ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 78-4 ม้าผอมแย่งชิง สองพี่น้องเข้าวัง



ตอนที่ 78-4 ม้าผอมแย่งชิง สองพี่น้องเข้าวัง

สุราหมักดอกไม้สามชนิดเมื่อหลายวันก่อน ได้ฤกษ์เบิกไหพอดี อวิ๋นหวานชื่นแกะฝาปิดไหสุราออก แล้วบอกให้เลี้ยวเอ อร์กับชูซย่าเข้ามาร่วมวง

“ดื่มสุรา? ไม่น่าจะดี คุณหนูเป็นกุลสตรีนะเจ้าคะ…” ซูซ ย่าลังเลเล็กน้อย ด้วยมิใช่พฤติกรรมที่กุลสตรีพึงกระทำ

สุรา นอกจากใช้ดื่มดับทุกข์แล้ว ยังใช้ดื่มเฉลิมฉลองด้วย เมื่อชาติที่แล้ว หลังจากแต่งเข้าจวนโหว อวิ๋นหวานชิ้นก็ป่วย ด้วยโรคที่ยากรักษา และรู้ตัวว่าไม่มีหวังที่จะตั้งครรภ์ได้อีก ขณะมองดูอนแต่งเข้ามาทีละคนๆ ก็รู้สึกทุกข์ใจยิ่ง ไม่รู้จะ ระบายออกทางไหนดี จึงมักบอกให้ชูซย่าไปซื้อสุราจากนอก จวนมาดื่มให้เมา เพื่อลืมทุกข์

ตอนนั้น ชูชามิได้รู้สึกผิดเช่นนี้

อนหว่านในหัวเราะ จากนั้นก็ยกไหน ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่ง จับตัวไห แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือของมืออีกข้างหนึ่งอันปากไฟไว้ ขณะเอียง เทสุราจากไหลงในชามสามใบ แล้วว่า

“ถ้าอยู่ในบ้านเป็นการส่วนตัวแบบนี้ ยังห่วงหน้าพะวง หลังอีก ชีวิตจะไปมีรสชาติอะไร
ทั้งสองจึงยกชามสุราขึ้น

สามสาวทำเหมือนกำลังเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีเก่าอย่างไร อย่างนั้น พูดคุยสรวลเสเฮฮาพลางกินดื่มกันอย่างออกรสออก ชาติ

เดี่ยวเอ๋อ มิได้ไปห้องโถงต้อนรับแขกกับเขาด้วย แต่เมื่อ ได้ยินว่า พระสนมเอกเชิญคุณหนูใหญ่ให้เข้าร่วมงานเลี้ยง สังสรรค์เฉลิมพระชนมพรรษาไทเฮาซึ่งจัดขึ้นในวัง ในใจก็เดา ไปต่างๆ นานา ขณะกำลังกึมๆ ด้วยฤทธิ์สุรา จึงพูดขึ้น

“จะว่าไป สนมเอกเฮอเหลียนรู้จักคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร กัน ไม่เห็นเคยได้ยินว่า สนมเอกกับจวนรองเจ้ากรมมีอะไร เกี่ยวข้องกันมาก่อน คุณหนูใหญ่บ้านเราก็ไม่เคยพบเจอ สนมเอก ครั้งนี้เหตุใดถึงได้เลือกคุณหนูใหญ่ให้เข้าวังไปร่วม งานเลี้ยงด้วยเล่า….

ซูซย่าถือชามสุรานิ่งค้าง ชำเลืองมองอวิ๋นหวานชื่น ก่อน ส่งสายตาให้เมียวเอ๋อร์เงียบ

สนมเอกเฮอเหลียนเป็นพระมารดาของฉินอ๋อง เช่นนั้นฉัน อ๋อง…กับคุณหนูใหญ่ ไม่มีอะไรกันจริงๆ หรือ

คุณหนูใหญ่สาบานว่า ตนไม่มีอะไรกับอ๋องผู้นั้น และไม่มี ทางมีอะไรกันแน่

ชูซย่าจึงคิดเพียงว่า ทั้งสองพบเจอกันโดยบังเอิญที่งาน เลี้ยงในจวนโหวจริงๆ แต่เมื่อเป็นเพียงสหายทั่วไปคนหนึ่งแล้วเหตุใดสนมเอกถึงต้องเชิญคุณหนูใหญ่ให้เข้าวังด้วย

อวิ๋นหวานชื่นดื่มจนได้ที่ จึงปล่อยมวยผมออก ผมดำยาว สลวยประบ่า เสื้อผ้าเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นเอี้ยมสีอ่อน สดใส ดั่งฤดูใบไม้ผลิอันไร้ที่สิ้นสุด นางยกข้อมืออันเรียวบาง และขาวราวหิมะขึ้นเท้าคาง ดวงตามีเมฆหมอกบดบัง คล้ายจะ ยิ้มก็ไม่ใช่ จะเคืองก็ไม่เชิง พลันเหนื่อยหน่าย ไม่แยแสสนใจ มารยาท แสดงนิสัยใจคอที่แท้จริงออกมา…

ทั้งหมดนี้ ต่างกับท่าทีใจเย็นและสงบนิ่งในวันธรรมดา มาก ในสายตาของชูซย่า กลับรู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย ชีวิต เช่นนี้ของคุณหนูใหญ่ มีความสุขจริงๆ หรือ การงัดข้อกับแม่ ลูกสกุลไป จัดการคนที่มีจิตใจชั่วร้าย…เหล่านี้ เป็นความสุข เพียงผิวเผิน ไม่ยืนนาน

ไม่รู้ว่าโลกนี้มีสักคนไหม ที่สามารถคงนิสัยใจคอที่แท้จริง เช่นนี้ของคุณหนูใหญ่ให้อยู่ยั่งยืนยง

อวิ๋นหว่านชิ้นก็สงสัยเช่นกันว่าเหตุใดสนมเอกเฮอเหลียน ถึงได้เชิญตนให้เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย

ถ้าบอกว่าตนกับนางมีอะไรเกี่ยวข้องกัน ก็น่าจะเป็นยา สระผมกลิ่นดอกมะลินั่น ซึ่งหลังจากฉินอ๋องซื้อไป ก็ต้องส่งไปที่ วัง และพระสนมเอกอาจถามไถ่หรือไม่ก็ให้คนไปตรวจสอบดู ว่าใครเป็นคนทํา

ไม่สนใจแล้ว ถึงพระสนมเอกพูดปากเปล่า ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้ตนก็ต้องเข้าวังดูสักตั้ง
ฟ้าค่อยๆ มืดค่ำลง พออนหว่านมีอาการเมา เหนื่อย เดี๋ยวเอ๋อร์กับซย่าจึงพยุงนางไปเตียง ถอด เสื้อผ้าออกแล้วค่อยจากไป

อวิ๋นหวานชื่นไม่ฝันตลอดคืน นางใช้สุราทำให้เมา จึงนอนหลับสนิท

วันรุ่งขึ้น อวิ๋นเสวียนได้อธิบายเรื่องอนหว่านลงอ ยากด้วยอวิ๋น

อวิ๋นหวานชิ้นไม่แปลกใจ และเข้าใจในการตัดสินใจ

ของอวิ๋นเสวียนนั่ง จึงถอนสายบัวรับ

พอออกจากห้องโถง ซูซขมวดคิ้ว พลางพูดเสียงต่ำ

ต้องเป็นอนุฟางนี้คิดอยู่แต่ว่า อยากให้ลูกสาวออกเรือนไปอย่างเชิดหน้า ชูตา ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ผิดหรอก ใหญ่เพื่อป่ายขึ้นทุกครั้งที่ บ่าวรู้สึกสะอิดสะเอียน ๆ ครั้งก่อนรัชทายาท ครั้งยิ่งฉวยคุณหนูจ้าวสำเร็จรูปล่ะสิ คุณหนูเกิดมาเพื่อให้แม่ลูกนั่น ใช้เป็นเครื่องมือสักหน่อย! นายท่านเหมือนกัน ไม่คิดเลย หรือไรว่า งานใหญ่ขนาดนั้นถ้าคนจำคุณหนูขึ้นมา คุณหนูใหญ่ก็ต้องนินทาด้วย อนุฟางนั้น แม้ชั่วร้ายไม่ฮูหยิน เห็นตัว ยิ่ง ตอนเกิดเรื่องขึ้นกับคุณหนูท่านจัดการเรื่องที่สวน โย่วเสียน แต่นางกลับเอาแต่ห่ม ร้องไห้ และจาไร้สาระ ไม่ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์เลย บ่าวโกรธมาก ถ้าให้บ่าวพูด ถูกเสียบ้าง ดีที่สุดควรไปไกลๆ หน่อย ไม่ต้อง มาหน้ากัน

อนหว่านหัวเราะ ถ้าไม่อนุฟาง ก็ต้องอนุหรี่ อนุ จาง อนุจ้าว อยู่ดี เมื่อนางคุมอนุอยู่ แล้ว

พูดก็พูด ในบ้านยังคนเห็นแก่ตัวเช่นอยู่อีกโดย เฉพาะอาวุธอย่างหนึ่งสามารถสร้างสมดุลให้กับหลังบ้านได้

เวลาหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณ ปรากฏ ท้องฟ้าเพิ่งแสงสว่างอ่อนอวิ๋นหวานชื่นขึ้นจาก เตียง

มานั่งหน้าคันฉ่องหยก เดี๋ยวเอ๋อร์กับซูซย่าฉากมา

บัง คาดผมให้ และช่วยสวมเสื้อผ้า

จากนั้นช่วยมวยผมสลวย อวิ๋นหวานชิ้นเปิดกล่องเก็บ อุปกรณ์แต่งสลักลายดอกไม้ขึ้น แล้วหยิบ

เครื่องประทินผิว กระดาษปาก น้ำมันแต่งผม ขี้ผึ้งหอม ออกมา แล้วจัดแจงแต่งหน้าด้วยตัวเอง

โดยมีเมี่ยวเอ๋อร์กับย่ายืนมองอย่างใจจดใจจ่อจนแทบไม่กะพริบตาอยู่ด้านหลัง

คนในคันฉ่องใช้แปรงขนแกะที่หนานุ่มแตะลงไปในแป้ง ฝุ่นสกัดจากดอกแมกโนเลียก่อน โดยนำมาปัดเบาๆ ที่โหนก แก้ม แล้วจึงปัดเป็นวงกว้างอย่างนุ่มนวล เพียงออกแรงที่ข้อ มือ คล้ายใช้ข้อมือเป็นตัวขับเคลื่อนของฝ่ามือขณะผัดแป้งฝุ่น

จากนั้นก็เม้มริมฝีปากลงบนกระดาษทาปาก แล้วประกบ ริมฝีปากทั้งสองเข้าหากัน สีแดงชมพูถูกเกลี่ยทั่วริมฝีปาก เปล่งประกายแวววาวอ่อนโยน คล้ายวุ้นน้ำดอกชบาที่คุณหนู ใหญ่ทำด้วยตนเอง เด้งดึงดัง น่ารัก จนผู้พบเห็นต้องกลืน น้ำลาย

เครื่องสำอางสีชมพูบนแก้มคล้ายถูกปิดเบาๆ อย่างไม่ ตั้งใจ คิ้วก็ไม่จงใจกันให้บางจนเกินไป คงรูปคิ้วตาม ธรรมชาติ แล้วใช้ขี้ผึ้งสีเทาเข้มปัดเอา โดยปัดปลายนิ้วขึ้นเล็ก น้อย ขับให้ความสดใสไร้รูปแบบ ดูดีมีเสน่ห์

สุดท้ายก็ทาสีเหลืองบนหน้าผากขาว ก่อนติดกระดาษรูป ดอกไม้เล็กๆ ดอกหนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้นยืน แตะน้ำหอมดอกส้มที่ ทำไว้เมื่อหลายวันก่อนบริเวณต้นคอ ด้านล่างใบหูทั้งสองข้าง

การแต่งเนื้อแต่งตัวทั้งหมด ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็เสร็จ เรียบร้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ