ตอนที่ 77-3 แพ้ครีมทาหน้า ชี้แจง แถลงไขปัญหา
สถานที่ที่ผู้หญิงอยู่รวมกัน ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการต่อสู้ชิง ดีชิงเด่น หอโคมเขียวก็ไม่เว้น หานเจียวเดาว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ ประมาณว่า พี่น้องที่อิจฉาริษยาตนเป็นคนทำ แล้วป้ายสีให้ คุณหนูอน โชคดีที่คุณหนูอขึ้นเป็นคนมีน้ำใจ หานเจียวจึง หน้าแดงขึ้นมา พลางโค้งกายคารวะ แล้วว่า
“วันนี้ข้ากับน้องสาวทั้งสอง หุนหันพลันแล่นเกิน แต่คุณ หนูอนกลับใช้ความดีสยบความแค้น ไม่เพียงไม่ถือสา ยัง ทายารักษาหน้าให้ข้าอีก หานเจียวต้องขอขอบพระคุณเป็น อย่างยิ่ง”
พอจื่อเหินกับเหมยเซียนเห็นหานเจียวก้มศีรษะลง ก็พา กันยอมจํานน
“เมื่อครู่เป็นเราเองที่ไม่คิดให้รอบคอบ ต้องขออภัยคุณ หนูอวิ๋นด้วย”
“หึ อะไรนิดอะไรหน่อยก็บุกเข้าบ้านคนอื่น กระทั่งสถานะ ก็ไม่สนใจแล้ว แค่พูดขอโทษก็สิ้นเรื่องหรือ เอาเปรียบกัน จริงๆ! ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป คุณหนูบ้านขามเท่ากับถูกพวกเจ้า ทำร้ายรี!” เมี่ยวเอ๋อร์ไม่ยอม
จื่อเหินกับเหมยเซียนได้ยินก็พูดอะไรไม่ออก
หน้าลง
ได้แต่ก้ม
ส่วนหานเจียวแม้เป็นนางโลม แต่ก็มักทำอะไรตาม อารมณ์และตรงไปตรงมา พอคิดๆ ดู ก็รู้สึกละอายใจจริงๆ แต่ ไม่รู้ว่าจะชดใช้อย่างไรดี จึงทุบอกตนเองแล้วพูดรับรอง
“เช่นนั้นเราก็จะไม่อยู่นาน และต้องออกทางประตูข้าง
ว่าแล้วก็หันไปบอกให้เหมยเซียนให้นำเงินออกมา ใช้ สองมือมอบให้ซูซย่า แล้วพูดอย่างนิ่มนวล
“สารสกัดจากดอกสายน้ำผึ้งกับผงกุหลาบของคุณหนู ใหญ่ก็ต้องใช้เงินทำออกมาเหมือนกัน หานเจียวไม่กล้ารับ น้ำใจ ไม่กล้าเอาเปรียบคุณหนูใหญ่อีก หานเจียวรู้ดีว่าจวน สกุลอวิ๋นเป็นบ้านขุนนาง คุณหนูใหญ่ต้องดูหมิ่น…เงินเหล่านี้ แน่ อย่างไรก็คิดเสียว่า เอาไว้ให้พี่สาวทั้งสองดื่มน้ำชาก็แล้ว กัน”
เมี่ยวเอ๋อร์ยังคงไม่หายโกรธ “ใครอยากได้เงินของพวก เจ้า”
เหมยเซียนขมวดคิ้ว “จะดูหมิ่นเงินของเราไปไย เรามิได้ ไปปล้นไป ใครสักหน่อย!
อนหวานชื่นจึงเอ่ยขึ้น “ในเมื่อคนเขาให้พวกเจ้าไว้ดื่มน้ำ
ชา ก็รับไว้เถิด”
ซูซย่ารับเงินมา หานเจียวค่อยสบายใจขึ้น แม้ยังเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็เกรงว่าขึ้นอยู่ต่อ จะทำให้คุณหนูอนเดือดร้อน จึงรีบพาน้องๆ ทั้งสอง ออกทางประตูข้างไป
เรื่องที่พวกหานเจียวมาเอาเรื่องที่จวนรองเจ้ากรม ประดุจ
กระดาษห่อไฟ ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งจวน
ช่วงบ่าย พออวนเสวียนนั่งกลับจากกรมกลาโหม และ ได้ยินเรื่องนี้เข้า ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
ก่อนอาหารมื้อค่ำ มอมอจากห้องโถงหลักก็มาแจ้งที่เรือน ผู้หญิงว่า นายท่านกับผู้อาวุโสมาถึงแล้ว กำลังรอให้อวิ๋นหว่าน นเข้าไปพบ
ซย่าทนไม่ไหว ลากมอมอออกไปถามอย่างกังวลใจ
“นายท่านสีหน้าไม่รู้จะดีใช่ไหม”
นอกม่าน มอมอพูดตามตรง “ก็ใช่น่ะสิ นายท่านหน้าดำ จนแทบจะรอให้คุณหนูใหญ่ไปอธิบายให้ฟังไม่ไหวแล้ว…
ซูซย่าจึงเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีขึ้น พอเลิกม่านเดินเข้า มา ก็ย่ำเท้า ก่อนพูดเสียงต่ำ
“ครั้งนี้ถูกยัยอวี้โหรวจวงนั่นทำร้ายเข้าแล้ว น่าแค้นใจ จริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้จ้องแต่เล่นงานคุณหนูใหญ่ นายท่านก็ อีกคน ขายได้หมดทุกอย่าง ยกเว้นหน้าตาที่ขายไม่ได้ ทีนี้จะ ทําอย่างไรกันดีล่ะ
ที่ผ่านมาคุณหนูใหญ่เป็นลูกสาวคนโปรดของบ้าน ถ้าทำอะไรขายหน้าผู้คน นายท่านต้องไม่ลังเลที่จะนวดด้วยกฎของ บ้านแน่ อีกทั้งครั้งนี้คุณหนูใหญ่ถูกหญิงสาวจากหอนางโลมมา เอาเรื่องถึงบ้าน นายท่านต้องโกรธจัดอยู่แล้ว
อวิ๋นหวานชิ้นเงียบไปพักหนึ่ง ค่อยว่า “จะทำอย่างไรได้ ก็ แค่ถูกลงโทษ”
อย่าถอนหายใจ “ท่านปลงแล้วสิ
แต่ครั้งนี้เดี๋ยวเอ๋อร์กลับไม่ร้อนใจ เงียบไปสักพัก ค่อยหัน กาย เดินเข้าไปในห้องข้างๆ พอกลับออกมา ก็เอาของอะไร นิ่มๆ ติดมือมาด้วย พลางบอกให้อวิ๋นหวานชิ้นนั่งลง
“จะทำอะไรนะ” อวิ๋นหว่านชิ้นถามอย่างแปลกใจ พอมอง ไป ก็เห็นว่าของสิ่งนั้นคล้ายถุงผ้าดิบสองใบ แต่ละใบมีสายรัด ติดอยู่
เมี่ยวเอ๋อร์ถูกชายกระโปรงคุณหนูใหญ่ขึ้น พับขากางเกง ให้สองทบ พอเห็นหัวเข่าขาวๆ กลมๆ ก็นำถุงผ้าดิบที่ยัดนุ่นไว้ แน่น มัดติดกับเข่าข้างละถุง แล้วค่อยปล่อยขากางเกงกับชาย กระโปรงลง
“ไม่ต้องสนใจ มีนป้องกันไว้ละ
อนหว่านในเข้าใจแล้ว เป็นสนับเข่าที่นำมาผูกติดกับเข่า ทั้งสองข้าง เพิ่มผิวสัมผัสเข่าให้นุ่มขึ้น บ่าวส่วนใหญ่ในตระกูล ใหญ่ต้องมีของแบบนี้เตรียมพร้อมไว้เสมอ และจะแอบใส่ก็ต่อ เมื่อต้องคุกเข่านานๆ เพื่อทำการขอร้องหรือถูกลงโทษ ซึ่งให้ผลดีกว่าไม่ใส่มาก
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย อวิ๋นหวานชื่นกับชูซย่าก็เดินตาม มอมอไปยังห้องโถงหลัก พอก้าวข้ามธรณีประตู และเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกได้ถึง
ความเครียด ในบรรยากาศที่เงียบขรึม
อนหวานชื่นจึงทำความเคารพ พลางเอ่ยเสียงเบา “ท่าน ย่า ท่านพ่อ
นางไปทำอะไรไว้ ถึงได้ทำให้โสเภณีกลุ่มหนึ่งมา เอ็ดตะโรอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะถูกเชิญให้เข้าไปในเรือนของนาง พูดจากันอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่ดูสิ ตอนนี้นางกลับไม่อนาทรร้อน ใจใดๆ สงบนิ่งมาก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น นี่ทำให้อวิ๋นเสวียนนั่งโมโหยิ่ง จึงตบโต๊ะลงไปแรงๆ
“เหลวไหล เหลวไหลสิ้นดี!” ตามด้วยเสียงสั่นสะเทือนของ ถ้วยชาบนโต๊ะ
“เจ้าสอนลูกเบาๆ หน่อยสิ” ลงฮูหยินขมวดคิ้ว
หลายวันมานี้นางสนิทสนมกับหลานสาวมาก สุดท้ายก็ ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นหลานสาวรับโทษสถานหนัก จึงพยายาม ไกล่เกลี่ย ก่อนหันหาอนหวานชื่น
“ชิ้นเอ๋อร์ รู้ใช่ไหมว่าพ่อเจ้าเรียกเจ้ามาเพราะเรื่องอะไร รู้ ใช่ไหมว่าตัวเองทำผิดอะไรไว้
อนหวานชื่นกัดริมฝีปากบางเบาๆ เมื่อนางรู้ ก็ไม่คิดอ้อมค้อมอีก พูดตรงๆ ออกมา
“วันนี้ลูกกับหญิงสาวกลุ่มหนึ่งบนเรือสำราญว่านชนพบปะ กัน”
พออวิ๋นเสวียนนั่งเห็นว่านางยังไม่มีท่าทีสำนึกผิด ก็ยิ่ง โกรธจนหน้าแดง โดยไม่รู้ตัว เหลือบมองมารดา ก่อนหน้า ลูกสาว
“เจ้ารู้จักอายบ้างไหม คำว่าอายนะรู้จักไหม! เจ้าไปล่วง เกินคนเหล่านี้ที่ไหน แล้วลามมาถึงบ้านได้อย่างไร ทำอะไรไว้ ให้คนเขาต้องมาพัวพันไม่เลิกอยู่หน้าประตูจานรองเจ้ากรม เพื่อต้องการพบเจ้าให้ได้! เจ้ารู้ใช่ไหมว่า ข้ายังไม่ทันเข้าบ้าน เพิ่งลงจากเกี้ยวที่หน้าบ้าน ก็ได้ยินเพื่อนบ้านสองคนซุบซิบ นินทาแล้วว่า นางโลมของเรือสำราญว่านขุนมาที่บ้านข้า ยัง คลับคล้ายได้ยินชื่อเจ้าด้วย ดีที่ข้ารีบบอกให้บ่าวไปปิดปาก สองคนนั้นไว้ อย่าพูดให้ใครฟังอีก เพราะถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป จะขยายความจนใหญ่โต เจ้ารู้ใช่ไหมว่าชื่อเสียงของเจ้าจะ ในปี แล้วขาก็ต้องพลอยถูกโยงใยไปด้วย เฟยเอ๋อร์คนเดียวก็ ทำให้ข้าขายหน้าสุดๆ พอแล้ว ตอนนี้เจ้ายังจะมาเหยียบย่ำ เติมข้าอีก”
“ท่านพ่อ ลูกมิได้เป็นผู้ชาย ไหนเลยจะมีเหตุจูงใจให้ไป พัวพันและล่วงเกินแม่นางเหล่านั้น ลูกไม่รู้จักพวกนางด้วยซ้ำ อวิ๋นหว่านชินตอบ
อนเสวียนนั่งมองว่านางกำลังเล่นลิ้น จึงแค่นเสียงเย็นชาออกมา
ถงฮูหยินคิดว่า ระยะนี้คือช่วงเวลาสำคัญที่ลูกกำลังจะได้ เลื่อนตำแหน่ง ลูกจึงไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องทำนองนี้ได้ จริงๆ จึงพูดตำหนิขึ้นบ้าง
“ชินเอ๋อร์ เจ้าก็จริงๆ เลย ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าเจ้าอยู่แต่ใน บ้าน ไม่มีทางไปรู้จักคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าพวกนั้นหรอก แต่ตอนที่พวกนางมาหาเรื่อง เจ้าก็น่าจะรีบตะโกนเรียกผู้คุ้มกัน ให้รีบๆ ไล่พวกนางไปก็สิ้นเรื่อง ทําไมถึง…ถึงยังเชิญให้พวก นางเข้ามาอีก เรื่องนี้จะโทษพ่อเจ้าที่ด่าว่าเจ้าทำตัวไม่เหมาะ สมก็ไม่ได้”
อนหวานชนหันมองท่านย่า พลางค่อยๆ พูด
“ครั้งนี้เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ แม่นางเหล่านั้นถูกคนยุแหย่ ถึงได้เข้าใจข้าผิด เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องลุกลามชิ้นเอ๋อร์จึงรีบ เชิญให้พวกนางเข้ามาก่อน ถ้าขืนไล่พวกนางไปโดยที่พวกนาง ไม่ยินยอมแล้วล่ะก็ ครั้งหน้าพวกนางก็ต้องมาก่อกวนอีก ชิ้นเอ อร์คิดว่าทำเช่นนี้ ส่งผลดีในระยะยาว
ถึงฮูหยินคิดตาม ก็ถูกของนาง แต่อขึ้นเสวียนฉันไหนเลย จะฟัง อย่างไรคลิ้นหว่านชิ้นก็เชิญคนที่ไม่มีสกุลรุนชาติเข้า ประตูมา จึงยังโกรธไม่หาย
“ได้ยินบ่าวที่หน้าประตูบอกว่า ใบหน้าของแม่นางคนหนึ่ง พังเพราะใช้ครีมทาหน้าที่เจ้าทำ…แต่เจ้ากลับบอกว่า มีคนให้ ร้ายเจ้า ข้าก็ไม่รู้ละ รู้แต่ว่าหมู่นี้ เจ้าหมกมุ่นอยู่กับการปลูกต้นไม้ใบหญ้า ข้าก็ตามใจ อย่างก่อนหน้านี้ที่เจ้าไปบ้านสวน โย่วเสียน แล้วไม่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนดูแลน้องเจ้า วันทั้งวัน ยุ่งอยู่กับการให้คนไปพรวนดินในสวน ตรวจบัญชี ไปดูร้าน อีกทั้งยังตั้งกฎเพิ่ม แล้วไล่คนออกอีก ข้าเห็นว่าป้าหม่านั่นไม่ ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จริงๆ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ไม่เข้าไปยุ่งกับ เจ้า แต่ตอนนี้มันเกินไปจริงๆ กระทั่งผู้หญิงสกปรกพวกนั้น เจ้า ก็ยังเชิญให้เข้ามาได้
ถงฮูหยินได้ยินดังนี้ ก็รู้สึกกังวลใจ ด้วยรู้แล้วว่าลูกชาย ยังโมโหไม่หาย และคิดที่จะลงโทษลูกสาวสักตั้ง
จึงส่งสายตาให้หลานสาว พลางว่า
“ชินเอ๋อร์ ยังไม่ขอโทษพ่อเจ้าอีก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ