ตอนที่ 80-4 คล้ายคนคุ้นเคย
ในตึกใจ ง
พอเมี่ยวเอ๋อร์เห็นว่าอวั่นหว่านลงหายไป ก็เที่ยวตามหา อยู่รอบหนึ่ง แต่พอได้ยินนางในที่อยู่ชั้นล่างบอกว่า นางถูกซื้อ เหยาอัน ผู้ติดตามของฉันอ๋องเรียกตัวไป ค่อยตกใจ รีบไป บอกคุณหนูใหญ่
การที่ฉินอ๋องเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนี้ ไม่ใช่เรื่อง แปลก ทว่า…เขาเรียกอวิ๋นหว่านลงไปทำไมกัน
เขา มาที่ตึกไจซิงเมื่อครู่?
อนหวานชิ้นสงสัย
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนได้เวลางานเลี้ยงแล้ว
จางเต๋อไห่มาที่ตึกใจซิง ใช้นางในให้ขึ้นไปชั้นบน บอกอ ในหว่านชื่นว่าต้องไปตำหนักชุ่ยหมิงก่อน
อนหวานชิ้นไม่มีเวลาตามหาคนอีก จึงได้แต่บอกเฉินจื่อ หลังคำหนึ่ง แล้วค่อยลากเดี่ยวเอ๋อร์ลงชั้นล่าง
เมื่อจางเพื่อให้เห็นว่าสาวใช้ข้างกายคุณหนูอวิ๋นน้อยไป หนึ่งคน จึงสงสัย
“เอ๋ คุณหนูอวิ๋นพาสาวใช้เข้าวังมาสองคนมิใช่หรือ แล้วอีกคนล่ะ”
อนหวานชื่นไม่คิดปิดบัง ก้มหน้าตอบเสียงเบา
“ได้ยินว่าเมื่อครู่เหมือนถูกฉินอ๋องเรียกตัวไป ไม่รู้ว่านาง ถูกกำชับให้ไปทำอะไรหรือเปล่า ถึงยังไม่กลับมา ซึ่งข้าก็ว่าจะ ถามใต้เท้าจางดูว่า จะคืนนางกลับให้ได้เมื่อไหร่
พอจางเต๋อให้ได้ยิน ก็เดาว่าฉันอ๋องมาที่ตึกใจซิง แต่ไม่ สะดวกที่จะพบคุณหนูอน จึงทำเช่นเดียวกับชายหนุ่มชั้นสูงคน อื่นๆ เรียกสาวใช้ข้างกายนางเข้าไปถามไถ่
หนุ่มสาวสมัยนี้ชอบเกี้ยวพาราสีกัน แม้เขาเป็นขันที ก็ เข้าใจ
ความสัมพันธ์แบบคั่นด้วยกระดาษหนึ่งแผ่น กับช่วงเวลา กำกวมที่ใช้ให้บ่าววิ่งไปวิ่งมา ถ่ายทอดคำพูดของตนให้อีก ฝ่ายนั้น เป็นช่วงที่ทำให้จิตใจกระปรี้กระเปร่าเป็นที่สุด เพียง แต่คิดไม่ถึงว่า ท่านสามก็ชอบเล่นอะไรแบบนี้ด้วย…
เมื่อคิดเช่นนี้ จางเพื่อไม่ก็ไม่ถามมากความอีก ยิ้มหวาน แล้วว่า “ไม่เป็นไรๆ ถ้าข้าเจอท่านสามเมื่อไหร่ จะถามให้ก็แล้ว กัน คุณหนูอนไม่ต้องร้อนรนไป
อวิ๋นหว่านในร้อนรนที่ไหนกัน ยิ้มน้อยๆ ได้เจ้าค่ะ”
พอเดินผ่านกำแพงแดงกระเบื้องเขียว กลุ่มคนก็มาถึงตำ หนักชุ่ยหมิง
หลานถึงรออยู่หน้าประตูอยู่แต่แรก และตอนนี้ก็เห็นจางเพื่อให้พานายหนึ่งบ่าวหนึ่งเข้ามา
สาวน้อยที่อยู่ข้างหน้าอายุราวสิบห้า หน้าตาสดใสน่ารัก ผิวเนียนนุ่มนิ่ม รูปร่างงดงาม การแต่งตัวแม้ไม่ถือว่าดึงดูด แต่ก็เก๋ไก๋ประณีตไม่เบา ตนอาจเห็นสาวสวยแต่งตัวจัดจ้าน หรูหราในวังหลังมามาก พอเห็นเช่นนี้ กลับรู้สึกเหมือนถูกสาย ลมเบาๆ พัดผ่านใบหน้า รู้ได้ในทันทีว่าสาวน้อยผู้นี้ก็คือคุณ หนูอวิ๋นที่พระสนมเอกเชื้อเชิญมา จึงรีบก้าวเข้าไปเชิญให้ออื่น หวานชื่นเข้ามาในพระตำหนัก
อนหวานชิ้นเดินเข้าวังหลังในเป็นครั้งแรก ระหว่างทาง จึงอดไม่ได้ที่จะชมนกชมไม้
ตำหนักชุ่ยหมิงตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเขต พระราชฐานชั้นใน ไม่ถือว่าหรูหรามาก แต่ก็ตกแต่งได้อย่าง ประณีตและสง่างาม สิ่งที่ควรมีก็มีอย่างครบครัน…เช่นเดียว กับสถานะนายหญิงของพระตำหนัก เสาหลักของสันติภาพที่ทั้ง สองแคว้นร่วมกันสร้างขึ้น ซึ่งไม่สามารถปล่อยปละละเลยไป ได้ แต่ไม่ว่าจะรักมากเพียงใด ก็ไม่มีทางอยู่สูงเกิน เพราะเป็น คนต่างเชื้อชาติ
พอละสายตาออก สายตาก็ไปตกอยู่ที่สวนขนาดย่อม มี รั้วล้อมรอบ กิ่งก้านสาขาของต้นเหมย (ต้นบ๊วย ยื่นออกนอก รั้ว พอนางยื่นคอไปดู ก็เห็นที่ปลายกิ่งมีดอกเหมยสีชมพูดอก เล็กๆ ที่เพิ่งผลิบาน บ้างก็เป็นดอกตูม
ไม่ต้องเพ่งมากก็รู้ว่าเป็นดงดอกเหมย
พอหลานถึงเห็นคุณหนูอนสนใจดอกเหมย ก็เดินพลาง ยิ้มพลางอธิบาย “ฝ่าบาททรงโปรดดอกเหมย พระสนมเอกจึง ปลูกต้นเหมยไว้ในพระตำหนัก
อนหวาน นขยับนิ้ว เป็นผู้หญิงของเชื้อพระวงศ์นั้นดีตรง ไหน! พอเข้าวัง ก็ต้องทำตามที่ผู้ชายชอบ เขาชอบดอกเหมย เหล่าสนมก็ต้องรีบปลูก เพื่อเอาใจเขา
ขณะคิด ก็เดินเข้ามาในพระตำหนักพอดี
เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหว่านชิ้นได้พบสนมเอกเชื่อเหลียน หลังถอนสายบัว ก็สะท้อนใจ วังหลังเป็นสถานที่ๆ รวมคนสวย ในใต้หล้าไว้จริงๆ ได้ยินมานานแล้วว่า สนมเอกเชื่อเหลียน สวยมาก ตอนนี้พอได้เห็น ก็รู้สึกว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น นางสวมชุดกระโปรงผ้าไหมลายดอกเหมยยาวระพื้น เนื่องจาก ถือกำเนิดทางตอนเหนือ หน้าตาจึงต่างกับชาวฮั่นในภาคกลาง หน้าตาของนาง สวยลึกล้ำและงามเด่นสะดุดตา
ฉินอ๋องก็น่าจะได้เชื้อครึ่งหนึ่งจากแม่ ทุกส่วนของหน้าตา จึงดูดีแบบนั้น
ทว่าสาวงามที่หน้าตาสะสวยเกิน มักใช้อำนาจบีบบังคับ คนโดยไม่รู้ตัว ทว่าสนมเอกเฮอเหลียนมีชาติกำเนิดเป็นองค์ หญิง ทั้งคำพูดและอิริยาบถจึงอบอุ่นอ่อนโยน หาได้ยากยิ่ง
แต่สาวงามเช่นนี้ กลับมีจุดจบที่ไม่รู้จะดีเช่นนั้นในชาติ ก่อน แล้วหนึ่งซีฮ่องเต้ทรงทำลงคอได้อย่างไรกัน
อนหวานชิ้นทอดถอนใจ สนมเอกเฮอเหลียนจึงยิ้มพลาง บอกให้ชิงถามกับจื่อซวงไปยกชุดน้ำชาออกมา แล้วค่อยบอก ให้อวิ๋นหวานชิ้นนั่ง
“วันนี้พอได้ยลโฉมคุณหนูอน ก็เป็นเช่นที่ข้าคิดไว้แปด ถึงเก้าในสิบส่วน เช่นเดียวกับยาสระผมที่เจ้าทำด้วยมือตัวเอง สดใสและน่ารัก
สาเหตุมาจากยาสระผมจริงๆ ด้วย
พอเห็นว่านางพูดกับตนอย่างเป็นกันเอง อวิ๋นหว่านใน ถอนสายบัวอีกครั้ง และพอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงตาที่แจ่มใส ของสนมเอก จึงกะพริบตา แล้วว่า
“พระสนมเอกก็สวยกว่าที่หม่อมฉันจินตนาการไว้มาก สมองหม่อมฉันทึบตัน จึงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพระสนมเอกจะ งดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์
“ปากหวานนะเรา” สนมเอกเชื่อเหลียนหัวเราะ แต่ในใจ กลับทอดถอนใจอยู่บ้าง
หญิงสาวผู้นี้กับชื่อถึงนิสัยแทบจะแตกต่างกัน อย่างการ ชื่นชมตน ยากนักที่จะได้ยินจากปากของชื่อถึง และจาก ลักษณะตามปกติของโอรส เดิมทีนางยังนึกว่าเขาจะชอบหญิง สาวที่เหมือนตัวเอง คือมีลักษณะเรียบร้อย พูดน้อย บริสุทธิ์ อ่อนโยน แต่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้ดูเหมือนเงียบขรึม แต่ความสดใสที่เปล่งออกมานั้น ปิดไม่มิด และเกรงว่ายิ่งอายุ มากขึ้น ก็จะยิ่งเจิดจรัส ไม่มีทางเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้แน่
อีกอย่าง คนที่มีไหวพริบและพูดเก่งเช่นนี้ ซื่อถึงจะเอาอยู่
หรือ
พอจางเพื่อให้เห็นสีหน้าพระสนมเอก ก็รู้ทันทีว่านางกำลัง พิจารณาลูกสะใภ้ในอนาคตอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงแอบ ขำ แต่พอเห็นว่าใกล้เวลางานเลี้ยงเต็มที่ จึงว่า
“เรียนพระสนมเอก งานเลี้ยง ใกล้เริ่มแล้ว ควรเสด็จไปที่ ศาลาปทุมหอมได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สนมเอกเฮอเหลียนพยักหน้า ลุกขึ้นยืน แล้วพูดเบาๆ “จื่อซวง หลานถึง มาตรวจดูชุดผู้ติดตามเข้างานเลี้ยงของคุณ หนูอวิ๋นหน่อย”
จางเต๋อไห่จึงถอยออก แล้วปลดม่านไข่มุกลง
ตรวจค้นร่างกาย? อวิ๋นหว่านชิ้นสงสัย ตอนเข้าประตูวัง มาก็ตรวจไปครั้งหนึ่งแล้ว ทำไมถึงต้องตรวจอีก
พอจื่อซวงเห็นอวิ๋นหวานชื่นมีคำถามบนใบหน้า ก็เดา ความคิดนางออก จึงอธิบาย
“คุณหนูอนเจ้าคะ เจียไทเฮาเป็นภูมิแพ้ละอองเกสร ดอกไม้ สัมผัสเกสรดอกไม้ไม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่มีการพบปะ ใกล้ชิด พระสนมเอกจึงต้องระวังเป็นพิเศษ งานเลี้ยงในครั้งนี้ การตรวจเสื้อผ้าก็ไม่ละเว้น แม้ตอนเข้าประตูวังถูกตรวจมาแล้ว ครั้งหนึ่ง แต่ก็อยู่ในวังนานพอควร เกรงว่าคุณหนูอนอาจ ไม่ทันระวัง เสื้อผ้าเลอะเกสรดอกไม้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นตามกฎแล้ว ยังต้องตรวจให้แน่นอนอีกครั้ง
เป็นเช่นนี้นี่เอง อวิ๋นหวานชื่นจึงโล่งใจ ถอดเสื้อผ้าออก
เองพร้อมเมี่ยวเอ๋อร์ แล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้น ให้สองสาว ตรวจดู พอตรวจเสร็จ อวิ๋นหวานชื่นจึงสวมเสื้อผ้ากลับเข้าไปใหม่
สนมเอกเฮอเหลียนที่อยู่ในม่านก็แย้มยิ้ม
“คุณหนูอนอย่าได้ถือสา เจียไทเฮาเคยป่วยหนักเพราะ ภูมิแพ้กำเริบเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งฝ่าบาทเครียดมาก จึงไม่ ประสงค์ให้เกิดขึ้นอีก และถ้าเราประมาทเลินเล่อ ทำให้ไทเฮา ป่วย ก็ถือเป็นเรื่องร้ายแรงทีเดียว”
“จริงด้วยเพคะ” หลานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ได้ จึงพูดไปตามน้ำ
“หลายวันก่อน ตอนหัวหน้าไปส่งเสื้อผ้าให้นางในฝ่าย ซักรีดซักนั้น พวกนางตรวจพบดอกลำโพงเข้า โชคดีที่หัวหน้า ไปเป็นคนโปรดของฮองเฮา ฮองเฮาจึงเป็นพยาน ยืนยันว่า หัวหน้าไปไม่มีทางพกยาพิษแน่ หัวหน้าไปจึงพ้นจากการถูก ลงโทษทางกาย แต่ถูกตัดเงินเดือนไปครึ่งปี และถูกกักบริเวณ อยู่หลายวัน โดยเพิ่งออกมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง! หัวหน้าไปบอก ว่านางถูกกลั่นแกล้ง นางไม่เคยพกดอกลำโพงติดตัว แต่จะทำ อย่างไรได้ วังหลวงเพียงตัดสินเท่าที่ตาเห็น ก็มีหลักฐานให้ เห็นกันอยู่ชัดๆ! ดังนั้นพระสนมเอกของเราจึงต้องระมัดระวัง เรื่อยมา ทำอย่างไรได้
อนหวานชิ้นยกมุมปากขึ้น มิได้พูดอะไร ขณะเดียวกัน จางเต๋อไหก็เร่งอยู่ด้านนอก
สนมเอกเฮอเหลียนจึงพาอนหวานชื่น เที่ยวเอ๋อร์ และ นางในข้างกาย ตรงไปยังศาลาปทุมหอม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ