ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 81-1 ท่านสามควบคุมตัวเอง ไม่ได้



ตอนที่ 81-1 ท่านสามควบคุมตัวเอง ไม่ได้

เหล่าองค์ชายเดินเข้าไปในศาลา ถวายพระพรเจียไทเฮาด้าน ล่างบันไดมรกต

พอเจียไทเฮาเห็นหน้าหลานๆ ก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบ ก่อนพูด เสียงดังกังวาน

“พาองค์ชายไปนั่งประจำที่

ปกติแล้ว งานเลี้ยงเช่นนี้ ก็คืองานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ เล็กๆ เป็นการส่วนตัวในแวดวงชนชั้นสูง จึงไม่มีพิธีรีตอง มากมาย ตอนนี้ยังไม่ถึงเที่ยง กับข้าวหลักยังไม่มา เจียไทเฮา จึงโบกมือ ให้ทุกคนบริการตนเอง กินดื่มรองท้องไปพลางๆ ก่อน

โต๊ะของรัชทายาทกับเหล่าองค์ชายอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับโต๊ะของพวกอวิ๋นหวานชื่น ซึ่งแต่ละคนก็ได้ถูกชุดยาวแล้ว นั่งลงตามสถานะของตน ไม่นานนัก ก็มีองค์ชายองค์หญิงอีก หลายท่านทยอยกันเดินเข้างานมา

ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว กลุ่มองค์ชายที่เพิ่งมาถึง ได้รับความ สนใจมากกว่ากลุ่มคุณชายชั้นสูงอย่างเห็นได้ชัด สายตาเจ้าชู้ ของกลุ่มสาวๆ ชั้นสูงพุ่งไปยังร่างของลูกท่านหลานเธอ ก่อนหันมากระซิบกระซาบแล้วพากันเขินหน้าแดง

โดยสักพักก็พูดว่า องค์ชายสามเทห์และหล่อเกินห้ามใจ มากสุด มีความห้าวหาญ ในแบบที่ผู้ชายภาคกลางไม่มี สมกับ ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในเพลงยาวของแวด เวดวงสาวชั้นสูง เพียงแต่ใบหน้าดูเย็นชาไปหน่อย เหมือนเข้าหาค่อนข้างยาก จึงถูกหักคะแนนไปบ้าง

สักพักก็พูดถึงบุคลิกของรัชทายาทว่า ดูงามสง่ากว่าครั้ง ก่อนที่ได้พบเจอ แต่ยังคงไม่มีราศีของผู้สืบราชบัลลังก์เสียเท่า ไหร่ กลับเหมือนเชียนที่ละแล้วซึ่งกิเลศจากโลกภายนอก มากกว่า

สักพักก็พูดถึงองค์ชายแปดเยียนอ๋องว่า แม้อายุเพียงสิบ สี่ แต่รูปร่างสูงโปร่ง มวยผมเรียบร้อย หน้าตาก็ดี ต้องโตเป็น หนุ่มหน้าสวยอีกคนแน่ อนาคตย่อมมีอาจดูเบา…

เหล่าคุณหนูต่างส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว งานเลี้ยงสังสรรค์จึง คึกคักไม่หยุด

จุดประสงค์สูงสุดของเจียไทเฮา ในการจัดงานเลี้ยงก็คือ อยากเปิดโอกาสให้ลูกหลานชายหญิงผู้สูงศักดิ์ได้มาพบเจอ กัน สำหรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าคุณหนูนั้น แม้ทรงไม่ เห็นด้วย แต่ก็ยังสงวนท่าที กระทั่งภาคภูมิใจพลางเห็นอก เห็นใจ เพราะถึงอย่างไรพวกนางก็พูดถึงหนุ่มๆ สกุลซย่าโหว ทั้งนั้น คนเป็นย่าก็ต้องปลื้มปิติเป็นธรรมดา

สักพัก เจียไทเฮาก็หันมาคุยกับหลานๆ โดยยิ้มพลางมองหน้าแต่ละคนอย่างเห็นอกเห็นใจ ก่อนถาม

“หมู่นี้รัชทายาทช่วยราชกิจฝ่าบาท ราบรื่นดีไหม

“เรียนเสด็จย่า” รัชทายาทยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเช่นเคย “เสด็จพ่อบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเด็ดขาด ทรงมี ประสบการณ์มากมาย หลานคอยสังเกตการณ์อยู่ข้างพระองค์ ทุกวัน ได้เรียนรู้ไม่น้อย ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจ ก็ถามจาก ขุนนางอาวุโสและสมุหนายกอจนเข้าใจ

“ดีๆ” เจียไทเฮาพยักหน้าอย่างพอพระทัย ด้วยทรงหวัง ให้ผู้สืบบัลลังก์แห่งแคว้น พยายามเรียนรู้และ

ฝึกฝนเรื่องการเมืองการปกครองให้ดี จึงหันหาฉินอ๋อง

“ฉินอ๋องล่ะ สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง เพิ่งเปลี่ยนฤดู อากาศเย็นเร็ว โรคเก่ากำเริบหรือเปล่า ย่าดูสีหน้าเจ้าแล้ว เหมือนซีดไปหน่อยนะ

หลานคนนี้ไม่สบายเพราะถูกพิษตอนอายุสามขวบ จึงถูก

ส่งตัวไปอยู่นอกวัง แม้เจียไทเฮาผูกพันด้วยไม่มาก แต่ทุกครั้ง

ที่นึกว่า องค์ชายที่รูปร่างสูงใหญ่และสง่างามคนหนึ่ง กลับไม่

ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวัง แต่พอมีจวนฉินอ๋องเป็นของตัว

เอง ก็ไปสร้างเสียไกลลิบ มิได้อยู่ใจกลางเมืองหลวงเสีย ใน

ใจจึงนึกเสียดายมาเสมอ

ซย่าโหวซื้อถึงตอบอย่างนอบน้อม

“ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงห่วงใย บ่าวในจวนอ๋องดูแลหลานเป็นอย่างดี ซึ่งหลานก็จำข้อห้ามต่างๆ จนขึ้นใจ และ พยายามรักษาสุขภาพให้ดี เสด็จแม่จะได้ไม่กังวลพระทัย

“อืม” เจียไทเฮายิ้มอย่างมีเมตตา “ฉินอ๋องก็รู้ความไม่ น้อย”

แล้วจึงหันไปถามเยี่ยมอ่อง จึงอ๋อง เป็นอ๋อง และองค์ หญิงอีกหลายคน ซึ่งทุกพระองค์ก็ตอบคำถามอย่างนอบน้อม และชัดถ้อยชัดค่า

ในงานเลี้ยง บรรยากาศเต็มไปด้วยความปรองดอง

สุดท้าย เจียไทเฮาก็หันไปมองหญิงสาวผู้สูงศักดิ์อีกด้าน

และแน่นอน ในสายตาของผู้สูงศักดิ์ในวัง สถานะของอ โหรวจวงย่อมไม่ต่ำต้อย เจียไทเฮาจึงเรียกชื่อนางเป็นคนแรก

“ไม่เห็นหน้ากันหลายเดือน โหรวจวงสวยขึ้นอีกแล้ว

อโหรวจวงลุกขึ้นยืน โดยมีลยคอยจับปลายกระโปรง ระพื้นให้ ก่อนเดินออกจากที่นั่งไปกับคุณหนู

พออวี้โหรวจวงเดินมาถึงกลางพรมแดง ก็ถอนสายบัว ตามมาตรฐานอย่างอ่อนช้อย

“ขอบพระทัยที่ทรงชมเชยโหรวจวง ขอไทเฮาจงทรงพระ เจริญยิ่งยืนนาน ดุจเดือนดุจตะวัน ดุจต้นสนดุจเทพเซียน เป็น ร่มโพธิ์ร่มไทรตลอดไป”

“ดี ลุกขึ้นเถิด”
เจียไทเฮาได้รับค่าอวยพรจากเหล่าขุนนางในพิธีเฉลิม ฉลองมาแล้ว และคำอวยพรให้อายุมั่นขวัญยืนก็ฟังมามาก แต่ เมื่อสาวงามชุดแดงด้านล่างเป็นผู้พูด ก็รู้สึกเจริญตาเจริญใจ ยิ่ง คำอวยพรนี้แม้ไม่มีอะไรใหม่ แต่ก็มีน้ำหนักและไม่ผิดอะไร จึงผายมือ บอกให้ลุกขึ้นยืน

“มอบหยกสมปรารถนาให้คุณหนูอ

“พ่ะย่ะค่ะ ไทเฮา” จูซัน ขันที่ข้างกายเจียไทเฮาก้าวลงไป มอบของขวัญให้

อวี้โหรวจวงเดินกลับไปนั่งที่เดิม ท่ามกลางสายตาริษยา ของสาวๆ งานเลี้ยงเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน นางก็ได้รับคำชมและ ของขวัญจากไทเฮาเสียแล้ว ในบรรดาหญิงสาวชั้นสูง ใครเล่า จะสนิทสนมกับพระบรมวงศานุวงศ์ถึงเพียงนี้อีก ดวงตาหงส์อัน งดงามเปล่งประกายภาคภูมิใจเฉียงออกมาขณะหันมองไป รอบๆ ก่อนหยุดสายตาไว้ที่อวิ๋นหว่านชิ้น

อนหว่านชิ้นคล้ายเพิ่งรู้ตัวว่า ตั้งแต่นั่งลงจนถึงตอนนี้ สายตาที่มองนาง มิได้มีเพียงคู่เดียว จึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ อยู่บ้าง โดยนอกจากอโหรวจวงแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่ง… สายตาคู่นั้นร้อนแรงจนค่อยๆ ร้อนระอุ

เจียไทเฮามองตามร่างที่งดงามอย่างไร้ที่เปรียบของอ โหรวจวง พลางนึกอะไรในใจ

ลูกสาวของอวี้เหวินยิงคนนี้ ช้าเร็วก็ต้องเป็นสะใภ้สกุลซ ย่าโหว ตอนนี้องค์ชายที่เจริญวัย นอกจากองค์ชายใหญ่ กับองค์ชายรองที่แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว ผู้ที่โตสุดก็คือฉินอ๋อง ส่วนรัชทายาทอ่อนกว่าฉันอ๋องสองปี แม้ยังไม่ตกแต่งชายา แต่จะร้ายจะดีตำหนักบูรพาก็ยังมีสนมอยู่หลายคน ทว่าฉันอ๋อง นี่สิ แม้แต่นางกำนัลที่คอยรับใช้สักคนก็ยังไม่มี

หนิงซีฮ่องเต้เคยหารือกับเจียไทเฮาแต่แรกแล้วว่า จะให้อ โหรวจวงแต่งกับฉินอ๋อง เพียงแต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา….เจีย ไทเฮาจึงคิดว่า ตอนนี้มีเกริ่นนำไปก่อน แล้วพองานเลี้ยงเลิก ค่อยให้ฝ่าบาทมอบสมรสพระราชทานให้? ด้วยงานเลี้ยงใน ทุกๆ ปี มักมีการจับคู่ให้ชายหญิงไม่คู่ ก็สองคู่

คิดได้เช่นนี้ ก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่า ปีนี้คู่ที่ออกก็คือฉินอ๋อง กับคุณหนูอวี้!

เมื่อเจียไทเฮามีแผนในใจ ใบหน้าก็ยิ่งแย้มยิ้ม ขณะเกริ่น

“เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว โหรวจวงโตขนาดนี้ ควรออก เรือนได้แล้ว ทว่า ย่าดูจากหน้าตาและกิริยาที่เพียบพร้อมของ เจ้าแล้ว ในงานเลี้ยงของทุกๆ ปี เจ้าโดดเด่นเป็นที่หนึ่งเสมอ เช่นนี้คุณชายบ้านขุนนาง ไหนเลยจะกล้าแต่งกับเจ้าเล่า

คำพูดนี้กำลังบอกว่า มีเพียงเหล่าเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่

คู่ควร

“ถ้าไทเฮายังยอ โหรวจวงเช่นนี้อีก โหรวจวงคงต้องหา ทางมุดหนีลงดินแล้ว สาวงามในงานเลี้ยงมีอยู่มากมาย โหรว จวงไม่นับเป็นอะไรหรอกเพคะ” อวี้โหรวจวงยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดหน้าไปครึ่งหนึ่ง

“ถ่อมตนไปทำไม” เจียไทเฮาหัวเราะ

“ที่หนึ่งนอนมาเห็นๆ ไม่นับเป็นอะไรได้อย่างไร ไหนเจ้า ลองว่ามาซิ ว่านอกจากเจ้าแล้ว ยังมีใครอีกบ้างที่มากับ ทำให้คุณชายผู้สูงศักดิ์ทุกคนพากันเข้าแถวรอเกี้ยวพาราสีน่ะ”

อโหรวจวงเขินจนหน้าแดง จะไม่ยอมแพ้อีก เรื่องไม่สบ อารมณ์ที่ตึกใจซิง นับว่ามลายหายสิ้น

แม้คุณหนูบ้านขุนนางทุกคนยอมรับว่าอวี้โหรวจวงมีหน้า ตาและกิริยาที่โดดเด่น แต่พอเห็นไทเฮาเยินยอนางดุจเทพธิดา บนฟ้า ด้านหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวชั้นสูงคนอื่นๆ รู้สึกว่าไม่มีตัว ตน คล้ายมาเพื่อขับให้อโหรวจวงโดดเด่น แต่ละคนจึงรู้สึก อิจฉาตาร้อนอยู่บ้าง แต่ไม่กล้าพูดอะไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ