ตอนที่ 76-4 เลือกอนุ
เหลียนเหนียงไม่คิดว่าจะถูกคุณหนูใหญ่สอนเรื่องมารยาทเช่น นี้ จึงเงยหน้าขึ้นพร้อมท่าทางน่าเอ็นดู ใบหน้าเล็กๆ เท่าฝ่ามือ ขาวเนียนไร้ที่ติ ดวงตาใสกระจ่างดุจกระจก คลับคล้ายมีเมฆ หมอกบังตา กัดริมฝีปากเบาๆ แล้วว่า
“คุณหนูใหญ่ เหลียนเหนียงตื่นเต้นไปหน่อย ขออภัยด้วย
หน้าตาแม้ไม่นับว่าสวยมาก แต่ท่าทางที่อ่อนแอน่าสงสาร เช่นนี้ เหมือนกับชื่อนางคำว่าเหลียนที่แปลว่าน่าสงสารไม่มีผิด และท่าทางเช่นนี้ก็เป็นแบบที่ผู้ชายชอบเสียด้วย
อนหว่านชนหันมองลงฮูหยิน เมื่อได้รับอนุญาต จึงมอง ทั้งสามพลางว่า
“สิ่งที่สมาคมมาผอม สอนเป็นเพียงทฤษฎี แต่ที่บ้านนาย นี่ล่ะ ของจริง ใช่ว่าขายความน่ารักไร้เดียงสาแล้วนายจะเอ็นดู เสมอไป ไม่ควรโง่แล้วอวดฉลาด วันนี้เมื่อมาเป็นวันแรก ข้าก็ ถือโอกาสเตือนพวกเจ้าหน่อยว่า นายของบ้านนี้เป็นขุนนางใน ราชสำนักที่ใจซื้อมือสะอาด รักความยุติธรรม ทั้งคำพูดและ การกระทำล้วนถูกคนนอกจับตามอง จะเดินพลาดก้าวผิดไม่ได้ เพราะไม่ใช่มหาเศรษฐีมั่งคั่งร้อยพ่อพันแม่เหล่านั้น เมื่อเข้ามา ในจวน ไม่ว่าต่อไปพวกเจ้าจะได้เป็นบ่าว หรือเป็นอนุ ก็ต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม ร้อยเล่ห์เพทุบายสารพัดสารพันที่เรียนรู้ มาจากภายนอก อย่าเอามาใช้ในบ้านสกุลอวิ๋นเป็นขาด มิเช่น นั้นต่อไป แม้ผู้อาวุโสเมตตาและใจกว้างกับพวกเจ้า แต่ถ้าไม่มี วันปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!
ก่อนที่ทั้งสามจะถูกซื้อตัวมา เคยได้ยินป้าหลิวว่า ฮูหยิน ใหญ่ของบ้านสกุลอวิ๋นล่วงลับไปนานแล้ว ฮูหยินคนต่อมาหลัง จากป่วยหนัก ก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องพระ ไม่สนใจการบ้าน การเรือน และผู้ที่จัดการเรื่องหลังบ้าน ในตอนนี้ ก็มีเพียงผู้ อาวุโสที่เพิ่งมาจากชนบทกับอนุที่ค่อนข้างสูงวัย
ไหนเลยจะคิดว่าเบื้องหลังยังมีคุณหนูใหญ่ของบ้านสกุลอ วันคอยกำกับอยู่อีกคน มิหนำซ้ำยังร้ายกาจถึงเพียงนี้ พอมา ถึงก็ให้ทิ้งสิ่งที่เรียนมา ตั้งกฎใหม่ แล้วไม่ให้ใครโต้แย้งด้วย
พอเถาฮวาเห็นว่าเหลียนเหนียงมาถึงบ้านนายก็ถูกบีบให้ ยอมจำนนเช่นนี้ ตนก็ย่อมมีโอกาสมากขึ้น จึงได้ใจ ยกมุม ปากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเหล่ตามองเหลียนเหนียงพร้อม สีหน้าเย้ยหยันเล็กน้อย
ส่วนฮุ่ยหลาน ยังคงเป็นเช่นเดียวกับตอนแรก ดูประหม่า มึนงง ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เหมือนเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับ ตนเอง
ถงฮูหยินจึงบอกให้ทั้งสามถอยไปยืนด้านข้างก่อน จาก นั้นก็หันไปหารือเสียงเบา
“ชิ้นเอ๋อร์ เจ้าว่า สาวๆ ทั้งสามเป็นอย่างไรบ้าง
อวิ๋นหวานชื่นยิ้มพลางมอบอำนาจตัดสินใจให้ท่านย่า “หลานมิบังอาจวามพูด อยากฟังท่านย่าพูดก่อน” ฟังความ เห็นจากท่านย่าก่อน แล้วค่อยว่ากัน
แม้บอกให้หลานพูด แต่ถ้าหลานพูดก่อน ถึงฮูหยินต้องไม่ สบอารมณ์ ตอนนี้พอเห็นหลานรู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ก็ยิ่ง พอใจ จับถ้วยน้ำชาอุ่นๆ ไว้ในมือ พลางค่อยๆ พูด
“เดิมที่ข้าคิดว่าเถาฮวาอายุมากสุด รู้กาลเทศะมากสุด เหมาะที่จะแต่งเข้าเป็นอนุ แต่พอดูให้ถ้วนถี่อีกที ก็รู้สึกว่า ยิ่ง อายุมาก ความรู้สึกนึกคิดก็มากตาม ซับซ้อนไป เมื่อครู่ข้าเห็น นางลุกลี้ลุกลนก้าวออกมาประจบประแจง ไม่เหมือนหญิงสาวที่ อ่อนโยนเจียมเนื้อเจียมตัว….พฤติกรรมที่คนเป็นอนไม่พึงมีก็คือ ขวัญกล้าเทียมฟ้าและเหลี่ยมจัด มิฉะนั้นแล้วบ้านจะไม่สงบสุข เรื่องของไปฮูหยินเพิ่งผ่านพ้น ข้ายังติดอยู่ในใจ ถ้าเอาคน ใจแคบคิดไม่ซื่อมาอีก ก็แย่กันหมดพอดี! ส่วนเหลียนเหนียง ข้าเห็นว่านางไม่แก่งแย่ง ยอมเป็นคนสุดท้าย อ่อนโยน นอบน้อม พูดเสียงอยู่ในลำคอตลอด ไม่กล้าพูดเสียงดัง จึง ถูกใจข้าเป็นที่สุด เจ้าล่ะเห็นว่าอย่างไร
อนหวานชื่นยิ้ม “หลานกลับคิดต่างจากท่านย่า เมื่อท่าน ย่าดูนิสัยของเถาวาออกได้ในทันที ก็แสดงว่านางไม่ใช่คน ซับซ้อน ก่อกวนอะไรไม่ได้มาก เพียงภายนอกดูร้ายกาจ เท่านั้น คนแบบนี้จริงๆ แล้ว รับมือและกำราบได้อยู่หมัดสุด ส่วนคนที่ดูไม่ออก ในคราวเดียว ทำให้ท่านย่าหลงใหลได้ปลื้ม ว่าดีสุดนั้น กลับเป็นคนที่ทำให้เราต้องไตร่ตรองมากสุด
คำพูดนี้มีเหตุผล เพราะที่ถงฮูหยินตัดสินใจเลือกอนให้ ลูกชายนั้น นอกจากอยากให้มีทายาทแล้ว ก็อยากได้อนที่มี จิตใจดีและมีพฤติกรรมเหมาะสม ที่จะไม่ทำให้หลังบ้านยัง วุ่นวายอีก แต่จุดนี้ ตนกับหลานกลับคิดเห็นไม่ตรงกัน คิดๆ ดู จึงว่า
“เช่นนั้นเจ้าลองดูสิว่า จะแบ่งงานอะไรให้ทั้งสามคนทำดี ข้าคิดว่าจะให้พวกนางไปรับใช้ที่เรือนหลักก่อน เจ้าลองเสนอ มาดูหน่อยว่า จะให้พวกนางทําอะไร
ครั้งนี้อวิ๋นหว่านชิ้นไม่คิดจะยอมให้อีก จึงเรียกทั้งสามมา
เถาชวา ฮุยหลาน และเหลียนเหนียง ถูกเรียกให้มาพบ เป็นครั้งที่สอง จึงค่อนข้างกระวนกระวายใจ ทั้งสามรู้ว่าต้อง ถูกส่งให้แยกกันไปทำงานที่เรือนหลัก แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าจะ ให้ทำอะไร เช่นปรนนิบัตินายท่านข้างกาย ย่อมแตกต่างกับ ทํางานเบ็ดเตล็ดนอกเรือนมากโขอยู่
อนหว่านในหันมองเถาฮวาก่อน แล้วค่อยๆ กวาดตา
มองอีกสองคน
“เถาฮวาเป็นพี่ใหญ่สุด รู้งานมากสุด เรือนหลักมีเรื่อง จุกจิกมากมาย ต้องการคนละเอียดอ่อนหน่อย เจ้าคอยดูแล จัดการก็แล้วกัน….”
พอได้ยิน เถาฮวาก็แสดงท่าทางยินดีปรีดาออกมา ถ้าได้ อยู่ในเรือนหลัก ก็เท่ากับได้พบหน้านายท่านทั้งเช้าและเย็น ได้ ใกล้ชิดนายท่าน จึงพลันก้าวไปข้างหน้าโดยที่อวิ๋นหว่านในยังพูดไม่จบ คุกเข่าโขกศีรษะสองที “ขอบคุณคุณหนูใหญ่! ขอบคุณคุณหนูใหญ่
เป็นคนเก็บงำอะไรไม่ได้จริงๆ หลานสาวพูดไม่ผิด ถึง
หยินรู้สึก
เหลียนเหนียงขยับแก้มชมพู หนังตาจึงหลุบตาม แต่ สีหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรกับความโชคดีของเถาชวา เพียงก้มใบหน้าเล็กๆ ที่ขาวเนียนสวยลงไปอีก
อวิ๋นหวานซิ่นสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของนางแล้วเก็บ ไว้ในใจ ก่อนพูดเสียงเรียบ
“ส่วนอีกสองคน อย่างไรเป็นคนของเรือนหลัก จะอยู่นอก เรือน หรือในเรือน ก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นพวกเจ้าแบ่งงานกันเองก็ แล้วกัน ลองปรึกษากันดู
การให้แบ่งงานกันเอง จะได้ดูนิสัยของทั้งสองไปในตัว
นอกเรือน อยู่ห่างจากนายท่านหน่อย ตามความคิดของ คนทั่วไป ในเรือนย่อมดีกว่า แม้ทั้งนอกและในไม่มีงานสบาย แต่ถ้าได้ใกล้ชิด ก็ยิ่งมีโอกาสมากกว่า เหลียนเหนียงตัดสินใจ ได้ในทันที
อวิ๋นหว่านชิ้นจึงเห็นกับตาว่า เหลียนเหนียงที่ก่อนหน้านี้ เป็นผู้ถูกกระทำ หรือรอให้คนอื่นทำก่อน ครั้งนี้กลับหันมองฮุย หลาน เข้าไปจับมือนาง แล้วเขย่าเบาๆ พลางพูดเสียงเบา
“ฮุยหลาน ทำงานอยู่นอกเรือน ไม่รู้ว่าต้องเฝ้าประตูตลอดเวลาหรือเปล่า นอกเรือนแดดแรง ข้ามักปวดหัวอยู่ด้วย
ดูไปแล้ว ตอนอยู่สมาคมมาผอม ฮุยหลานน่าจะยอมให้ เหลียนเหนียงเสมอ อีกอย่าง คุณหนูใหญ่ก็บอกแล้วว่านอกใน ไม่ต่างอะไรกัน พูดอะไรมานางก็เชื่อหมด นิสัยไม่คิดมาก จึง พยักหน้า
“เช่นนั้นข้าอยู่นอกเรือน เจ้าอยู่ในเรือนก็แล้วกัน ไม่ต่าง อะไรกันมากนี่”
และแล้ว การปรึกษาหารือ ก็สามารถบอกได้ว่าใครเป็น
คนทะเยอทะยาน
พื้นที่หลังบ้าน ผู้ที่มีความทะเยอทะยาน ย่อมอยู่ไม่ได้
ชาติก่อน อวิ๋นหวานชื่นกับเหลียนเหนียงไม่เพียงไม่เคย ขัดแย้งกัน สุดท้ายเหลียนเหนียงยังลอบส่งจดหมายให้นาง เปิดโปงไปเสวี่ยฮุยอีก แต่นางรู้ว่า อนุรองทำเพื่อตัวเองเท่านั้น โดยความตั้งใจแต่แรกคือ ใช้ตนเป็นเครื่องมือ ลากไปเสงี่ย ยลงจากหลังม้า แต่ชาตินี้ ไปเสงี่ยฮุยถูกอวิ๋นหว่านในกำราบ ให้ไปอยู่ในห้องพระได้ก่อน และแม้ตอนนี้เหลียนเหนียงยังมิได้ คุกคามอะไรตน แต่อวิ๋นหว่านชิ้นก็รับประกันไม่ได้ว่า ถ้า เหลียนเหนียงได้เป็นอนุ ความทะเยอทะยานจะทำให้นาง เปลี่ยน หันมาทำร้ายน้องชายและคนอื่นๆ หรือไม่
เมื่อคาดเดาอะไรไม่ได้กับคนเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก และชาติ ก่อนอวิ๋นหว่านชิ้นก็เคยลิ้มลองมาแล้ว ชาตินี้ แม้คนผู้นี้ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ด้วยการกราบนางไว้
อนหวานชื่นจึงยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยขึ้น “ปรึกษากันเสร็จ แล้วใช่ไหม”
เหลียนเหนียงกัดริมฝีปาก ก้มหน้า แล้วบอกการตัดสินใจ ของพวกตนให้ฟัง
ริมฝีปากของอวิ๋นหวานชื่นปรากฏรอยยิ้มบางๆ แต่ลึกล้ำ
“ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่พวกเจ้าตกลงกันไว้ ฮุยหลานรับใช้ อยู่นอกเรือน เหลียนเหนียงอยู่ในเรือน ข้าจะบอกหน้าที่รับผิด ชอบให้ฟังคร่าวๆ นอกเรือนดูแลเรื่องการรับส่ง อาจต้องเข้า ออกๆ ส่งข่าว รายงานข่าว ส่วนในเรือน โดยทั่วไปก็ไม่มีอะไร ไปที่ครัวตรงชานเรือน ดูเตา เฝ้าของบนเตา คอยจับตาดู ไป ไหนไม่ได้เป็นอันขาด เพราะบ่าวในเรือนต้องไปตักน้ำ หรือยก น้ำชาให้นายเป็นครั้งคราว ข้าพูดเช่นนี้ พอจะเห็นภาพไหม รายละเอียดกับกฎระเบียบต่างๆ ไว้มอมอข้างกายท่านน่าจะ เป็นคนบอกพวกเจ้าเอง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ