ วันนี้จะไปทำธุระอะไรอีกล่ะ

มอไคไหลเห็นเมียวเอ๋อร์เป็นน้องสาวมาตลอด ตอนนี้แม้ นางรู้สถานะที่แท้จริงของตนเอง แต่ก็ยังต้องเรียกตนว่าพี่ชาย ต่อ ตนจึงรู้สึกสงสารนางยิ่ง จึงยิ้มตอบอย่างรู้กัน
“ไปอยู่กับคุณหนูใหญ่แล้ว ก็ยังไม่สำรวมเหมือนเดิม ไม่มี อะไรหรอก เพียงแต่สองสามวันนี้ เจ้าก็ยุ่งกับสองเรือนนี้ให้ น้อยๆ หน่อยก็แล้วกัน เพราะเขากำลังทะเลาะกันรุนแรง สตรี ทั้งสองคนล้วนไม่น่าตอแยด้วย เจ้าก็ไม่ควรเล่นกับไฟ

เดี่ยวเอ๋อร์ยืนมือไพล่หลังโยกตัวไปมา จงใจพูด “อย่าพูด ไป วันนี้ฮูหยินเรานับว่าถูกพี่สะใภ้จัดการอย่างน่าอนาถ ตั้งแต่ ฮูหยินแต่งเข้าจวนรองเจ้ากรม นางก็เอาแต่ใส่อารมณ์กับคน อื่น โดยไม่มีใครกล้าใส่อารมณ์กับนาง และการตบตีครั้งนี้ นางก็ไม่ได้ว่าอะไร ต่อไปเจอหน้าพี่สะใภ้ ก็น่าจะโค้งคำนับ ให้

ต่อไคไหลรู้ว่าเดี๋ยวเอ๋อร์กำลังสืบข่าวให้คุณหนูใหญ่ แต่ก็ แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ลากนางไปหลบด้านข้าง ก่อนพูดเสียง

“ทะเลาะกันขนาดนี้ ด้วยนิสัยของฮูหยิน ยังจะอยู่ร่วม ชายคาเดียวกับพี่สะใภ้ได้หรือ นี่อยู่ในห้องก็คงบ่นอุบ พูดเข้า ข้างตัวเองให้นายท่านฟังเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะนายท่านให้ ข้าส่งจดหมายไปแจ้งพี่ชายที่ไม่โจว ให้พี่ชายอ้างว่าลูกชายคน โตป่วย หวงน้า จะได้รีบกลับบ้าน

เดี๋ยวเอ๋อร์อึ้ง “นี่มันไล่กันเห็นๆ เลยนะ ถ้าพี่สะใภ้กลับไป แล้วรู้ว่าถูกหลอก ต้องรู้ว่าฮูหยินเป็นผู้บงการแน่ แล้วก็ต้อง แค้นฮูหยินฝังใจ อีกทั้งถ้าคนแถวบ้านรู้ว่า พี่สะใภ้ถูกน้อง สะใภ้ไล่กลับมา ไหนเลยจะเห็นพี่สะใภ้อยู่ในสายตาอีก อารมณ์ของพี่สะใภ้ก็รุนแรงใช่ย่อย อาจโมโหจนตายได้นา
มอไคไหลสั่นศีรษะ “ถ้าเป็นเจ้าล่ะ จะยอมให้คนที่ชอบ ข่มเหงเจ้า อยู่ข้างกายเจ้าตลอดทั้งวี่ทั้งวันหรือเปล่า ก็ต้องไล่ ศัตรูคู่แค้นออกไป เอาเถอะ ไม่พูดมากกับเด็กอย่างเจ้าแล้ว ข้าไปก่อนล่ะ ที่ทำการไปรษณีย์กำลังจะปิด ถ้าไปไม่ทัน วันนี้ก็ ส่งจดหมายไม่ได้

“อืมๆ พี่รีบไปเถอะ” เดี๋ยวเอ๋อร์ก็ไม่มีเวลาคุยสัพเพเหระ ต่อ รีบ โบกมือลา

พอเห็นพ่อไคไหลไปแล้ว นางค่อยหันกาย คิดไปบอกคุณ หนูใหญ่ที่เรือนผู้หญิง ทว่าขณะเดินออกจาก

ประตูวงเดือน ผ่านระเบียงเชื่อม ก็เห็นด้านหน้ามีเงาร่างที่ คุ้นเคยของเด็กหญิง กำลังนั่งยองๆ มือจับลำไม้ไผ่ ปล้องเล็ก ขีดๆ เขียนๆ อยู่บนพื้นทราย อาจนั่นเอง

เมี่ยวเอ๋อร์คิดอะไรขึ้นได้ จึงหยุดฝีเท้า พอดีเลย

น้องชายอาจหัวแตก ถูกอุ้มกลับเรือนตะวันตก อารองนาง ก็มานั่งอยู่ครึ่งค่อนวัน เพิ่งจากไป ท่านย่าก็เอาแต่อุ้มและ ปลอบโยนอาเม่า ส่วนแม่ก็กำลังทายาให้ตัวเอง ไม่มีใคร สนใจนาง

วันนี้ไม่มีใครคุยกับอาเลย นางเซ็ง จึงออกมาเดินเล่นแก้ เซ็ง…

เมี่ยวเอ๋อร์ยิ้มตาหยีพลางก้าวเข้าไป แล้วนั่งยองๆ ลง “เอ๊ะ คุณหนูอาจนั่นเอง ไม่อยู่ในเรือนล่ะเจ้าคะ ออกมาข้างนอกทําไม

อาชำเลืองมอง รู้สึกหน้าคุ้นๆ แต่ก็ก้มหน้าเล่นลำไม้ไผ่ ต่อ แล้วใบหน้ากลมแป้นก็เศร้าหมองลง พลางพูดอย่างเพื่อ หน่าย

“ท่านแม่ทะเลาะกับอาสะใภ้จนคอถลอกไปหมด กำลัง

ทายาอยู่ ท่านย่าก็กำลังปลอบอาเม่า คนในเรือนเสียงดัง

หนวกหูชะมัด ข้าไม่มีอะไรทำ เลยเดินออกมา แต่จวนรองเจ้า

กรมของพวกเจ้าก็ไม่มีอะไรน่าสนุก ท่านแม่กับท่านย่าพูดอยู่ได้

ว่าที่นี่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ข้าว่า นอกเรือนยังพอได้ แต่ใน

เรือนนี้ ไม่มีชีวิตชีวาเลย เบื่อจะแย่อยู่แล้ว”

เมี่ยวเอ๋อร์ส่งเสียง “อ้าว” ออกมาคำหนึ่ง ก่อนพูดตามน้ำ “ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วัน คุณหนูอาจก็จะได้ตามท่านแม่ของคุณ หนูกลับบ้านแล้ว ทีนี้ก็ไม่เบื่อแล้วล่ะ

“หา ท่านย่าไม่ได้บอกว่า จะกลับเร็วแบบนี้ อาจได้ยินก็ หยุดเล่นลำไม้ไผ่ในมือ

“อ้อ บ่าวไม่ได้บอกว่าถึงฮูหยินจะกลับนา บ่าวยังมีเรื่อง ต้องทำอีก ไม่พูดมากแล้ว” เดี๋ยวเอ๋อร์กะพริบตาที่ทอประกาย แวววาว แล้วจึงจากไป

อาจอึ้งอยู่สักพัก ค่อยตื่นตัว วางลำไม้ไผ่ลง วิ่งกลับเรือน

ตะวันตก

“ท่านแม่ เราอยู่อีกไม่กี่วัน ก็กลับแล้วหรือ
“อะไร กลับอะไร เพิ่งมาได้ไม่กี่วันเอง!

หวงน้าสี่เพิ่งใช้ขี้ผึ้งทารอยแดงที่คอ จึงปวดแสบปวด ร้อนขณะถาม อาจก็ยังไม่สิบขวบดี จึงนำคำพูดไม่กี่ค่าของ เดี่ยวเอ๋อร์มาถามมารดา

ซึ่งจริงๆ แล้ว เดี๋ยวเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไรชัดเจน แต่หวงน้า กลับเอาจากคำพูดของลูกสาวว่า น้องสะใภ้น่าจะคิดที่จะให้ตน ม้วนเสื้อกลับบ้าน พาลูกๆ กลับเพียงลำพัง

โลหิตคำหนึ่งติดอยู่ในลำคอ แต่หวงน้ากลับเยือกเย็น ผิดคาด การทะเลาะตบตีก่อนหน้านี้ นางยังพอมีเหตุผล แต่ ตอนนี้ ถ้าจะลงมืออีก ก็กลายเป็นไม่มีเหตุผลแล้ว

อยากให้ตนไป แล้วคิดว่าตนอยากอยู่นัก แต่ถ้าตนไป ชาตินี้ พี่สะใภ้อย่างตน ก็ไม่มีวันเชิดหน้าชูตาได้อีก! สามีที่ บ้านก็ทั้งชื่อทั้งดี เหมือนก้อนแป้งที่ถูกน้องชายน ายนวดมาตลอด หรือนางต้องยอมให้น้องสะใภ้กดขี่อีก

หวงน้ายอมไม่ได้จริงๆ

เรือนฝูหยิง

พอฟังเมี่ยวเอ๋อร์เล่าจบ อวิ๋นหว่านในก็หัวเราะ

“เจ้านี่มือไม้คล่องแคล่วว่องไว เร็วกว่าข้าอีก

แต่รอจนตกกลางคืน เรือนตะวันตกก็ยังไม่มีความ เคลื่อนไหว เมี่ยวเอ๋อร์กับซูซย่าจึงแปลกใจอยู่บ้าง
ตามหลักแล้ว คนหัวไวและแรงมาแรงไปอย่างหวงน้า ถ้ารู้ว่าน้องสะใภ้คิดไล่ตนไป ไหนเลยจะนั่งติด ต่อให้ไม่ไปตบ ตีอีก ก็ต้องร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด

แต่ตอนนี้ กลับเงียบมาก

หลังอาหารมื้อเย็น ทุกเรือนต่างจุดดวงโคม

พอเก็บจานชามเรียบร้อย อวิ๋นหว่านในก็อยากออกไป เดินย่อยเสียหน่อย แต่เพิ่งลุกออกจากห้อง เดี๋ยวเอ๋อร์ก็วิ่งหน้า แดงเข้ามา ดึงมือนาง แล้วว่า

“คุณหนูใหญ่ เรื่องน่าสนุกมาแล้ว เร็ว รีบไปเรือนหลัก

กัน!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ