ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 74-2 ธุรกิจร่วมทุนกับเรื่องหน้า แตกในวัง



ตอนที่ 74-2 ธุรกิจร่วมทุนกับเรื่องหน้า แตกในวัง

“เจ้านายบ้านเจ้าให้เจ้ามาเจรจาการค้า นับว่าเลือกคนไม่ผิด จริงๆ

ชายหนุ่มไม่หวงคำชม พูดออกมาตรงๆ ว่านางเป็นนัก เจรจาที่ดีคนหนึ่ง เขายกย่องนางก่อน แล้วค่อยบอกข้อดีของ นาง มองปราดเดียวก็รู้ว่านางมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน

“แต่เสียดาย บ้านของนายข้าไม่มีผู้หญิงนี่สิ

หงเขียนอึ้ง ตนบอกแต่ว่าถูกใจร้าน ไม่ได้บอกว่ามีเจ้า นายแต่อย่างใด อวิ๋นหวานชิ้นเคยกำชับตนว่า เวลาติดต่อกับ คนนอกเรื่องร้าน ให้ใช้ชื่อตนเป็นหลัก ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้อง บอกคนนอกว่ามีเจ้าของอีกคน ยิ่งไม่ต้องบอกชื่อนาง ซึ่งเขียน จำขึ้นใจ จึงไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่ชายผู้นี้ เหตุใดจึงเดาถูก ในพริบตาเล่า

“คุณชายเข้าใจผิดแล้ว ข้านี่ล่ะเจ้าของร้าน หงเขียนแก้

ต่าง

ชายหนุ่มไม่คิดต่อล้อต่อเถียงกับนาง จึงยิ้มบางๆ พลาง ยกมือปราม

“อ้อ จริงสิ ในเมื่อแม่นางเป็นเจ้าของร้าน และถูกใจร้านนี้ย่อมเคยคิดคํานวณต้นทุนมาก่อน เช่นนั้นพอจะบอกข้าได้ไหม ว่า ล่าพังค้าขายเครื่องประทินผิว เดือนหนึ่งได้กำไรสุทธิเท่า ไหร่ กำไรขั้นต้นเท่าไหร่ คิดตกแต่งหน้าร้านอย่างไร ต้องใช้ พนักงานกี่คน จ่ายเงินเดือนพวกเขาเฉลี่ยเดือนละเท่าไหร่ และ…ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะถอนทุนคืน เมื่อเป็นเจ้าของ ก็ต้องรู้เรื่องเหล่านี้อย่างชัดเจน

ราวกับถูกสายฟ้าทยอยฟาดลงบนศีรษะ หงเขียนนิ่งงัน เรื่องเหล่านี้มีเพียงอวิ๋นหว่านชิ้นเท่านั้นที่รู้ นางไหนเลยจะรู้ จึง หันมองสวมเงิน ดีที่พาเขามาด้วย เขาถือกำเนิดในครอบครัว พ่อค้า จะมากจะน้อยก็ต้องรู้บ้างล่ะ ถ้าพูดดำน้ำคร่าวๆ สัก สองสามประโยค ก็น่าจะพอเอาตัวรอดไปได้

ทว่าสมเงินก็ฟังจนมึนงงเช่นกัน จึงจงใจขยับเก้าอี้ กระแอมไอสองครั้ง ก่อนหันหน้าไปอีกทาง

หงเขียนจึงกัดริมฝีปาก นึกถึงอาการดีใจสุดๆ ที่ได้ออก จากกองสมุดบัญชีเมื่อเช้าของเขา ถึงได้ตระหนักในทันทีว่า คุณชายญาติผู้พี่ท่านนี้ จริงๆ แล้วไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการค้า แม้แต่น้อย!

หงเขียนทำอะไรไม่ได้ ขึ้นพูดจาปิดบังต่อไปก็เกรงว่าฝ่าย ตรงข้ามจะคิดว่าตนไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้อวิ๋นหวานชิ้นเสีย งานใหญ่ จึงได้แต่บอกเป็นนัย

“เมื่อคุณชายดูออก ข้าก็ไม่ขอปิดบังอีก ข้ากำลังดำเนิน การแทนนายข้าจริง นายข้าชอบร้านนี้มาก แม้เลือกอยู่หลายที่แต่ก็ถูกใจร้านนี้มากสุด ข้าคุยกับเถ้าแก่ของร้านมาหลายวัน ซึ่งถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องดำเนินการหาใหม่ ซึ่งเสียเวลามากที เดียว จึงอยากขอให้คุณชายเห็นใจ โดยข้ากับนายจักไม่ลืม น้ำใจของคุณชายในครั้งนี้อย่างแน่นอน

ชายหนุ่ม นศีรษะ ก่อนตอบด้วยท่าทีสบายๆ

“ไม่ลืมน้ำใจจะมีประโยชน์อะไร นี่เป็นเพียงคำพูดสวยหรู ที่จับต้องไม่ได้ นายข้าชอบความจริง

ความจริง? หงเขียนไม่เข้าใจ

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างมีเลศนัย ก่อนจ้องมองหญิงสาวตรง หน้าพลางว่า

“นายข้า ถ้าจะบอกว่าดี ก็ถือเป็นผู้มากน้ำใจคนหนึ่ง แต่ ถ้าจะบอกว่าไม่ดี ต่อให้ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดก็ไม่เป็นผล เมื่อ เจ้าอยากได้ร้านนี้มาก ก็ต้องบอกให้นายเจ้า…บอกนายข้า หน่อยว่า ทำไมถึงต้องยอมให้ ถ้ามีเหตุผลเพียงพอ ที่ทำให้ นายข้าเห็นว่าได้กำไร เขาย่อมรับปากตามความเหมาะสม

นี่…ถ้าให้ติดต่อประสานงานกับคนต่างๆ ซึ่งเขียนยังพอ ทำเนา แต่ถ้าให้นางใช้สมองคิดคำนวณอะไรทำนองนี้ โดย เฉพาะในขอบเขตที่ไม่เชี่ยวชาญแล้วล่ะก็ ลำบากลำบนจริงๆ คิดๆ ดูจึงว่า

“เช่นนั้นขาขอกลับไปรายงานให้นายข้าฟัง แล้วค่อยให้ คำตอบกับท่าน อย่างไร พรุ่งนี้เวลานี้ เรานัดเจอกันที่นี่อีกครั้งก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มวางค่านชาลงบนโต๊ะ แล้วลุกเดินจากไป

เมื่อสวมเงินเดินออกจากร้านน้ำชา และเห็นหงเขียนไม่

สนใจ ก็รู้แล้วว่านางกำลังโกรธ เพราะคิดว่าถูกเขาหลอก เขา

จึงไม่กล้าแหย่นางเล่น แต่พอใกล้ถึงทางแยก สมเงินค่อยยืน นิ่ง ถอนหายใจเศร้าๆ ออกมา หงเขียนกำลังขุ่นข้องหมองใจ แต่พอได้ยินเสียงถอน

หายใจ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ก่อนกัดริมฝีปาก แล้วถาม

“คุณชายสวี่ยังมีหน้ามาถอนหายใจอีก ท่านใช้ข้าเป็นข้อ อ้างออกมาเดินเล่นชัดๆ ท่านไม่รู้เรื่องค้าขายก็ไม่บอกแต่แรก ปล่อยให้ข้ารับหน้าเพียงลำพัง จนเกือบกลายเป็นตัวตลกแล้ว ไหมล่ะ” ว่าแล้วก็คิดเดินจาก

ทว่าสมเงินยื่นแขนมายันกำแพง กันนางไว้ด้านใน ไม่

ปล่อยให้นางไป

“เรื่องนี้ข้าไม่ค่อยรู้ และขี้เกียจจะรู้ด้วย แต่เรื่องบางอย่าง

ข้าเก่งมากเลย!”

“คุณชายสวนหน้าด้านหน้าทนจริงๆ…” พอเห็นเขากันตน ไว้ ขยับเข้าใกล้ แล้วทำหน้ากรุ้มกริ่ม ซึ่งเขียนก็ก่นด่าออกมา

สมเงินว่า “ไม่เชื่อ วันหลังเราไปขี่ม้า ยิงธนู ตีคลีกัน ดู ว่าข้าเก่งขนาดไหน

ที่แท้ตนก็คิดนอกลู่นอกทางไปเอง ซึ่งเขียนหน้าแดง
สวมเงินมาเป็นเพื่อนหงเขียนที่ร้านน้ำชา แม้สายแล้ว แต่ ถ้าวิ่งไปตอนนี้น่าจะยังเจอรัชทายาททัน จึงไม่รอช้า บอกลาหง เยียน แล้วหายลับไป

หงเขียนมองตามหลังเขา แล้วยืนนิ่งอยู่สักพัก ค่อยไป จวนรองเท้ากรม

ตอนนี้ ถ้าหงเขียนอยากพบอวิ๋นหวานชื่น ก็ต้องเข้าทาง ประตูหลัง ขอพบเดี่ยวเอ๋อร์หรือซูซย่าก่อน ด้วยเกรงว่าอน หวานชื่นจะมีปัญหากับคนในครอบครัว เนื่องจากเจ้านายสกุล อนหลายคนรู้จักตนแล้ว รู้ว่าเดิมทีตนเป็นคนของเรือสำราญ ว่านชน

ประตูหลังด้านนอก พอเดี๋ยวเอ๋อร์เดินออกมา ซึ่งเขียน บอกนางว่า ร้านถูกผู้อื่นจองแล้ว จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ได้พบกับ คนวางเงินจองในร้านน้ำชาให้ฟัง แล้วเสริมว่า

“พรุ่งนี้เขาอยากได้คำตอบจากคุณหนูใหญ่ ข้าคิดว่านาย เขาไม่ใช่ผู้ที่จะรับมือได้ง่ายๆ เจ้าอย่าลืมบอกให้คุณหนูใหญ่ ทบทวนให้ดีๆ ล่ะ”

เดี๋ยวเอ๋อร์จดจำไว้ในใจ พอกลับถึงเรือนผู้หญิง ก็เล่าให้ คุณหนูของตนฟัง

พอรู้ว่าร้านถูกคนจองตัดหน้า อวิ๋นหวานชื่นก็ตกใจ แต่ พอได้ยินว่ายังไม่หมดหวัง ก็ตั้งใจฟังต่อ และกลั่นกรองคำพูด ของผู้จองอีกครั้ง
พูดตรงๆ ก็คือ เถ้าแก่ลึกลับนั่นจะยอมปล่อยร้าน ก็ต่อ เมื่อได้รับผลประโยชน์

ทว่าสำหรับเถ้าแก่ที่มั่งคั่ง กระทั่งค่าจองยังจ่ายได้ถึงห้า เท่านั้น นางยังจะเอาอะไรไปสู้ด้วย โดยนางไม่มีทางให้คืนเขา สิบเท่าเพื่อให้เขาปล่อยร้านอยู่แล้ว

ถ้านางมีเงินมากพอ ก็คงไม่ต้องบอกให้หงเขียนไปต่อ รองกับเถ้าแก่อ้วนตั้งหลายวันหรอก

เมื่อมาเช่าซื้อร้าน แปดถึงเก้าในสิบส่วนก็คือพ่อค้า

ดูไปแล้ว พ่อค้าผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา กระเป๋าหนักขนาด เงินจองที่จ่ายไปสามารถเช่าซื้อร้านย่านพระราชฐานได้สบายๆ เหตุใดจึงมาเช่าซื้อร้านเล็กๆ ธรรมดาๆ บนถนนจนเป่าเล่า ไม่ กลัวขาดทุนจริงหรือ คิดว่าจะได้กำไรจริงหรือ ใช้เงินฟุ่มเฟือย ขนาดนี้ จะจองร้านไหนก็ได้ ไยต้องมาแย่งกับตนด้วย ตัด ราคากันเห็นๆ!

อนหวานชื่นเบะปาก อดไม่ได้ที่จะก่นด่าเถ้าแก่ที่อยู่เบื้อง หลังไปหลายประโยค

แต่ขึ้นชื่อว่าพ่อค้า ก็ล้วนเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง เช่นนี้ก็ ต้องใช้ผลประโยชน์มาล่อแล้ว

อนหวานชิ้นคิดสักพัก ก็หยิบกระดาษสีขาววางลงบน โต๊ะ แล้วหยิบพู่กันจุ่มหมึก ตวัดฉวัดเฉวียนไปมาบนกระดาษ อย่างต่อเนื่อง ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม อักษรสีดำก็เรียงรายอยู่เต็มหน้ากระดาษ จากนั้นก็พับกระดาษ ใส่ลงไปในซองจดหมาย

หนังวัว มอบให้เมียวเอ๋อร์ แล้วกำชับอะไรบางอย่าง

พอเมียวเอ๋อร์ออกมา ก็มอบของที่หงเขียนรออยู่ครึ่งค่อน วันให้ พร้อมถ่ายทอดคำพูดจากอวิ๋นหวานชื่นให้ฟัง

หลังเที่ยงของวันรุ่งขึ้น เวลาเดียวกับเมื่อวาน เมื่อหงเขียน รุดไปถึงร้านน้ำชาตงฮุยนั้น ชายหนุ่มก็รออยู่ก่อนแล้ว

พอเขาเห็นหงเขียน ก็ยกมุมปากขึ้น “นายเจ้าตอบว่า

อะไร”

หงเขียนนำซองจดหมายออกมาอย่างไม่รีบและไม่ช้าจน เกินไป ยื่นให้เขา แล้วว่า

“นี่คือการประเมินผลที่ร้านจะได้รับภายในหนึ่งปีของนาย

ข้า รวมทั้งผลกำไรแต่ละแบบ รายจ่าย ต้นทุนเป็นต้น ซึ่ง

สามารถอธิบายข้อสงสัยของทุกอย่างที่ท่านถามเมื่อวาน

นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มขยับ เปิดจดหมายอย่างรวดเร็ว ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งจะว่าไป รูปแบบของการทำ บัญชีในสมัยนี้ ล้วนเต็มไปด้วยตัวเลขของจำนวนเงินและวันที่ เรียงรายกันเป็นตับ แสดงให้เห็นรายรับรายจ่ายทุกสามสิบวัน ในหนึ่งเดือน ซึ่งวันหนึ่งๆ ต้องเปลืองเนื้อที่ราวหนึ่งหน้า กระดาษ ถ้าบันทึกบัญชีในหนึ่งเดือน อย่างน้อยก็ต้องใช้สมุด บัญชีหนึ่งเล่ม แต่นางกลับสามารถเขียนลงบนกระดาษเพียง แผ่นเดียว
บนกระดาษ เป็นตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ใน ตารางแบ่งซอยเป็นช่องเล็กๆ หลายช่อง ตัวอักษรหรือตัวเลข ในแต่ละช่องถูกเขียนอย่างเป็นระเบียบ ช่องแนวขวางด้านบน คือวันเวลาเรียงตามลำดับ ช่องแนวยาวด้านซ้ายคือรายการ เช่น ค่าแรงพนักงาน ต้นทุนสินค้า ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ค่าใช้ จ่ายเบ็ดเตล็ด เป็นต้น

แม้มองปราดเดียวจะรู้สึกตาลาย คล้ายภาพวาดของเด็ก เล็ก แต่ถ้าดูให้ละเอียด ก็พอจะมองแนว

ทางออก ซึ่งชัดเจนและรัดกุมกว่ารูปแบบการทำบัญชีที่ พบเห็นทั่วไปมาก!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ