ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 78-5 มาผอมแย่งชิง สองพี่น้องเข้าวัง



ตอนที่ 78-5 มาผอมแย่งชิง สองพี่น้องเข้าวัง

การแต่งหน้าบางๆ ที่ดูสดใส ไม่เห็นร่องรอยของเครื่องสำอาง แม้แต่น้อย กลับทำให้ใบหน้าที่ถูกแต่งยิ่งดูสมบูรณ์อย่างไร้ที่ติ

ซูซย่ารับใช้อวิ๋นหว่านในมาตั้งแต่เด็ก เห็นจนชินแล้ว แต่ เมี่ยวเอ๋อร์เพิ่งรับใช้ข้างกายได้ไม่นาน จึงยืนตะลึง ในวันปกติ ตอนอยู่ในจวน โดยทั่วไปแล้วคุณหนูใหญ่จะไม่แต่งหน้า และ ถ้าออกนอกจวนบางครั้ง ก็จะสวมหมวกที่ติดผ้าคลุมหน้า จึง ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้ามากมาย แต่งบางๆ ให้คนเห็นว่าแต่ง เท่านั้น

แต่ตอนไปบ้านสวน โย่วเสียน คุณหนูใหญ่กลับแต่งหน้า เข้มหน่อย โดยบอกว่าบ้านสวนอยู่ในป่าเขา ตั้งอยู่ในที่ที่เปิด กว้าง แดดและลมแรงกว่า ในเมือง การแต่งหน้ามิใช่เพื่อความ งาม แต่แต่งเพื่อป้องกันแสงแดดแผดเผา กันไม่ให้ผิวลอก อีก ทั้งยังบอกให้เที่ยวเอ๋อร์กับซูซย่าอย่าทำเป็นเล่นไป ต้องทา แป้งชั้นหนึ่งก่อนออกนอกบ้านเสมอ นี่เป็นทฤษฎีที่ไม่ค่อยมี ใครพูดถึง ทำให้เดี๋ยวเอ๋อร์แปลกใจอยู่นาน

และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่คุณหนูใหญ่แต่งหน้าค่อนข้างมาก และเต็มที่ แต่เมื่อเทียบกับการแต่งหน้าของคุณหนูท่านอื่นๆ ในเย่ว์จึงแล้ว ยังนับว่าอ่อนกว่ามาก
หญิงผู้สูงศักดิ์ในเมืองมากกว่าครึ่งมักแต่งหน้าเข้ม และ ถ้าไปงานเลี้ยงที่ยิ่งหรูหรา ก็ยิ่งแต่งหน้าให้เข้มขึ้น คิ้วดำขลับ ปากแดงเพลิง ผิวขาวจั๊วะ เล็บสีสด เพื่อดึงดูดสายตาผู้คน

การแต่งหน้าเข้มเป็นที่นิยมในเมืองหลวง แต่การแต่งหน้า ของอวิ๋นหวานชิ้นในวันนี้ ดูดีก็จริง แต่ต้องพูดว่า เมื่อเทียบกัน แล้ว บางเกินไปจริงๆ

“แบบนี้จะเสียเปรียบไปหน่อยหรือเปล่า” เมี่ยวเอ๋อร์ท ปากยื่นปากยาว

“ถ้ายิ่งแต่งหน้าเข้มยิ่งได้เปรียบ เช่นนั้นคุณหนูแต่ละบ้าน พกกล่องเครื่องสําอางติดตัวไว้ก็สิ้นเรื่อง

อนหวานชิ้นวางตลับขี้ผึ้งสีเทาเข้มที่ใช้ปัดคิ้วลง ก่อนทำ หน้าทะเล้นใส่คันฉ่อง รอยยิ้มวิบวับดุจอัญมณีก่อกวนเมี่ยวเอ๋

อ จนแทบจะพูดไม่ออก

วันนี้อากาศไม่เลว อวิ๋นหว่านชิ้นจึงสวมเสื้อคลุมยาวไว้ ด้านนอก ก่อนมองดูท้องฟ้า ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว

ยังจิบชาได้ไม่ถึงครึ่งถ้วย บ่าวในบ้านก็มาแจ้งที่ด้านนอก ว่า รถม้าจากในวังมาถึงแล้ว อวิ๋นหวานชิ้นจึงเดินนำเมี่ยวเอ๋อร์ ออกไป

การไปงานเลี้ยงสังสรรค์ หญิงสาวสูงศักดิ์ในทุกๆ บ้าน ต่างนำสาวใช้ไปสองคน ซึ่งนอกจากคุณหนูสามแล้ว อน หว่านชิ้นก็พาเมี่ยวเอ๋อร์เข้าวังไปเป็นเพื่อนด้วย ประการแรกเพราะรู้สึกว่าหมู่นี้นางจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้นิ่งขึ้นมาก จึง อยากให้นางไปฝึกฝนเพิ่มเติมในบรรยากาศที่ใหญ่ขึ้น ประการที่สอง จะมากจะน้อยตนก็มักรู้สึกสงสาร อยากเติมเต็ม ชีวิต ให้นาง

รถม้าสีม่วงสองคันจอดรออยู่หน้าประตูจวนสกุลอน จาง เพื่อให้ยืนอยู่ข้างรถม้าคันหนึ่ง กำลังรอคุณหนูสกุลอวิ๋นออก จากจวน

ด้านในประตูจวน อวิ๋นหว่านลงรออยู่ก่อนแล้ว

วันนี้นางตามเข้าวังไปด้วยในสถานะสาวใช้ จึงไม่กล้า แต่งตัววิลิศมาหรา แต่ก็ไม่ถึงกับโทรมเสียทีเดียว ถ้าดูให้ดีๆ จะเห็นว่านางทุ่มเทเพื่อหวังผลไม่น้อย

ริมฝีปากแดงจากชาดทาปากสีแดงสด โปะเครื่องสําอาง อย่างหนาและปัดแก้มแดงจนแทบจะหยดลงมา บนศีรษะเสียบ ปิ่นดอกโบตั๋นที่ทำจากผ้าเนื้อละเอียดสีแดงเพลิง ตัดกับ กระโปรงผ้าฝ้ายจีบรอบเอวสีเหลืองส้ม ขับให้เอวบางๆ น่า โอบจับยิ่งขึ้น แม้ไม่กล้าใส่เสื้อสีเด่น แต่ก็ผูกเอวเป็นเงื่อนดอก ไม้เล็กๆ ห้าสี ห้อยเป็นฟูลงมา บนร้อยกระพรวนสีเงิน ส่ง เสียงดังกรุ๊งกริ๊งเวลาเดิน ทำให้ผู้คนเหลียวหลังมอง

ทุกอย่างล้วนผ่านการคิดมาอย่างดี ทุกอย่างล้วนเรียก ร้องความสนใจจากผู้คน

“จุ๊ๆๆ แย่งสายตากันเห็นๆ แต่นางคงเปลืองความคิดไป เปล่าๆ กระโปรงห้อยเครื่องประดับแบบนี้ เวลาเดินคู่กับคุณหนูใหญ่ แล้วส่งเสียงดังตามก้าวที่เดิน คนอื่นไม่รู้ว่าจะมอง นาง หรือมองคุณหนูใหญ่นี่สิ เดี๋ยวเอ๋อร์แขวะ

“ไม่ใช่หมาแมวที่เลี้ยงในบ้านสักหน่อย ไม่รู้จะห้อย กระพรวนไปทำไม แต่ถ้านางชอบก็แล้วแต่นางเถอะ เรื่องเล็กๆ แบบนี้ อย่าไปขัดนางเลย” อวิ๋นหวานชื่นพูดเสียงไม่เบาไม่ดัง พลางอมยิ้มน้อยๆ

อนหว่านลงได้ยิน แต่ไม่กล้าตอบโต้ ทว่าสายตาผูกใจ เจ็บอย่างเลี่ยงไม่ได้ ช่างเหอะ อดทนไว้ ใครใช้ให้คนพูดเป็น ลูกเมียหลวง ส่วนตนเป็นลูกเมียน้อยเล่า ท่านแม่ว่า วันนี้เป็น วันออกโรงของตน ในงานมีลูกท่านหลานเธอมากมาย อย่างไรก็ต้องจับให้ได้สักคน

ท่านแม่ว่า ชาติกำเนิดดี ยังไม่ถือว่าดี ต้องแต่งแล้วได้ดี ถึงจะถือว่าดีจริงๆ

ถึงตอนนั้น ถ้าตนได้แอบอิงผู้มีบารมีจริงๆไยต้องกังวล อีกว่าพี่ใหญ่ผู้นี้จะไม่มาประจบประแจงตน? ยังมีเรื่องในครั้ง ก่อนที่ตนต้องขึ้นเวทีแสดงเป็นนางจิ้งจอก แล้วกลับมาแอบ ร้องไห้ที่บ้านไปหลายวันอีก หากสักวันตนมีอำนาจ ต้องให้นาง ชดใช้คืนให้หมดแน่

พอได้ฝันเฟื่อง อวิ๋นหว่านลงก็ไม่โกรธอีก กลับเชิดหน้าชู ตา หันไปชำเลืองมองพี่ใหญ่ พอเห็นนางแต่งหน้าบางๆ ที่ เหมือนไม่ได้แต่ง ราวกับไม่สนใจงานเลี้ยงครั้งนี้สักเท่าไหร่ ก็ ยิ่งมั่นใจในตัวเองเต็มที่
จางเพื่อให้ก้าวเข้ามา แอบสำรวจมองอวิ๋นหวานชื่น โดย

ไม่ให้นางรู้ตัว

นางสวมชุดกระโปรงยาวพื้นเขียวลายผีเสื้อและดอกไม้ คลุมเสื้อคลุมไหล่กันลมทอลายยาวลากพื้น บนศีรษะไม่มี เครื่องประดับห้อยตุ้งติ้ง แต่ก็มิได้ละเลย มวยผมดำสลวยปัก ปิ่นทองคำบริสุทธิ์ งานฝีมือรูปดอกชบา แลดูสวยสง่าและ ภูมิฐาน

ภายใต้แสงอาทิตย์ในวันนี้ ถ้าดูให้ดีๆ จะยิ่งสวยกว่าวัน ก่อนที่เขาเห็นในจวนสกุลอวิ๋นยามค่ำคืนเสียอีก

จางเต๋อไหมิได้รู้สึกแปลกใจอะไร การไปเป็นเพื่อนพระ สนมเอกในงานเลี้ยง ถ้าโดดเด่นเกิน จะกลายเป็นแย่งสายตา ที่มีต่อพระสนมเอกไป ย่อมไม่เป็นที่ชื่นชอบ แต่ถ้าเรียบง่าย เกิน ก็จะกลายเป็นไม่ให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงไป การแต่ง ตัวเช่นนี้ ดูสดใสและแปลกใหม่ อีกทั้งยังไม่มีเจตนาแย่งความ โดดเด่นกับนายด้วย

จากสายตาของจางเต๋อไห่ ที่เห็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์กับสนม นางในหลังวังมานับไม่ถ้วน การแต่งตัวเช่นนี้กลับดูมีเสน่ห์และ ทำให้คนสนใจมากกว่าคนที่แต่งหน้าเข้มและแต่งตัวฉูดฉาด เสียอีก

สมกับเป็นคนมีจิตใจบริสุทธิ์ งามสง่า และประณีต

ละเอียดอ่อนจริงๆ

จางเพื่อให้ทำความเคารพพลางยิ้มน้อยๆ
“คุณหนูอวิ๋น ข้ารอนานพอควรทีเดียว แต่ดูไปแล้ว แม้ ต้องรอต่ออีกสักสองสามชั่วยาม ก็คุ้มค่า ถ้าพร้อมแล้ว ก็ตาม ข้าเข้าวังได้”

อวิ๋นหวานชิ้นเคารพตอบงามๆ “ลำบากใต้เท้าจางแล้ว ข้าน้อยพร้อมไปทุกเมื่อ

บนบันได พออนเสวียนดั่งเดินออกมาส่ง และเห็นการ แต่งตัวของอวิ๋นหวานชื่น ทีแรกก็ไม่พอใจ แต่พอได้ยินจางเต๋อ ให้พูดเช่นนี้ ก็หัวเราะหน้าระรื่น ลูกสาวทั้งสองต่างสวยในแบบ ฉบับของตัวเอง วันนี้อย่างไรก็น่าจะขายออกได้สักคน จึงก้าว เข้าไปประสานมือ

“เช่นนั้นวันนี้ต้องรบวนใต้เท้าจางแล้ว

บนรถม้า อวิ๋นหวานชื่น อวิ๋นหว่านลง และเที่ยวเอ๋อร์นั่ง คันเดียวกัน ส่วนจางเพื่อให้กับวันทีที่ติดตามมา นั่งอยู่ในรถ นําทางคันหน้า

ภายใต้ดวงอาทิตย์อันเจิดจรัสของฤดูใบไม้ร่วง คนทั้ง กลุ่มนั่งอยู่ในรถม้าสองคันที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างไม่เร็วไม่ช้า เข้าสู่ถนนย่านพระราชฐาน ข้ามคลองคูวัง ผ่านประตูเจิ้งหยาง เข้าสู่พระราชวังต้าเซวียน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ