ตอนที่ 73-3 สถานะอนุคนโปรดและ ชะตากรรม
เผยฮุยกับหญิงจึงรวมพลังกันยกลังไม้ขนาดสามศอก สูงราว หนึ่งศอกเข้ามา
พอเปิดออกดู ของเหล่านี้ยังไม่ถึงกับทำให้อวิ๋นหว่านเฟย โกรธจนควันออกหู แค่ยกมือ พบ ปัดของที่อยู่ในลังพลิกคว่ำ แต่คิดๆ ก็ยังไม่หายแค้น จึงดึงม้วนผ้าห่มปักลายออกมา แล้ว หยิบกรรไกร คิดจะตัด
หยิงรีบโผเข้าห้าม ก่อนส่งสายตาให้เสียชุ่ยรีบนลังไม้ ออกไปเพื่อความปลอดภัย นี่เป็นของขวัญที่ผู้อาวุโสจัดเตรียม ไว้ให้ และพรุ่งนี้เช้า ฟ้ายังไม่ทันสาง ก็ต้องนำไปไว้ที่จวนกุย เต๋อโหวก่อน จึงเสียหายไม่ได้
พอเผยชัยวิ่งออกไป อวิ๋นหว่านเฟยก็เขวี้ยงกรรไกรลงบน พื้น เสียงดัง แคร้ง ก่อนสาปแช่งอย่างดุเดือด
“นี่เป็นสินสอดที่สกุลอวิ๋นเตรียมไว้ให้! ดี ดี! แต่ละคนพา
กันดูถูกอนุอย่างช้า ต่อไปถ้าข้าได้เลื่อนตำแหน่งล่ะก็ อย่ามา นับญาติกับข้าล่ะ! ยายแก่นั่น หญิงบ้านนอกบ้าบอนั่นอีก ยัง มีนังตัวดีที่เรือนผู้หญิง…ข้าจะให้พวกมันแต่ละคนไม่ตายดี!
หญิงทนไม่ไหว “คล้ายคุณหนูใหญ่เป็นคนเสนอนะเจ้าคะผู้อาวุโสถึงได้เตรียมให้เช่นนี้
ว่าแล้วก็พูดความหมายของขวัญทั้งสามอย่างให้ฟังแบบ เดียวกับต้นฉบับเจ้าของความคิดไม่ผิดเพี้ยน
พอฟังจบ อวิ๋นหว่านเฟยก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เข ยงของมัวชั่วอีกรอบ ไม่ง่ายเลยกว่าที่ใหญิงจะเตือนสติจนสงบ
พอเห็นอารมณ์นางชะงักไปพักหนึ่ง ก็ลองพูดเสียงต่ำ “คุณหนูรอง พรุ่งนี้จวนโหวจะมารับคนแต่เช้า คืนนี้ท่าน น่าจะไปพบหน้าฮูหยินหน่อย ต่อไปคงยากที่จะพบหน้ากันอีก
อวิ๋นหว่านเฟยถูกสินสอดในลังทำให้โกรธจนสำลัก สินสอดเพียงเท่านี้ถ้าส่งไป มีถูกคนในจวนกุยเพื่อโหวหัวเราะ เยาะจนฟันร่วงหรือ โดยเฉพาะภรรยาของมู่หรงอัน ท่านหญิง ที่มาจากจวนอ๋องนั่น ซึ่งเดิมที่ตนคิดใช้สินสอดที่มารดาเตรียม ไว้ให้อย่างอลังการ ผงาดขึ้นมายืนอยู่แถวหน้า แต่ตอนนี้เป็น ไงล่ะ ทุกอย่างกลายเป็นเถ้าธุลีไปหมด!
จะว่าไป ต้องโทษมารดา ที่ดันมามีเรื่องในตอนนี้ ส่งผล
ให้ตนต้องซวยไปด้วย
อนหว่านเฟยรู้สึกกระวนกระวายใจ จึงเหวี่ยงวีนไม่หยุด “มองอะไร มีอะไรน่ามอง ใช่ว่าลูกสาวอย่างข้าอยากต่อว่านาง แต่นางเป็นฮูหยินรองเจ้ากรมอีท่าไหน ถึงได้ถูกหญิงบ้านนอก สองคน กับเด็กสาวอายุสิบกว่าปีเหยียบจนมิด! จนต้องตกอยู่ ในสภาพเช่นนี้ นางโดนคนเดียวไม่พอ ยังพาให้ข้าพลอยโดน ไปด้วย! ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ข้าไหนเลยจะมีสินสอดแค่ล้งเดียว แล้วข้างในยังมีแต่ผ้าห่วยๆ หยาบๆ อีก ถ้าข้าเอาของพวกนี้เข้าบ้านสามี จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ใคร ยังจะเห็นหัวข้าอีก!
หญิงตกใจมาก ที่นางเห็นแก่ตัวเช่นนี้ ปกตินึกว่าคุณหนู รองแค่ดื้อด้านเอาแต่ใจตัวเอง คิดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นไม่มีน้ำใจ กับแม่บังเกิดเกล้า วันนี้ตนบังเอิญได้เจออาเถาที่ดูแลฮูหยิน ใน ห้องเล็กข้างห้องบูชาบรรพชน ซึ่งกำลังเดินออกมาเอาอาหาร อาเถาบอกว่าหลังจากฮูหยินเลือดออก ปากแผลอักเสบ คล้ายบางส่วนติดเชื้อ สองวันนี้จึงไข้ขึ้น ตัวร้อนไม่หาย สะลึมสะลือ อยากนอนตลอด
ยาที่ท่านหมอให้ไว้ในคืนที่มาตรวจอาการแท้ง อาเถาต้ม ให้ฮูหยินกินก็แล้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จึงวานใหญิงให้ช่วย บอกคุณหนูรองหน่อย ให้นางหาโอกาสไปขอนายท่าน ให้หา หมอตำแยที่ดีกว่านี้มารักษาฮูหยิน
แต่ดูจากท่าทางของคุณหนูรองในตอนนี้ จะเสี่ยงไปหา นายท่านเพื่อขอหมอคนใหม่ให้แม่หรือ ขนาดแค่ไปเยี่ยมแม่ ยังไม่ยอมไป ทว่าหยิงไม่ใช่คนใจดำ รับปากอาเถาแล้ว และ ทนไม่ได้จริงๆ ที่จะปล่อยให้ฮูหยินไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวเป็น ครั้งสุดท้ายก่อนออกเรือนไป จึงยังคงเอ่ยปากเตือน
“คุณหนูรองเจ้าคะ ได้ยินอาเถาว่าฮูหยินเป็นไข้ตัวร้อน แต่ก็ยังเค้นแรงที่มีอยู่ทั้งหมดเรียกแต่ชื่อท่าน อย่างไร ท่านไป ดูนางหน่อยเถิด”
พอได้ยินว่ามารดาป่วยหนัก อวิ๋นหว่านเฟย สงบปาก สงบลง แต่ก็ยังลังเลอยู่นาน ก่อนขมวดคิ้ว
“ใช่ว่าข้าอกตัญญูหรือไม่มีหัวใจ แต่เรื่องที่ท่านแม่ทำร้าย
คน เป็นความผิดร้ายแรง ถ้าอยู่นอกบ้าน ไม่ได้เป็นฮูหยิน ป่านนี้ถูกโยนเข้าคุกไปแล้ว สภาพหมิ่นเหม่แบบนี้ ข้าจะไป เยี่ยมได้อย่างไร วันนั้นเจ้าไม่รู้หรอก ข้าไปที่เรือนหลักแค่ครั้ง เดียว ท่านย่าก็พาคนบุกเข้ามาใหญ่โต น่ากลัวมาก…ข้าก็ พลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย สินสอดถูกตัดจนเหลือแค่นี้ ถ้าไป เยี่ยมนางอีก แล้วถูกใครเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะถูกลงโทษเช่นไร แต่เอาเถอะๆ สักพักพอเจ้าออกไป ก็คิดหาวิธีไปเจออาเถา วานนาง ให้บอกท่านแม่ว่า อย่าคิดมาก รักษาตัวเองให้ดี อดทนไว้ หลังจากขาเข้าจวนโหวแล้ว จะหาโอกาสมาเยี่ยม นางเอง”
ขนาดอยู่บ้านห่างกันไม่กี่ก้าว ก็ยังไม่ยอมไปเลย แล้วยัง จะหวังให้นางออกเรือนแล้วกลับมาเยี่ยมอีกหรือ หญิงลอบ ทอดถอนใจ ก่อนเปลี่ยนความคิด
“คุณหนูรองมิใช่กำลังกังวลใจว่าสินสอดน้อยไปหรือ เกรงว่าพอแต่งไปแล้วจะไม่มีสมบัติติดตัวไว้ให้อุ่นใจ บ่าวขอ พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดเรื่องหนึ่ง อย่างไรฮูหยินก็อยู่ในจานรอง เจ้ากรมมาสิบกว่าปี สินสอดที่เตรียมไว้ให้ท่าน ก็ใช่ว่าจะเป็น ทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมด
พอได้ยิน ควนหว่านเฟยก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า มารดาอาจยังมี ทรัพย์สินที่ทำไว้อย่างแน่นหนาอยู่ สาวใช้นางนี้หัวดีมาก จึงพลันเต็งตัวขึ้น จากที่ขี้เกียจสันหลังยาวอยู่ “ไป ไปห้องบูชา บรรพชนกัน”
ฝนฤดูใบไม้ร่วงหยุดตกแล้ว ท้องฟ้ายามค่ำคืนดุจอัญมณี เม็ดใหญ่ ใสเหมือนถูกล้าง ดวงดาวดารดาษ
ห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง อยู่ติดข้างห้องบูชาบรรพชน หน้า ร้อนหลบลมร้อนไม่ได้ หน้าหนาวหลบลมหนาวไม่ได้ หลังคามี รอยรั่วซึม กันลมฝนไม่ได้ ฝนจึงสาดเข้ามาบ่อยๆ เป็นที่ที่ใช้ ยังเถามอมอในช่วงแรก
ไปเสวี่ยฮุยเหมือนซากศพอย่างไรอย่างนั้น เอนหลังอยู่ที่นี่ มาหลายวันแล้ว นอกจากอาเถาที่มาส่งข้าวส่งน้ำและป้อนยา ให้กินวันละสองเวลาแล้ว ก็ไม่มีใครถามถึงอีก
วันนี้พอตกดึก ไปเสวี่ยฮุยก็เจ็บแผลขึ้นมา ขณะกำลังนอน ครางอยู่บนที่นอนเก่าขาด ประตูก็ส่งเสียงดัง แอ๊ด” พอยืนยก ศีรษะขึ้นดู ก็พบว่าเป็นลูกสาว
อวิ๋นหว่านเฟยสะเทือนใจสุดจะเปรียบ เมื่อเห็นสภาพ มารดา ไหนเลยจะคิดว่า ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน นาง จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ หลายวันก่อนตอนที่ยังไม่ถูกลากตัวมา ที่นี่ ตอนอยู่ในเรือนหลักนั้น ยังมีความเป็นผู้เป็นคนอยู่บ้าง แต่สภาพที่เห็นตรงหน้า อเนจอนาถยิ่งกว่าตอนที่ตนถูกขังให้ อยู่แต่ในห้องเสียอีก
ผมเผ้าของไปเสงี่ยฮุยพันกันยุ่งเหยิงจนกลายเป็นก้อน สังกะตังและมีกลิ่นเหม็น ด้วยไม่ได้สระมานานหลายวัน กระทั่งมีผมขาวแซมอยู่หลายเส้น ตาโหล เบ้าตาลึก ริมฝีปากแห้ง แตก
เดิมทีนางเป็นคนผอมอยู่ แต่นั่นเป็นรูปร่างผอมเพรียวที่ ทำให้บุรุษหลงใหล แต่หลังจากแจ้ง ร่างกายนางก็มีสภาพดุจ เปลวเทียนที่สั่นไหวในสายลมแบบเดียวกับเหล่าหญิงชรา ผิว พรรณสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งเ** ยวสุดๆ แกลงร่วมสิบยี่สิบ ปีเห็นจะได้
พอไปเสงี่ยฮุยเห็นลูกสาว ก็ดีใจยิ่ง “เฟย เฟยเอ๋อร์…มา แล้ว รีบ รีบเข้ามาหาแม่เร็ว พ่อเจ้ากับย่าเจ้าเห็นเจ้าหรือ เปล่า”
อนหว่านเฟยได้กลิ่นอะไรๆๆ น่าจะเป็นปัสสาวะราด แต่ ยังไม่ได้ทำความสะอาด จึงกลั้นหายใจ แล้วพูดห้วนๆ แค่ “แม่” จากนั้นก็หลบไปนั่งริมเตียง ห่างออกไปหลายศอก ไม่ กล้าเข้าใกล้
ไปเสวี่ยฮุยดูออกว่าลูกรังเกียจตน แต่กลับไม่ตำหนิอะไร ด้วยลูกถูกเลี้ยงอย่างตามใจจนเคยตัวมาแต่เด็ก จึงเป็น ธรรมดาที่จะรับไม่ได้ ลูกมาในเวลานี้ได้ กกตัญญูพอแล้ว
ทว่าหยิงกลับรู้สึกสะทกสะท้อนใจอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช้ เพราะตนพูดเปรยๆ ว่า ฮูหยินอาจยังมีทรัพย์สมบัติเหลืออยู่ คุณหนูรองไหนเลยจะมา นางไม่ได้มาเพราะกตัญญูเอาใจใส่ แต่มาปล้นต่อต่างหาก ฮูหยินช่างน่าสงสารจริงๆ
และแล้ว ยังนั่งได้ไม่ทันไร อวิ๋นหว่านเฟยก็เล่าให้ไปเสวียฮุยฟังว่า ท่านย่ายึดสินสอดของตนไป และให้โต๊ะเครื่อง แป้ง ผ้าห่มปักลาย กับมุ่งกระโจมเป็นของขวัญวันออกเรือน แทน ตามคำแนะนำของอวิ๋นหวานชื่น จากนั้นก็พูดเข้าประเด็น ทันที ใบหน้าเรียวแหลมขาวเล็กพลันบีบเข้าหากัน ก่อนเค้น น้ำตาออกมาสองหยด
“ท่านแม่ ถ้าลูกนำของพวกนี้เข้าบ้านสามีไป ภายหลังก็ ต้องอยู่อย่างเชิดหน้าชูตาไม่ได้แน่ ท่านแม่ลองดูให้หน่อยว่า ยังพอจะมีหนทางอะไรอีกบ้าง
แม้ไปเสวี่ยฮุยป่วยจนเลอะเลือน ก็ยังเดาได้ว่า ลูกสาวมา แบมือขอเงิน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ ที่แท้ลูกสาวที่ตนให้ กำเนิดและเลี้ยงดูมา พอถึงยามคับขัน กลับไม่คิดที่จะช่วย เหลือนาง และไม่ได้มาถามไถ่ทุกข์สุขกับนางจากใจจริง แต่มา เพื่อปอกลอกนาง
แต่ก็ไม่มีหนทางอื่น ในเมื่อนางมีลูกสาวเพียงคนเดียวที่ พึ่งพาได้….
การเตรียมสินสอดให้อวิ๋นหว่านเฟยในครั้งนี้ แม้แทบจะ ล้างกรุสมบัติน้อยๆ ของนาง แต่นางยังมีทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ ยังมิได้นำออกมาจริงๆ
เป็นเงินจำนวนไม่น้อยที่ฝากไว้กับธนาคารอเหา ซึ่งนาง แลกออกมาเป็นตั๋วแลกเงิน แล้วนำมาเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยซึ่ง ไม่มีใครรู้ เคราะห์ดีที่นางทำเช่นนี้ มิเช่นนั้น ต้องถูกหญิงชรา ยึดคืนกลับไปไว้ในคลังของจวนสกุลอนแน่
ทรัพย์สินส่วนนี้จะชี้วแตะต้องไม่ได้เด็ดขาด…เพราะตอน นางไม่เหลืออะไรแล้ว จึงต้องมีเงินเพื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ถ้าไม่มีเงินส่วนนี้ ก็เท่ากับนางหมดสิ้นแล้วทุกสิ่งอย่างจริงๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ