ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 72-4 แม่เลี้ยงแท้ง คุณหนูเปิดร้าน



ตอนที่ 72-4 แม่เลี้ยงแท้ง คุณหนูเปิดร้าน

ตอนนี้หงเขียนจึงมาแอบดูพี่เฉียว คิดว่ามาส่งเขาเป็นครั้ง สุดท้ายเท่านั้น อยากดูว่า บ่าวรับใช้ที่สมคบคิดกับแมงดา วางยาแล้วข่มขืนตน ทำลายพรหมจรรย์ตนนั้น จะมีจุดจบ อย่างไร

ทว่า ถ้าไม่ใช่พี่เฉียว ตนก็อาจยังเป็นนางบำเรออยู่บนเรือ สำราญว่านชุน และอาจถูกแขกคนอื่นๆ ทำลายความบริสุทธิ์ สักวัน…พอคิดได้เช่นนี้ ความแค้นภายในใจก็ค่อยๆ สลาย หายไป

เรื่องที่ผ่านมา ก็ผ่านพ้นไป ถือว่าฝันร้ายก็แล้วกัน

นางเป็นลูกสาวนายทหารผู้แข็งแกร่ง มิใช่คุณหนู อ้อนแอ้นอ่อนแอที่จะเป็นจะตายให้ได้ แม้โชคไม่ดีเสียสาว ผิด ต่อวงศ์ตระกูล แต่นั่น ก็ไม่ใช่ความผิดของนาง

ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องสู้อีกสักตั้ง เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อ ไป

จวบจนไม่ได้ยินเสียง หงเขียนจึง ถุย น้ำลายใส่ทิศที่ตั้ง กระโจมไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ยืนถือร่ม หันกายและหันมองไป รอบๆ ก่อนเดินตรงไปที่เรือนผู้หญิง
ในเรือนฝูหยิง

พออนหวานชื่นได้ยินบ่าวรายงานว่า ทั้งเขียนยังไม่ได้ไป ไหน รออยู่นอกเรือน ขอพบตน ซูซย่าก็ขมวดคิ้ว ทำไมนางโลมคนนี้ถึงยังไม่ไปไหน คิด

จะทําอะไรกันแน่

ตอนคุณชายญาติผู้พี่ช่วยตามหาพยานอย่างหงเขียน ก็

น่าจะให้ค่าตอบแทนนางไปไม่น้อยแล้วนี่! ตอนนี้ยังจะมารบก วนคุณหนูใหญ่อีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโลภมาก หรือยังมีแผน อะไร แต่อย่างไร คืนนี้ถ้าไม่ได้หงเยียน เรื่องฉาวโฉ่ของฮูหยิน ก็ต้องจนด้วยหลักฐานอย่างแท้จริง

อีกอย่าง มีหญิงสาวกร้านโลกมาหาคุณหนูยามค่ำคืน อาจมีผลต่อเกียรติยศชื่อเสียง

พอคิดถึงตรงนี้ ชูซย่าก็รีบก้าวเข้าไปในม่าน โบกมือให้ บ่าวที่อยู่ด้านนอก

“ดึกป่านนี้แล้ว บอกให้นางกลับไปเถิด

“ซูซย่า” อวิ๋นหวานชิ้นเอ็ดเบาๆ “บอกให้แม่นางหงเขียน เข้ามา

ผู้คนต่างมองว่า หญิงสาวในสถานบันเทิงสกปรก แต่ใคร จะรู้เล่าว่า ฮูหยินขุนนางที่ภายนอกดูสูงส่ง สง่างาม สะอาด สะอ้าน จะมีหัวใจที่สกปรกยิ่งกว่า ฟอนเฟะยิ่งกว่า

คืนนี้ ยังชัดเจนไม่พอหรือ
พอถูกเรียก หงเขียนก็เดินก้มหน้าก้าวเข้ามา ซึ่งนางก็รู้ สถานะตนเองดี ไม่เข้ามาในม่าน ยืนอยู่นอกม่าน มือประสาน ไว้ที่เอวข้างหนึ่ง ย่อตัวลง แสดงความเคารพ

“คารวะคุณหนูใหญ่

เมื่ออวิ๋นหวานชื่นเห็นว่าขนาดตนไม่ถือสา หงเขียนก็ยังไม่ เดินเข้ามาในม่าน กลับรักษาระยะห่างกับตน

รู้จักธรรมเนียมปฏิบัติว่าควรเข้ามาหรือถอยออก ก็แปลก ใจอยู่บ้าง และเมื่อเห็นว่า ท่าทางสงบนิ่งของนางใน

ตอนนี้ ต่างจากตอนอยู่ในเรือนหลักอยู่บ้าง ก็พอจะเดา อะไรออก อีกทั้งการถอนสายบัวเมื่อครู่ ก็มิได้มีกิริยาไม่จริงจัง แบบหญิงขายบริการในสถานบันเทิง…กิริยาของหงเขียน เป็นการทําความเคารพแบบลูกสาวผู้ดีมีสกุล

อนหวานชิ้นยังคงมีสีหน้านิ่งเรียบ ยิ้มน้อยๆ แล้วว่า “ขอบคุณแม่นางหงเยียนที่คืนนี้มาเป็นพยานให้ข้ากับน้องชาย พูดความจริงให้ทุกคนฟัง ตอนที่ฝนลงเม็ด บ้านข้าเกิดเรื่อง ใหญ่ขึ้นอีก ข้าจึงไม่ทันได้พูดขอบคุณแม่นางหงเขียน ตอนนี้ก็ มืดค่ำแล้ว ไม่ทราบว่าแม่นางยังมีอะไรที่อยากจะกำชับอีก ถึง ต้องมาด้วยตนเองเช่นนี้”

พอได้ยินเสียงที่นอบน้อม หงเขียนก็ตัดสินใจ ย่อตัวลง ผ่านม่านอีกครั้ง

“หงเขียนไม่มีที่พึ่งพิง ลอยไปลอยมาในทะเลเหมือนจอกแหน หลังจากถูกไถ่ตัวออกมา ก็ไม่มีที่ไป จึงอยากจะมา ขอเป็นวัวเป็นม้าใช้ให้คุณหนูอน

ซูซย่าเกือบหลุดออกมา ตั้งแต่คุณหนูใหญ่ตกน้ำแล้ว ฟื้นตื่น ร่างกายก็ราวกับมีแม่เหล็ก ดูดคนที่เข้าใกล้ คนแล้ว คนเล่าให้เข้ามาหมอบราบคาบแก้วให้ ที่แท้…หงเขียนก็มี เจตนามาศิโรราบนี่เอง มิใช่โลภมาก อยากได้เงินเพิ่ม คิดๆ ดูก็ใช่ แม้หงเขียนหลุดจากวงโคจรนางโลมมาได้ กลายเป็น ชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่กลับต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ซึ่งไม่สบายหรอก ถ้ามีคนรู้อดีตของนาง ก็ไม่แน่ว่าจะถูก ประณามหยามเหยียด

พอได้ยินหงเขียนพูดตรงๆ เช่นนี้ อวิ๋นหว่านชิ้นก็ตกใจอยู่ บ้าง แต่ก็ยิ้มบางๆ

“ข้าเป็นเพียงลูกสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งของรองเจ้ากรม กลาโหม มิใช่ลูกสาวนายพลอะไร ไหนเลยจะใช้แม่นางหง เยียนเยี่ยงวัวเยี่ยงม้าได้ ตอนนี้นอกจากแม่นางหลุดพ้นจากเรือ สำราญว่านชุน เป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่งแล้ว ข้ายังเห็นว่าแม่ นางเป็นคนพูดจาคล่องแคล่ว คล้ายเคยเรียนหนังสือมาก่อน มือไม้ก็ว่องไว ไปถึงไหน ก็ไม่มีทางอดตาย แม่นางควรจะหาที่ ที่ไม่มีใครรู้จัก ทำงานสักอย่าง แล้วใช้ชีวิตให้ดีๆ ก็ไม่น่าจะมี ปัญหา”

จากนั้นก็ว่า “เดี๋ยวเอ๋อร์ เข้าไปด้านใน หยิบตั๋วแลกเงิน มาใบหนึ่ง ให้แม่นางหงเขียนใช้เป็นทุนตั้งตัว
พอได้ยินอวิ๋นหว่านในปฏิเสธตน ซึ่งเขียนก็ร้อนใจ รีบขับ ยังเมี่ยวเอ๋อร์ไว้ ไม่ต้อง

แล้วค่อยหันมาพูดกับอวิ๋นหว่านใน

“คุณหนูอวิ๋น ข้ามิได้มาหาท่านเพื่อขอเงิน! ไม่ปิดบังท่าน ตอนคุณชายสวี่เจอข้าที่ตรอกดอกบัว และต้องการให้ข้าไป เป็นพยานให้คุณหนูอนนั้น ได้ตัดสินใจให้ตั๋วแลกเงินหนึ่งพัน ตำลึงกับข้า แต่ขาให้คืนเขาไป เพราะตัวเองก็อยากหลุดพ้น จากพี่เฉียวอยู่แล้ว อีกอย่าง แค่พูดความจริงจากใจ ทำไมต้อง รับเงินด้วย ข้าอยากรับใช้คุณหนูอนจากใจจริง แต่ถ้าคุณหนู อวิ๋นหมิ่นข้า ใช้เงินฟาดหัวข้าเพื่อไล่ให้ไป ก็แล้วกันไป ข้าไว้ มารยาท ขอตัว!”

หงเขียนยังไม่ทันหันกาย อวิ๋นหวานชื่นก็หัวเราะ ช่างเป็น ผู้หญิง ใจเด็ดจริงๆ

“แม่นางหงเยียนเข้าใจผิดแล้ว ชาติกำเนิดแม่นางสูงส่ง ถ้าข้า ให้เป็นบ่าว วิ่งไปวิ่งมาทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นการสิ้น เปลืองทรัพยากรบุคคลโดยใช่เหตุหรอกหรือ

“คุณ คุณหนูอนรู้ชาติกำเนิดของข้าได้อย่างไร…หรือคุณ ชายสบู่สืบมาก่อน” หงเขียนถึง

อนหว่านชิ้นสำรวจมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ก่อนสั่นศีรษะ

“ญาติผู้พี่ข้าไม่เคยสืบประวัติแม่นางหรอก แต่พอขาย้อนนึกดูดีๆ ก็พบว่า ตอนแม่นางหงเขียนเข้ามาใน

จวนรองเจ้ากรมนั้น แม้ท่าทางดูตื่นเต้น แต่น่าจะเป็นการ แสร้งทำ เพราะแววตากลับเฉยเมย เหมือนสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่ง แปลกใหม่ นี่แสดงว่าแม่นางเคยเห็นจวนขุนนางมาแล้ว จึง ไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจ และตอนนี้ ก็ไม่ได้เข้ามาในม่าน ได้แต่ยืน อยู่ด้านนอก รักษาระยะห่างกับข้า เพราะรู้ว่า กฎของคุณหนู บ้านขุนนาง ไม่สะดวกให้คนนอกเข้ามาโดยพลการ อีกอย่าง กิริยาการถอนสายบัวของแม่นางก็เป็นแบบที่ใช้กับคุณหนูบ้าน ขุนนางที่มีอายุพอๆ กัน ยังมี ข้าสังเกตตรงโคนนิ้วและง่ามนิ้ว หัวแม่มือกับนิ้วชี้ของแม่นางมีความด้าน คล้ายกับของเพื่อนข้า คนหนึ่งที่ถือกำเนิดในตระกูลแม่ทัพ น่าจะเกิดจากการจับดาบ หรือกระบี่มาก่อน…จะว่าไป แม่นางหงเขียนตกอยู่ในแวดวง คาวโลกีย์แค่สามปี มิได้ขายตัวแต่เด็ก…คิดว่าเมื่อก่อนต้อง เป็นคุณหนูบ้านใดบ้านหนึ่งแน่ และน่าจะเป็นบ้านขุนนางฝ่าย

เมื่อเห็นนางเดาถูกเกือบหมด หงเขียนก็เงียบไปสักพัก

แต่ก็ยังไม่กล้าพูดทุกอย่างออกมา เพียงว่า

“ข้าเป็นลูกสาวนายทหารทางเหนือคนหนึ่งจริงๆ พ่อข้า รักษาการณ์ชายแดนตอนเหนือ ได้ร่วมรบกับแม่ทัพนายกอง คนอื่นๆ ต้านทานการบุกและรุกล้ำดินแดนของแคว้นเหมิงหนู มานาน แม้ไม่มีตำแหน่งใหญ่โต แต่ก็ถือว่าเป็นขุนนางคนหนึ่ง พอที่บ้านตกต่ำลง ข้าก็ต้องระหกระเหินมาอยู่เย่ว์จิง ฤดูใบไม้ ร่วงเมื่อสามปีก่อน โชคไม่ดีต้องไปเป็นโสเภณี ปีนี้มีวาสนาหลุดพ้นจากความทุกข์ยากมาได้ และพอเห็นว่าคุณหนูอขึ้นไม่

เหมือนคุณหนูทั่วไปในเมือง ก็คิดว่าเจอที่พึ่งแล้ว เสียดายที่

สถานะข้าแปดเปื้อนมาก่อน ถ้าอยู่รับใช้ข้างกายคุณหนูในจวน

รองเจ้ากรม ก็ถือว่าไม่เจียมตัว ซึ่งข้าก็นุ่มบ่ามเกินไปจริงๆ ไม่

เพียงตอบแทนบุญคุณไม่ได้ ยังทำให้คุณหนูอนถูกครหา

นินทาอีก…เป็นเพราะหงเขียนไม่คิดให้รอบคอบก่อน

ที่แท้หงเขียนก็เป็นลูกสาวนายทหารคนหนึ่ง ซูซย่ากับเมียวเอ๋อร์สบตากัน รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

อนหว่านในกะพริบตายิ้ม “ถ้าเจ้ามีใจอยู่ในเมืองหลวง ไม่คิดจะไปไหนจริงๆ แล้วล่ะก็ ข้าก็พอจะมีที่ทางให้ โดยไม่ จําเป็นต้องอยู่ข้างกายขา ซึ่งถ้าช่วยงานข้าได้ เจ้าเองก็ สามารถตั้งหลักเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างมั่นคง พูดได้ว่าได้ ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

“คุณหนูอนมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เถิด” พอเห็นจุด เปลี่ยน หงเยียนก็ดีใจยิ่ง

อวิ๋นหว่านชินกะพริบขนตาดำขลับปริบๆ หลับตาลงเล็ก น้อย แล้วว่า

“อีกไม่นาน ข้าจะเปิดร้านขายเครื่องประทินผิว แต่ไม่ สะดวกที่จะอยู่ดูแลร้านทุกวัน น่าจะสิบวันหรือครึ่งเดือนถึงจะมี โอกาสไปสักครั้ง และแม้ข้าคุ้นเคยกับสาวใช้สองคนข้างกาย แต่ก็ไม่สะดวกที่จะให้พวกนางออกไปทำหน้าที่นี้ ซึ่งภายใน ร้าน จำเป็นต้องมีผู้จัดการที่ไว้ใจได้ช่วยข้าบริหารงาน อีกอย่าง การหาทำเลที่ตั้งร้านและติดต่อเช่าซื้อ ก็ต้องให้เจ้าช่วย จัดการอีกแรง

คุณหนูอนอยากเป็นเจ้าของกิจการ แล้วให้ตนช่วยนาง บริหารร้านขายเครื่องประทินผิว เป็นเถ้าแก่ที่คอยประสานงาน และจัดการธุระข้างนอก

หงเขียนตกใจ แม้บอกว่า หญิงสาวเป็นเถ้าแก่เนี้ย ไม่ใช่ เรื่องแปลก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่ออก

เรือนแล้วและมีอายุมากหน่อย แต่คุณหนูอนเหมือนยัง ไม่ถึงสิบห้า ดูๆ ไป ก็ยังมีแววใสๆ ของเด็กสาวอยู่ เหตุใด

จึงมีความคิดเช่นนี้เล่า

ทว่า ดูอีกทีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

จากเรื่อง ในคืนนี้ สามารถดูออกว่า คุณหนูอนมีความคิด แน่วแน่แบบผู้ใหญ่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับอายุจริง ซึ่งถ้านางคิด เปิดร้าน ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่

โชคหล่นมาจากฟากฟ้าจนทำอะไรไม่ถูก หงเขียนจึง

อึ้งๆ

“คุณหนูอขึ้นไว้ใจข้าหรือ ข้ามีความสามารถเช่นนั้นหรือ นั่นเป็นร้านร้านหนึ่งเชียวนะ ยังมีเรื่องหาทำเลที่ตั้งกับติดต่อ เช่าซื้ออีก ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ทั้งสิ้น แล้วยังเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วย ท่านเชื่อใจข้าหรือ

“เครื่องประทินผิว เมื่อคุ้นเคยแล้ว มีผู้หญิงคนใดไม่รู้จักบ้าง ก็เหมือนพวกผู้ชายที่ชอบเล่นดาบเล่นปืน ล้วนมีความ รู้สึกไวตามธรรมชาติ ไม่ต้องสอนอะไรมาก” อวิ๋นหวานชื่นว่า “แล้วทำไมแม่นางหงเขียนถึงไม่มีความมั่นใจในตัวเองเสียล่ะ ส่วนเรื่องความเชื่อใจ เมื่อการค้าคือการลงทุน ขาดทุนก็ต้อง จ่าย เมื่อข้าเลือกเจ้าแล้ว ถ้าไม่เชื่อใจเจ้า ก็ต้องเชื่อในสายตา ตัวเอง ถ้าเจ้าทำผิดต่อช้า ทำให้ขาขาดทุน หรือยักยอกเงินข้า ข้าก็คงได้แต่โทษตัวเองที่ตาไม่ถึงพอ

หงเขียนน้ำตาไหล นอกม่านมีเสียงดังกึก นางคุกเข่าโชก ศีรษะอย่างไม่กระดากอาย ก่อนพูดอย่างมั่นใจ

“หงเยียนต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ จงรักและ ภักดี แม้ต้องตายก็ต้องดูแลจัดการร้านของคุณหนูใหญ่ให้ดี!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ