ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 74-1 ธุรกิจร่วมทุนกับเรื่องหน้า แตกในวัง



ตอนที่ 74-1 ธุรกิจร่วมทุนกับเรื่องหน้า แตกในวัง

หงเขียนยังไม่ยอมแพ้ กลอกดวงตาสุกสกาวไปมา กะพริบตา ปริบๆ แล้วยื่นหน้าเข้าใกล้

“เถ้าแก่ คนผู้นี้เป็นใคร มาจากไหน ชื่ออะไร

เถ้าแก่อ้วนไม่ใช่คนโง่ รู้ว่านางคิดจะไปเจรจา จึงยิ้ม พลาง นศีรษะ

“จะไปหาเขาแล้วเจรจาให้เขาหยวนให้เจ้าหรือ ข้าเป็นคน ชอบทะนุถนอมดอกไม้ เห็นว่าเจ้าเป็นคนสวย ไม่อยากให้เสีย แรงเปล่า จะบอกให้ ผู้ที่จองไว้นะ มาถึงก็วางตั๋วแลกเงินลง ใบ หนึ่ง มูลค่าเงินจองมากกว่าราคาที่ขาบอกห้าเท่า ตั้งห้าเท่า เชียว แล้วยังกำชับนักกำชับหนาว่า จะมาดูร้านเรื่อยๆ เห็นชัด ว่า ข้าราชการท่านนี้นะ เล็งร้านข้ามานานแล้ว ไม่ใช่แค่วันสอง วันนี้แน่ หาไม่แล้วจะบอกข้าว่าอย่าให้คนอื่นได้อย่างไร พูดก็ พูด ต่อให้เขายอมให้เจ้า แล้วเจ้ามีเงินจองอีกห้าเท่าให้เขา หรือเปล่าล่ะ…”

ตาสวยๆ ของหงเขียนมองนิ่ง บิดเอวได้รูปที่หนึ่ง กึ่งงอน กึ่งโกรธ กระเป๋ากระงอดไปตามบท

“ท่านน่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ตั้งมากมาย ข้าถามอะไร ท่านก็ตอบอะไร ต่อความยาวสาวความยืดอยู่ได้

เถ้าแก่อ้วนจึงตีหน้าเศร้า “ผู้วางเงินจองเป็นชายหนุ่มอายุ ราวยี่สิบกว่าๆ หน้าตาหล่อเหลากว่าข้านิดหน่อย สูงกว่านิด หน่อย…ไม่ได้บอกชื่อไว้ แต่อย่างไรวันนี้บ่ายสามสี่สิบห้า เขา นัดเจอข้าที่ร้านน้ำชาฮียตง แถวทิศเหนือของเมือง ให้ข้า จัดการเรื่องโฉนดกับหนังสือสัญญาโอนสิทธิ์การเช่า แล้วเอา ไปให้เขา

หงเยียนไตร่ตรองสักพัก ก็หันกายจากไป

แผนการในตอนนี้ ก็มีแต่ต้องไปหาผู้เช่าซื้อลึกลับคนนั้น ดูว่าพอจะขอร้องเขาได้หรือไม่

เมื่อผู้เช่าซื้อกระเป๋าหนักเช่นนี้ ย่อมมิใช่พ่อค้าธรรมดา ทั่วไป เกรงว่าลำพังตัวคนเดียวอาจเอาไม่อยู่ พอดูเวลา ก็พบ ว่ายังเช้า ยังห่างจากเวลานัดอยู่มาก หงเยียนคิดๆ ก็ตัดสินใจ ไปบ้านสกุลส

คุณชายสวีเป็นญาติผู้พี่ของคุณหนูอขึ้น และเป็นคุณชาย

ในตระกูลพ่อค้าที่ทำการค้ากับราชสำนักมานาน น่าจะ เชี่ยวชาญเรื่องการเจรจาธุรกิจ คิดบัญชีกรอบคอบ ถ้ามีเขาอยู่ ด้วย ย่อมช่วยได้มาก

เมื่อมาถึงบ้านสกุลส หงเขียนก็ก้าวขึ้นบันได และเคาะ

ประตู

พอบ่าวเปิดประตูออก ก็พบสาวสวยในชุดแดงยืนอยู่หน้าประตู ท่าทางมีจริตจะก้าน คล้ายผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แต่แต่ง ตัวแบบยังไม่ได้แต่งงาน ไหนๆ ตนก็ตื่นจากการจีบแล้ว ก็ไป แจ้งให้คุณชายทราบเสียหน่อย

เดิมทีวันนี้สมเงินมีนัดตีคลีกับรัชทายาท แต่กลับถูกบิดา รั้งตัวไว้ ให้ดูสมุดบัญชีอยู่แต่ในห้องทั้งวัน จนกระทั่งตัวเลขใน สมุดบัญชีดูเขา ไม่ใช่เขาดูตัวเลขในสมุดบัญชี ตาลายไปหมด พอได้ยินว่ามีคนมาหา ก็นับว่ามีข้ออ้างแล้ว จึงทิ้งสมุดบัญชี ยืดเส้นยืดสาย ไม่สนใจว่าผู้มาเป็นชายหรือหญิง พุ่งตัวออก จากห้อง ดุจลูกธนูหลุดออกจากแหล่ง

จะว่าไป หงเยียนกับคุณชายสวี่เคยพบหน้ากันแค่ครั้ง เดียว และวันนั้นก็เป็นตอนกลางคืนพอดี ทั้งสอง

ยืนคุยกันในลานบ้านป่า นางรู้แต่เพียงว่าผู้มาเยือนเป็น หนุ่มหล่อไร้ที่ติ แต่งตัวแบบคุณชายรุ่มรวย แม้สามปีที่

ผ่านมา นางเคยต้อนรับแขกเจ้าสำอางรุ่นราวคราว เดียวกันบนเรือสําราญมากมาย แต่ก็ไม่มีใครเทียบเขาได้

วันนี้เป็นครั้งที่สองของการพบหน้า ซึ่งเขียนยืนอยู่หน้า ประตูใหญ่สกุลส พอเห็นคุณชายสวีเดินตัวปลิวออกมา ภาย ใต้ท้องฟ้าสีครามและแดดยามเช้าที่สดใส ก็รู้สึกสะดุดตายิ่ง

ชายหนุ่มมีท่าทีสบายๆ ดวงตาเจ้าชูทอประกายแวววาว ใส่ชุดอยู่บ้านผ้าทิ้งตัวสีขาวขุ่น จึงเห็นรูปร่างอย่างชัดเจน จน แทบจะเห็นมัดกล้ามเนื้อช่วงอกและช่วงท้องแบบคนหนุ่มที่แข็ง

แรง
ถ้าเป็นคุณหนูลูกผู้ดี อาจร้องว้าย แล้วรีบหันหน้าไป

แต่หงเขียนไม่ใช่ นางยังคงติดท่าทางบางอย่างจากเรือ สำราญมา จึงชม้ายตามอง ยกมือขึ้นปิดริมฝีปากครึ่งหนึ่ง อย่างไม่เหนียมอาย ยิ้มแย้มแล้วว่า

“คุณชายสไยต้องรีบเช่นนี้ เสื้อผ้าใส่ให้เรียบร้อยค่อย มาก็ยังทัน ซึ่งเขียนรอได้

ครั้งก่อนตอนเมี่ยวเอ๋อร์มายืมหนังสือให้คุณหนูใหญ่ที่ บ้านสกุลสนั้น ได้บอกสวมเงินไว้ว่า ญาติผู้น้องรับหงเขียนไว้ ให้ช่วยวิ่งเต้นนอกบ้าน หาทำเลที่ตั้งร้าน คิดไม่ถึงว่าผู้มาใน วันนี้จะเป็นนาง เอาเถอะๆ ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงสามารถ ลากตนให้ออกจากกองสมุดบัญชีได้ ก็ล้วนเป็นผู้มีพระคุณทั้ง นั้น ขณะตื้นตันใจ สองมือพลันจับหมับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้าง ของนาง

“พอได้ยินว่ามีคนมาหา อย่าว่าแต่เสื้อเลย แม้แต่กางเกง ข้าก็ไม่ทันได้ใส่ รีบว่ามา มีเรื่องอะไร คิดขอร้องให้ข้าออกไป ใช่หรือไม่…”

ชายหนุ่มเข้าใกล้จนหงเยียนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา แต่ไหล่ของนางถูกกดไว้ และนางยังฝังใจเรื่องที่ถูกพี่เฉียว ข่มเหงบนเรือสำราญ จึงมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ด้วยการยกมือที่ เรียวยาวขึ้นแกะนิ้วสวมเงินออก แล้วขยับตัว ถอยไปด้านหลัง

สมเงินไหนเลยจะรู้ว่านางมีวรยุทธ์ พอจับได้แต่ความ ว่างเปล่า ก็หน้าคะ เมื่อหงเยียนรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป และเห็นเขากำลังจะล้ม ก็รีบจับเอวเขาไว้ แล้วดึงเข้ามา

หนึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง ทำให้คนสองคนได้ใกล้ชิดกัน สวีเงินได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ จึงอดไม่ได้ที่จะซบลงไปในซอก คอขาวๆ ของหญิงสาว พลางสูดหายใจเบาๆ ก่อนทำตาเยิ้ม “หอมมาก

ถ้าหงเขียนเป็นแม่ทัพหญิงที่ดุดันแล้วล่ะก็ คงฟาดใส่ส เงินไปหลายฝ่ามือจนเขาไม่มีหน้าไปพบบุพการีแล้ว แต่ตอนนี้ ดวงตาสวยกลับมองไปที่เส้นผมของสมเงิน ก่อนใช้มือจับ แล้วยกออกพร้อมศีรษะของเขาด้วยแรงที่ไม่เบาและไม่แรงจน เกินไป เบี่ยงคอเนียนๆ ออกเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่ง ขึ้นเท้าสะเอว พลางพูดด้วยโทนเสียงที่นุ่มนวล “เช่นนั้นก็ต้อง ล้มอีกครั้ง?”

สวมเงินจึงยอมผละออกจากนางอย่างว่านอนสอนง่าย โดยถอยหลังไปหลายก้าว คิดเสียว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น จัดแจง เสื้อผ้าให้เรียบร้อย รับเสื้อคลุมที่เด็กรับใช้ยื่นมาให้ สวมทับ และยกมือผูกผ้ารัดเอวอย่างรวดเร็ว ลืมสัมผัสที่อบอุ่นเมื่อครู่ ในทันที

หงเขียนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หัวใจของตนถึงได้เต้น ตึกตักไม่หยุด จวบจนเสียงของคุณชายสวีดังมา

“ญาติผู้น้องมีเรื่องอะไรหรือเปล่า

หงเยียนสงบสติอารมณ์ลง แล้วเล่าเจตนาการมาให้ฟัง
สมู่เงินขมวดคิ้ว

“เจ้านั่งคนไหน อ่านมาแย่งร้านกับญาติผู้น้องข้า ไป ข้า ขอไปดูน้ำหน้ามันกับเจ้าเสียหน่อย

พอหงเขียนเห็นว่าเขายอมช่วย ก็ออกจากจวนพร้อมเขา

ทั้งสองมาถึงร้านน้ำชาฮียตงก่อนเวลานัดไม่นาน แต่ เถ้าแก่อ้วนกับผู้เช่าซื้อยังไม่มา ทั้งสองจึงเลือกนั่งโต๊ะตรงมุม ร้าน แล้วสั่งน้ำชาอย่างดีมาก หนึ่ง นั่งดื่มขณะรอ

ราวบ่ายสาม ดวงตาหงเขียนก็ทอประกาย ใช้ปลาย

รองเท้าสะกิดสมเงิน “นี่ๆ มาแล้วๆ เถ้าแก่อ้วนมาถึงก่อน เลือกนั่งโต๊ะริมหน้าต่างได้ไม่นาน

ก็ต้องยืนขึ้น คล้ายกำลังจะต้อนรับใคร

ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าๆ ก้าวเข้ามา นั่งลงตรงข้ามกับ เถ้าแก่อ้วน

ดูจากท่าทางน่าจะเป็นชายหนุ่มผู้วางเงินค่าจองที่เถ้าแก่ อ้วนเล่าให้ฟังเมื่อเช้า เขามีรูปร่างกำยำ แม้ใส่เสื้อผ้าแบบ เดียวกับคนทั่วไป แต่ผ้าที่ใช้เป็นแพรเนื้อละเอียด ทอลายสี เดียวกัน ดูค่อนข้างหรู ไม่เหมือนคนทั่วไป

เถ้าแก่อ้วนรับตั๋วแลกเงินในส่วนที่เหลือมาไว้ พร้อมยิ้ม หน้าบานเป็นจานกระด้ง แล้วค่อยยื่นเอกสารสัญญาโอนสิทธิ์ การเช่าที่มีตราประทับจากที่ทำการอำเภอให้เขา และสุดท้ายก็ เดินจากไปอย่างมีความสุข
สวมเงินขมวดคิ้ว คนผู้นี้หน้าตาคุ้นๆ ชอบกล แต่คิด อย่างไรก็คิดไม่ออก…ไม่สนใจแล้ว ตนเป็นคนกว้างขวาง รู้จัก คนมากมาย ใครจะไปรู้ว่าเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน

อีกอย่าง คนผู้นี้ก็แปลกมาก……

เขาจ่ายเงินเรียบร้อย ได้รับเอกสารเซ้งร้านเรียบร้อย ทุก อย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่เขากลับยังไม่เดินออกจากร้าน เหมือนเถ้าแก่อ้วน นั่งจิบน้ำชาตากแดดฤดูใบไม้ร่วงข้าง หน้าต่างอย่างใจเย็น คล้ายกำลังรอใครอยู่

ทว่าผ่านไปเนิ่นนาน ก็ไม่เห็นมีใครมา แต่เขาก็ยังคงไม่ จากไปไหน

ขณะสวมเงินกำลังครุ่นคิด หงเขียนก็อดรนทนไม่ไหว ลุก ออกจากโต๊ะ

เดินไปข้างโต๊ะ แล้วพูดตรงประเด็นทันที “คุณชายคือผู้ เช่าซื้อร้านตรงถนนจิ้นเป่า ใช่หรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากขอความ ช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าพอจะนั่งคุยด้วยได้ไหม

ชายหนุ่มผายมือ แสดงท่าทีเชื้อเชิญ

พอนางนั่งลง ปากแดงได้รูปก็ขยับ คำพูดแต่ละคำไพเราะ เสนาะหู กังวานใสดุจหยกร่วง ใส่จาน

“ไม่ปิดบังคุณชาย ร้านที่คุณชายเช่าซื้อนั้น ข้าก็มองมา นานอยู่เหมือนกัน และหลายวันมานี้ก็ได้คุยกับเถ้าแก่ไว้ คิดไม่ ถึงว่าสุดท้าย จะถูกคุณชายคว้าไป ข้าดูออกว่า เจ้านายคุณชายต้องเป็นผู้มีอิทธิพลที่มั่งคั่งผู้หนึ่ง ซึ่งเราเทียบไม่ได้ อย่างแน่นอน และร้านก็เป็นเพียงห้องเล็กๆ คุณชายให้เราเถิด ถือว่าช่วยเราให้สมปรารถนา ข้ามีทุนน้อย แม้จ่ายให้ได้ไม่ มากนัก แต่จักไม่ลืมพระคุณของคุณชายเป็นอันขาด ข้าทำ ธุรกิจเครื่องประทินผิว ต่อไปถ้าผู้หญิงในบ้านเจ้านายคุณชาย ต้องการสินค้าอะไร ข้าสามารถจัดส่งให้ตลอดปี โดยไม่คิดค่า ใช้จ่าย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ