ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 77-5 แพ้ครีมทาหน้า ชี้แจง แถลงไขปัญหา



ตอนที่ 77-5 แพ้ครีมทาหน้า ชี้แจง แถลงไขปัญหา

ซึ่งการเงียบเช่นนี้ ได้ทำให้เวลาผ่านไปอย่างยากเย็นแสนเข็ญ หนาวก็หนาว ท้องก็ร้องดัง

แต่การคุกเข่า สามารถรักษาแปลงดอกไม้นอกเรือนกับ สูตรสมุนไพรเหล่านั้นไว้ได้ นางยังคงไม่เสียใจ

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด “ฮัดเช้ย…” ลมเย็นสายหนึ่งพัด ผ่านห้องโถง ทำให้อวิ๋นหวานชื่นจามออกมาอย่างอดไม่ได้ ขนลุกไปทั้งตัว

เห็นที คืนนี้คงผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ

ทันใด เสียงฝีเท้านอกห้องก็ดังมา จากไกลเป็นใกล้ ก่อน ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สุดท้าย ก็มาถึงหน้าบันไดห้องโถง

แม้อวิ๋นหว่านในหันหลังให้ประตู แต่ก็รู้สึกได้ว่า ดวงโคม ตรงระเบียงถูกจุด ให้สว่างขึ้นทีละดวง จนสว่างไปหมดทั้ง ระเบียง

ประตูเปิดออก เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามา คล้ายชูซย่าเข้ามา เป็นคนแรก พยุงอวิ๋นหวานชื่นให้ลุกขึ้นยืน ก่อนพูดเสียงเบา

“นายท่านสั่งให้คุณหนูใหญ่รีบลุกขึ้น ละเว้นโทษคุกเข่าไปก่อน อีกสักครู่นายท่านจะรีบมาที่ห้องโถง….

พอยืนขึ้น อวิ๋นหวานชื่นค่อยรู้ตัวว่าขาทั้งสองข้างชาจน แทบไม่รู้สึกรู้สา จึงซวนเซเล็กน้อย ดีที่ยืนนิ่งอยู่ได้

แค่หนึ่งถึงสองชั่วยามเท่านั้น ที่ยืนหยัดได้โดยไม่ร้องขอ ความช่วยเหลือ ถ้าคุกเข่าหนึ่งวันหนึ่งคืนจริงๆ เกรงว่าถ้าไม่ พิการก็ต้องนอนพักไปอีกหลายวัน

ทว่า ละเว้นโทษคุกเข่า? ไม่ใช่อุปนิสัยของบิดา

บิดาถึงว่า แค่ลงโทษคุกเข่ายังไม่พอมิใช่หรือ คิดจะทำ อะไรอีกล่ะ อนหวานชิ้นเงยหน้าขึ้น เห็นพ่อไคไหลพาเด็กรับใช้และ

บ่าวในจวนหลายคนเข้ามา จึงถามด้วยความสงสัย “พ่อบ้า

นพ่อ เกิดอะไรขึ้นหรือ

ต่อไคไหลก้าวมาข้างหน้าสองก้าว “คุณหนูใหญ่ มีผู้สูง ศักดิ์ในวังจะมาจวนรองเจ้ากรมเรา แจ้งข่าวบางอย่างให้ทราบ นายท่านเลยให้พวกเรามารวมตัวกันในห้องโถง เพื่อต้อนรับ กงกงที่กำลังรีบเดินทางมา ดังนั้นจึงขอให้คุณหนูใหญ่อยู่ ต้อนรับด้วย”

อ๋อ….ที่แท้ก็มีคนในวังมา บิดาเกรงว่าจะเห็นภาพลูกสาว ถูกทำโทษในบ้านเข้า…แต่จะว่าไปแล้ว ตนโชคดีขนาดนี้เลย หรือ?

ขณะเดียวกัน อวิ๋นเสวียนนั่งก็ก้าวยาวๆ เข้ามาในห้องโถง ด้านหลังยังมีถงฮูหยิน อนุฟางกับลูกสาวตามมาด้วย

เมื่อครู่ตอนทานอาหารค่ำเป็นเพื่อนลงฮูหยินที่เรือนตะวัน ตก พอรู้ว่าอีกสักพักจะมีคนในวังมาแจ้งข่าว อวิ๋นเสวียนนั่งก็ ตกใจพลัน รีบวางตะเกียบและชามลง แล้วให้คนไปบอกอนุ ฟางที่เรือนชุน ส่วนตัวเองก็กลับไปเปลี่ยนชุด แล้วรีบมาที่ ห้องโถง

นายและบ่าวสกุลอวิ๋นหลายคนยืนรอต้อนรับแขกอยู่ใน ห้องโถง อวิ๋นเสวียนนั่งยืนอยู่หน้าสุด ถึงฮูหยินกับอวิ๋นหว่าน ชิ้นยืนอยู่ด้านหลังของเขา ถัดไปด้านหลังค่อยเป็นอนุฟางและ อวิ๋นหว่านถง

เสียงฝีเท้าดังมา มอไคไหลถือโคมผ้าไหมสีเขียวอ่อน เดินนำชายวัยกลางคนผิวขาว รูปร่างผอมบางคนหนึ่งเข้ามา ในห้องโถง

เขาสวมชุดเครื่องแบบขันที่สีน้ำเงิน หน้าตาอ่อนโยน เกลี้ยงเกลา พอก้าวข้ามธรณีประตูมา ก็สำรวจมองไปรอบๆ ก่อนหยุดสายตาอยู่ที่เด็กสาวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังรองเจ้ากรมอ

เด็กสาวตรงหน้าอายุไม่เต็มสิบห้า ยังสูงไม่สุด ดูนิ่งๆ คล้ายขี้อายอยู่บ้าง แต่หน้าตางดงามทีเดียว โดยเฉพาะ ดวงตา ดุจภูเขาอันไกลลิบ ดั่งมหาสมุทรอันลึกล้ำ สงบนิ่งมาก ดูไม่ออก ไม่เหมือนเด็กใสๆ บุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีความ ประหม่าแต่อย่างใด ถอนสายบัวก้มหน้าตามมารยาทได้อย่างเหมาะสม

ส่วนเด็กสาวอีกคนที่อยู่ด้านหลัง ท่าทางราวสิบสามสิบสี่ น่ารักบอบบาง บิดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กในมือไปมา อาจต้อนรับ แขกจากในวังเป็นครั้งแรก จึงตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าขณะก้มหน้า กลับแอบกลอกตาไม่หยุด

ดังนี้ เด็กสาวที่อยู่ด้านหน้า น่าจะเป็นคุณหนูใหญ่แห่ง

บ้านสกุลอวิ๋น

พอขันที่เข้ามา ยังไม่ทันทักทายเจ้าบ้าน ก็จ้องมาที่ตน ก่อน อวิ๋นหวานซิ่นค่อนข้างสงสัยในใจ

อนเสวียนนั่งก้าวไปข้างหน้า ประสานมือ “จางกงกงมา

ในยามค่ำคืน ลำบากแล้ว เด็กๆ นำเก้าอี้เข้ามาและรินน้ำชา

ให้กงกงหน่อย

จางเต๋อไหโบกมือ “ไม่ต้องหรอก ค่ำมืดแล้ว ต้องรีบกลับ ข้ามาแจ้งข่าวจากพระสนมเอกเธอเหลียนแล้วก็จะไปในทันที

พระสนมเอกเฮอเหลียน?

อนหวานชิ้นเงยหน้า สบตากับจางเพื่อให้พอดี

ใต้แสงตะเกียงในห้อง จางเพื่อให้พอดีเห็นใบหน้าขาว เนียนดุจหยกไร้ที่ติ จึงรู้สึกเอะใจ เด็กสาวอะไร อายุยังน้อย แต่กลับมีเสน่ห์พร่างพราว มิน่าเล่าฉินอ๋อง…รูปโฉมเบิกทาง

จางเต๋อไห่ยกมือขึ้นกำหลวมๆ ใต้ริมฝีปากแล้วไอเบาๆ

ออกมาสองที ก่อนแจ้งข่าว
“มะรืนนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของเจียไทเฮา หลัง งานเฉลิมฉลอง จะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ต่อตามธรรมเนียม ซึ่งผู้ ที่เข้าร่วมงานล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์และผู้ติดตาม พระสนมเอก เฮ้อเหลียนจึงขอเชิญคุณหนูใหญ่แห่งบ้านสกุลอวิ๋น คุณหนูอน หว่านชื่น ให้เป็นผู้ติดตามพระสนมเอกเข้าไปในงาน

ว่าแล้วก็ล้วงเทียบเชิญอักษรสีทองออกจากปลายแขนเสื้อ ดิ้นทอง มอบให้ด้วยมือทั้งสองข้าง

อนเสวียนนั่งสูดหายใจเข้าลึกๆ รีบรับเอาไว้

พอคำพูดนี้หลุดจากปาก ผู้หญิงสกุลอวิ๋นต่างตกตะลึง ถึงฮูหยินยิ้มไม่หุบ มือที่หยาบกร้านแอบคว้ามือของอวิ๋น หว่านชินมาบีบ

อนุฟางกับอวิ๋นหว่านลงตะลึงงัน ก่อนหันมาสบตากัน ถ้า จะบอกว่าไม่ริษยาเลยคงเป็นไปไม่ได้

ผู้ติดตามนอกวังที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ในวังนั้น เหล่าพระสนมต้องเป็นผู้เชิญเอง แต่โดยทั่วไป ผู้

ถูกเชิญล้วนเป็นหญิงสาวในเครือญาติที่ยังไม่ออกเรือน

ซึ่งการที่ผู้เข้าร่วมงานสังสรรค์มีแต่ลูกท่านหลานเธอ และ คนในราชวงศ์นั้น ทำให้เหล่าพระสนมพากันเชิญญาติสาวของ ตนเข้าร่วมงาน เพื่อเปิดโอกาสให้หลานได้สัมผัสกับบุรุษผู้สูง ศักดิ์ทั้งหลาย เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันไว้ บ้านสกุลอ วันหยั่งรากได้ไม่ลึกพอในเมืองหลวง จึงไม่มีเส้นสายใดๆ ในวังหลัง และไม่เคยมีลูกสาวคนใดได้รับเชิญมาก่อน นึกถึงก่อน หน้านี้ ไปเสงี่ยฮุยก็เคยคิดที่จะให้อวิ๋นหว่านเฟยเข้าร่วม จน เคยส่งจดหมายให้น้องสาวครั้งหนึ่ง ว่าพอจะขอฮองเฮาผ่อน ผันให้สักครั้งได้หรือไม่ แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้สักที

ทว่าตอนนี้ พระสนมเอกเฮอเหลียนกลับให้กงกงคนสนิท มาส่งเทียบเชิญให้อวิ๋นหวานชื่นด้วยตนเอง

อนเสวียนนั่งกวาดตามองเทียบเชิญคร่าวๆ เขาหน้าชื่น ตาบานตั้งแต่ได้ยินแล้ว ความโกรธเคืองที่มีต่อลูกสาวก่อน หน้านี้มลายหายสิ้น

“ขอบพระทัยพระสนมเอกเฮอเหลียนที่เชิญลูกสาวข้า มะรืนนี้ลูกสาวข้าต้องแต่งตัวเข้าร่วมงานอย่างสมพระเกียรติ ไม่ทำให้พระสนมเอกต้องผิดหวังอย่างแน่นอน แล้วจึงส่งสาย ตาให้อวิ๋นหว่านชิ้น

อนหว่านชิ้นยังไม่ชัดเจนในสถานการณ์ แต่เมื่อได้ละเว้น โทษ ย่อมเป็นเรื่องที่ดี จึงก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ถอนสายบัว “ลําบากกงกงแล้ว ขอบพระทัยพระสนมเอก

อากัปกิริยาเย็นดุจหิมะ พลิ้วไหวดุจสายลม นุ่มนวลดุจปุย เมฆ มีความอ่อนน้อมและสง่างามแบบกุลสตรี จางเพื่อให้จึง อมยิ้มที่มุมปาก คล้ายพอใจเป็นอย่างยิ่ง

“ดี เช่นนั้นมะรืนนี้ ช่วงเช้าราวเจ็ดโมงสี่สิบห้า ข้าจะให้รถ ม้ามารับคุณหนูอนเข้าวัง
อนเสวียนนั่งยิ้มแก้มปริ พลางเดินไปส่งจางเพื่อให้ออก นอกจวนด้วยตนเอง

พอแขกไปแล้ว ถึงฮูหยินก็ยิ่งจับมือหลานสาวแน่น พลาง พูดอย่างปลื้มปีติ

“ข้าว่าแล้ว ในเอ๋อร์เป็นคนมีโชค ยังไม่ทันไรก็ได้ไปเป็น แขกในวังแล้ว ถึงตอนนั้น พอได้ติดตามอยู่ข้างกายพระ สนมเอก ไม่แน่ว่าจะได้เห็นพระพักตร์ฮ่องเต้กับไทเฮาด้วย!

อนหว่านลงก็ก้าวเข้ามา ก้มหน้าเล็กน้อย แล้วว่า “ขอ แสดงความยินดีกับพี่ใหญ่ด้วย

อนุฟางที่ยืนอยู่ด้านหลังอวิ๋นหว่านลง มิได้ส่งเสียง เพราะ กำลังทำใจ แต่พอมองอวิ๋นหว่านชื่น และกำลังจะพูดอะไร ก็ ต้องชะงัก เนื่องจากนายท่านส่งแขกเสร็จ และกำลังเดินยิ้มหรา กลับเข้ามา ก่อนพูดอย่างยินดีปรีดา

“ชินเอ๋อร์ นี่ก็ดึกแล้ว ยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก

อนหว่านชื่นจึงว่า “ท่านพ่อมิใช่ต้องการลงโทษให้ลูก คุกเข่าต่อหรือ

ต่อให้เสียผู้ใหญ่เช่นไร ก็ไม่มีทางทำให้อวิ๋นเสวียนนั่งเสีย อารมณ์อีก เขาจึงยิ้มแหยๆ แล้วว่า

“ลงโทษอะไร! ชูซย่า พาคุณหนูกลับห้อง ดูสิว่าคุกเข่ามา นาน เขาเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าบวมแดง ก็ต้องรีบทายานะ สองวันนี้ ต้องรักษาตัวให้ดี! อ้อ จริงสิ ดีที่ข้านึกขึ้นได้ ไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม หิวล่ะสิ ไปที่ห้องครัว ดูสิว่าชิ้นเอ๋อร์อยาก กินอะไร แล้วบอกให้เขาทำทันที! ถ้าไม่ถูกปาก ก็ให้ไปที่เทียน ซึ่งเหลาซื้อกลับมา!”

ซูซย่าขานรับเสียงใส “เจ้าค่ะ นายท่าน! ว่าแล้วก็พยุงคน จากไป

ถึงฮูหยินก็เดินออกจากห้องโถงไปพร้อมกับหลานสาว

อนุฟาง ลีลา ชักช้าอยู่หลังสุด พอเห็นคนไปกันหมด แล้ว ค่อยรวบรวมความกล้า ตะโกนเรียกอวนเสวียนนั่ง “ท่าน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ