ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 76-1 เลือกอนุ



ตอนที่ 76-1 เลือกอนุ

วันรุ่งขึ้น อวิ๋นเสวียนนั่งก็เชิญช่างก่อสร้างมาที่จวน

หลังห้องบูชาบรรพชนมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีเรือน

ว่างอยู่เรือนหนึ่งพอดี หนึ่งห้องโถงหนึ่งห้องนอน พ่วงด้วยห้อง

เล็กๆ กับห้องครัวเตี้ยๆ ที่มีคราบเขม่าควันติดผนัง จึงไม่

จําเป็นต้องต่อเติมอะไรอีก คงโครงสร้างเดิมแล้วตกแต่งเพิ่ม

เปลี่ยนประตูหน้าต่าง ทาสี ทำความสะอาด แล้วนำพระพุทธ

รูปกับรูปปั้นเทพเจ้ามาวาง ปูที่นอนหมอนมุ้ง คนก็ย้ายเข้าอยู่

ได้ทันที

ตอนถึงฮูหยินส่งคนไปบอกไปเสงี่ยฮุย ว่าอวันเสวียนนั่ง จัดการให้นางอยู่อย่างไรนั้น นางก็หน้าซีดตัวสั่นทันที ด้วยนึก มาตลอดว่า พอหัวหน้าไปเข้ามาจัดการ ตนก็จะพ้นโทษ ไหน เลยจะคิดว่ายังต้องถูกลงโทษต่อ ด้วยการกักบริเวณไว้ในจวน อีกรูปแบบหนึ่ง โดยคงสถานะฮูหยินไว้แค่ชื่อ

ซึ่งตนยังจะทำอะไรได้อีก อย่างไรก็ยังดีกว่าถูกไล่ออก จากบ้านสกุลอวิ๋น อย่างน้อยก็ยังรักษาตำแหน่งฮูหยินรองเจ้า กรมไว้ได้ วันนั้นน้องสาวก็บอกแล้วว่า “ให้ปล่อยวางสถานะ แล้วรอโอกาสพลิกสถานการณ์ คำพูดนี้เสมือนคำพูดปลุกใจ เสมือนเสียงกลองศึก ในหัวของไปเสงี่ยฮุย น้องสาวรับใช้ผู้สูง ศักดิ์ในวังมานาน ย่อมระวังตัวมากในการก้าวเดินแต่ละก้าวรู้จักเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจมากกว่าตนเอง ไปเส

วียฮุยจึงเชื่อนางหมดใจ พอคิดได้เช่นนี้ หนทางที่มืดแปดด้าน

ก็คล้ายเห็นพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ตรงหน้า มีความหวังอยู่บ้าง จึง

เงยหน้าขึ้น เปลี่ยนสีหน้าจากใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดขาว เป็น

สดใสและอ่อนโยนสุดๆ พร้อมเสียงละมุนละไม คล้ายเปลว

เทียนในสายลม

รบกวนช่วยบอกท่านแม่ด้วยว่า สะใภ้รับทราบแล้ว

พอมอมอผู้มาแจ้งข่าวเห็นปฏิกิริยาของไปฮูหยิน ก็ตกใจ ฮูหยินเปลี่ยนนิสัยแล้ว ไม่ร้องไห้โวยวาย ไม่บ่นไม่ว่า ยิ่งไม่ แตกตื่นขวัญเสีย จึงประสานมือ

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นช่วงบ่าย ข้าจะให้อาเถาย้ายเข้าไปพร้อม หยิน โดยมีอาหารการกินและข้าวของเครื่องใช้ได้ จัดเตรียม ไว้ให้แล้ว” ชะงักเล็กน้อย ตาชราเจ้าเล่ห์กลอกไปมา ก่อนพูด เป็นนัย “ภายในเรือนจัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ไม่ขาดไม่ เกิน แต่ถ้ามีปัญหาอะไร ฮูหยินก็บอกอาเถาตรงๆ อาเถาจะ จัดการให้ ผู้อาวุโสว่า ฮูหยินต้องกินเจสวดมนต์ ไม่ให้ใคร เข้าเยี่ยมคารวะ ปกติถ้าไม่มีเรื่องอะไร ก็ไม่ควรออกจากเรือน รวมทั้งวันงานประเพณีด้วย

นี่คือการกักขังให้ตายทั้งเป็น

แม้คำพูดแต่ละคำของมอมอที่อยู่ตรงหน้าเรียกตนว่า หยิน แต่เห็นชัดว่าน้ำเสียงและท่าทางได้ถือว่าตนเป็นคนนอก คนหนึ่งที่มาอาศัยอยู่ในจวนสกุลอวิ๋นไปแล้ว
หัวใจไปเสงี่ยฮุยเหมือนถูกกรีดจนเลือดไหลซิบๆ แต่ ใบหน้ากลับยิ่งอ่อนโยนและอ่อนน้อม หลุบตาลงพลางว่า “ได้ มอมอ

บ่ายวันนั้น ไปเสงี่ยฮุยก็ได้ย้ายเข้าไปในเรือนหลังห้อง บูชาบรรพชน เริ่มใช้ชีวิตสวดมนต์ไหว้พระและอยู่

อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

อย่าเคยมาเยี่ยมๆ มองๆ เรือนหลังนี้ แม้ผ่านการ ตกแต่งแล้ว แต่ก็ยังมีหญ้าขึ้นรกอยู่รอบๆ ผนังเสียหายบาง ส่วน เนื่องจากอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่เย็นและชื้น ปกติ ไม่มีใครเข้ามา แม้ก่อนมา อาเถาได้ทำความสะอาดแล้ว แต่ เงี้ยวเขี้ยวขอ หนู มดและแมลงต่างๆ ก็ยังชุมอยู่ อย่าว่าแต่ผู้ที่ เคยอยู่หรูหรามาก่อนอย่างฮูหยินเลย สาวชาวบ้านธรรมดามา เห็นก็ยังขนลุกขนพอง

ซูซย่ากลับมารายงานอนหวานชื่นว่า ช่วงหัววัน อาเถา ทำงานอยู่ในจวน ตกกลางคืนถึงจะแวะเข้าไป ไปเสงี่ยฮุยจึง อยู่ตัวคนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ ที่ที่รกร้างแบบนั้น ต่อให้ อยากเนรมิตให้มีชีวิตชีวา ก็มิได้ใช้เวลาแค่วันสองวัน

มอมอกลับไปรายงานสถานการณ์กับผู้อาวุโสที่เรือนตะวัน ตก โดยเล่าปฏิกิริยาของไปเสงี่ยฮุยให้ฟังอย่างละเอียด ลง หยินฟังแล้วก็เพียงหัวเราะเย็นชา

“นับว่ายังมีความอับอายอยู่บ้าง ครั้งนี้ถึงไม่ร้องไห้วิงวอน อีก แต่ขาก็ยังรู้สึกว่า แบบนี้ปรานีนางเกินไป อย่างน้อยนางก็ยังมีกิน มีใช้ มีที่ซุกหัวนอน ถ้ามิใช่เห็นแก่…เฮอ…รอลูกข้า ได้ตำแหน่งให้แน่นอนก่อน…” ประโยคสุดท้ายนางก็ไม่พูดแล้ว อนหวานชื่น ในตอนนี้ อยู่ในเรือนตะวันตกเช่นกัน

หลายวันมานี้ นางกับลงฮูหยินสนิทกันมากขึ้น โดยเริ่ม แรกนางเห็นแก่ตัวอยู่บ้างที่จงใจล่อหลอกให้ท่านย่ามา เพราะ ต้องการฉีกหน้ากากไปเสวี่ยฮุย ด้วยเห็นว่าถ้าในบ้านมีผู้ อาวุโสเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน โดยเฉพาะผู้อาวุโสที่ไม่ ประนีประนอม อาจทำลายดุลอำนาจหลังบ้านของไปฮูหยินลง ได้

ตอนท่านย่าเพิ่งมาถึงบ้านสกุลอวันนั้น นางรู้สึกค่อนข้าง เหินห่างกับท่านย่า แต่หลายวันมานี้ นางกลับรู้สึกว่าท่านย่ามี แง่มุมที่น่าทึ่งอยู่มาก มีจุดยืนของตัวเองและมีจิตใจเที่ยงธรรม แบบที่คนในเมืองไม่ค่อยมีกัน นางจึงมักมาที่เรือนตะวันตก มา พะเน้าพะนอท่านย่า

ซึ่งสำหรับอวิ๋นหวานชิ้นแล้ว การพะเน้าพะนอเช่นนี้ มิใช่

เรื่องเสียหายแต่อย่างใด เมื่อชอบใจใคร นางก็อยากทำอะไร

ให้จากใจจริง บางครั้งก็ดึงเสื้อท่านย่า ล้อท่านย่าเล่น ทำตัว

น่ารักกระจุกกระจิก อะไรก็ล้วนทำได้หมด วันนี้ยังนำยาแช่เท้า

มาให้โดยเฉพาะ บอกว่าตั้งแต่ท่านย่าเริ่มปวดข้อเข่า นางก็

ลงมือทำแล้ว และวันนี้สบโอกาส ได้นำมาให้ท่านย่าใช้รักษา

เข่าที่ปวดพอดี

เดิมทีถงฮูหยินไม่เชื่อ เพราะดูไปแล้วสมุนไพรหลากสี น่าจะแค่ดูสวยสะดุดตามากกว่า แต่ก็รู้สึกชื่นใจในความกตัญญู ของหลานอย่างบอกไม่ถูก จึงรับไว้

ตอนมอมอมาแจ้งข่าวเรื่องไปเสงี่ยฮุย อวิ๋นหวานชิ้นก็อยู่

ในห้องด้วย กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง เล่นกับอาชิง ป้อนส้มที่แกะ แล้วให้อาซิงกินทีละกลีบ พอได้ยิน ก็ยิ้มตาหยี โน้มตัวไปยัง ส้มหนึ่งกลีบใส่ปากท่านย่า

“ท่านย่าลองชิมดู หวานใช่ไหม”

ถึงฮูหยินรู้ว่าหลานสาวพยายามเบี่ยงเบนประเด็นสนทนา เพื่อไม่ให้ตนต้องเสียอารมณ์อีก จึงกัดส้มไป

สองที ความเปรี้ยวหวานที่กลมกล่อมของน้ำส้มซึมซาบ เข้าสู่ลิ้น ไหลลงไปในลำคอ ทำให้ชื่นใจ พอเห็นอวิ๋นหว่าน ชิ้นยิ้มหน้าบาน ก็สะกิดเรื่องที่อยู่ในใจให้อดคิดไม่ได้ จึงยิ้ม พลางว่า

“ยังคงเป็นชิ้นเอ๋อร์ที่รู้ใจคนแก่เป็นที่สุด คุณชายรองมู่ห รงนั่นดูคนไม่เป็นจริงๆ ข้าชักอยากรู้แล้วว่า ต่อไปใครกันหนอ จะได้เป็นผู้โชคดีที่ได้แต่งกับชิ้นเอ๋อร์ของข้า

เดิมคือวิ๋นหว่านชิ้นไม่อยากหน้าแดง แต่เมื่อผู้อาวุโสของ บ้านถามถึงเรื่องเนื้อคู่ สาวน้อยที่ยังไม่ออกเรือนถ้าไม่หน้าแดง ก็จะดูแปลกประหลาดไป จึงก้มหน้าลง หัวเราะ

ถึงฮูหยินก็หัวเราะ “อายหรือ เอาล่ะๆ ย่าไม่พูดแล้ว ไม่ ได้การ ย่ายิ่งมองดูเจ้า ก็ยิ่งเห็นอาการหน้าแดงเพราะใจเต้นแรงของเจ้า รอให้พ่อเจ้าจัดการเรื่องยุ่งๆ นี่ให้เสร็จเรียบร้อย ก่อน ย่าจะทำการเลือกคู่หมั้นให้เจ้า

อนหวานชิ้นจึงเงยหน้าขึ้น “ท่านย่า หลานไม่รีบ ข้อแรก ที่บ้านเพิ่งเกิดเรื่องมากมาย ท่านพ่อก็กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่ง ต้องยุ่งมากๆ ข้อสอง หลานอายุยังน้อย ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้อง รีบคว้าใครมาแต่งงานด้วย

ถึงฮูหยินสันศีรษะ “อะไรไม่รีบ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผู้ หญิงเราก็ช่วงนี้ล่ะ สดใสอย่างนี้ถ้าไม่รีบหมั้น จะรอให้เหลือง ก่อนค่อยหมั้นหรือ ถึงตอนนั้นเจ้าก็ต้องโกรธยากับพ่อเจ้าแน่ พูดก็พูดเถอะ ตอนนี้ก็ได้แต่ให้เจ้าดูไปก่อน ถ้าเจอคนดีๆ ค่อย ดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ได้บอกให้เจ้ารีบแต่งสักหน่อย แต่ จะว่าไป อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เฟยเอ๋อร์ที่ไม่เก่งนั่น อายุน้อย กว่าเจ้า ยังออกเรือนไปแล้ว ข้าถึงบอกว่าเจ้าอายุไม่น้อยไป

อนหว่านเฟยนั่นทำตัวเอง เพราะกลัวว่าจะแต่งกับคนที่ ไม่สูงส่งพอ จึงพยายามปีนป่าย สุดท้ายหมดหนทาง จนต้อง ยัดเยียดให้เขาไป แต่อนหว่านชื่นกลับไม่รีบร้อนสักนิด ยังคง ความคิดเดิม ไม่วอกแวก ยอมไม่มี ดีกว่ามีแล้วไม่ได้คุณภาพ ถ้าได้ไม่ดี ยอมไม่เอา ถ้างานแต่งงานในอนาคตของตนเป็น เช่นดังชาติที่แล้ว เช่นนั้น ที่ตนเกิดใหม่ในครั้งนี้ จะมีความ หมายอะไร

เมื่อถึงฮูหยินเห็นหลานสาวไม่พูดไม่จา จากประสบการณ์ ทำให้นึกเอะใจ จึงถามด้วยความสงสัย
“ชินเอ๋อร์จ๊ะ หรือเจ้ามีใครอยู่ในใจแล้ว

เด็กสาวในวัยนี้ ตกหลุมรักง่าย แม้คุณหนู ในเมืองต้องอยู่ ในกฎเกณฑ์มากมาย ไม่เหมือนเด็กสาวในชนบทของไทโจว ที่ อยู่นอกบ้านทั้งวัน แต่ก็น่าจะมีโอกาสได้เจอหนุ่มๆ บ้าง ยิ่ง หลานสาวเป็นคนเก่ง การพูดและการกระทำไม่เหมือนเด็กๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้านางจะดึงดูดใจผู้ชาย

อวิ๋นหว่านในรีบสั่นศีรษะ “ท่านย่าพูดอะไรก็ไม่รู้ หลานจะ ไปรู้จักกับใครในใจอะไรนั่นได้อย่างไรกัน

ถงฮูหยินเห็นสีหน้านางจริงจัง ไม่เหมือนกำลังพูดปด จึง ถอนหายใจพลางพยักหน้า

“ก็ใช่ ใช่ว่าใครต่อใครจะเป็นเหมือนเฟยเอ๋อร์ของเรา ทำ อะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ยั่วยวนผู้ชายก่อนแต่ง กระทั่งเรื่อง แบบนั้นยังทำไปได้ เฮ้อ…

พอได้ยินคำว่า “เรื่องแบบนั้น ในใจอวิ๋นหว่านชิ้นก็คล้าย ถูกสะกิด หัวสมองวาบ ปรากฏภาพตนเองตอนอยู่บนรถม้า ยามค่ำคืน ในหมู่บ้านสกุลเกา…จึงใจลอยไปบ้าง แต่นี่จะกล่าว โทษตนไม่ได้ ต้องโทษคนผู้นั้น ที่เมาแล้วขาดสติ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ