ตอนที่ 71-3 ตกเลือด
ใบหน้าเรียวสวยของไปเสวี่ยฮุยซีดขาว
ในใจแม่สามี ที่แท้ก็ไม่เคยเห็นตนเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกต้อง ตามประเพณีมาแต่ไหนแต่ไร อย่างมากก็เห็นตนเป็นเพียง เครื่องมือผลิตหลาน หลังจากที่เมียของลูกชายเสียชีวิต
และตนที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอ มีแผนร้ายในใจมาครึ่งชีวิต ไหนเลยจะรู้ว่าวันนี้กลับถูกหวงน้าสี่เล่นงานด้วยวิธีเดียวกัน จึง โกรธจนปวดท้องน้อยเฉียบพลัน ต้องทรุดลงนั่งอย่างเสียไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประจำเดือน ใกล้มา บวกกับอารมณ์พลุ่ง พล่านหรือเปล่า ถึงได้ปวดเป็นทวีคูณ สุดท้ายก็ต้องเอามือขึ้น มากุมท้องจนได้ อยากลุกก็ลุกไม่ขึ้น
เมื่อหวงน้าสี่เห็นสถานการณ์เปลี่ยน ก็โล่งอก แต่ยังคง จู่โจมศัตรูต่อ ด้วยการเงยหน้าขึ้น น้ำตายังไม่ทันแห้งเหือด ก็ บีบออกมาอีก
“น้องสะใภ้ อันที่จริง พี่ก็ไม่อยากพูดหรอก แต่เจ้าพูดอยู่ ได้ว่าท่านแม่ไม่มีความเป็นธรรม เช่นนี้พี่ก็ต้องแจงสี่เบี้ยต่อ หน้าทุกคนแล้ว จะได้รู้กันไปว่า ใครกันแน่ที่มีแผนในใจ บ่าว บ้านเจ้าบอกเองว่า อีกไม่กี่วันจะส่งกลับบ้าน นี่ถ้าไม่เรียกว่า ไล่ แล้วจะเรียกว่าอะไร ซึ่งถ้าพี่กลับไปแล้ว จะมีหน้าพบใครได้ อีก จะอธิบายอย่างไรว่าทำไมถึงกลับมาคนเดียว สะใภ้ที่กระทั่งบ้านน้องสามียังอยู่ไม่ได้ ต้องชั่วร้ายจนยากคบหาขนาด ไหน! เจ้าจะบีบให้พี่ตาย ให้พี่ถูกเพื่อนบ้านหัวเราะเยาะหรือ เจ้าว่าพี่มีแผนในใจ ถูก พี่ก็ต้องมีบ้างล่ะ เพราะต้องการพิสูจน์ อะไรบางอย่าง แล้วก็พบว่า ก่อนพลบค่ำพ่อบ้านในจวนเจ้าไป ยังที่ทำการไปรษณีย์ ส่งจดหมายไปไห่โจว แจ้งให้สามีพี่รู้ก่อน จากนั้นก็ค่อยลวงให้พี่กลับบ้าน ถูกไหม! เรื่องแบบนี้ พี่ไม่เชื่อ ว่าน้องรองเป็นคนทำ น่าจะเป็นความคิดของน้องสะใภ้ มากกว่า!”
มีบ่าวปล่อยข่าวออกไป
ไปเสงี่ยฮุยตกใจ พยายามข่มความไม่สบายตัวและไม่ สบายใจ “ผู้ใดพูดจาเหลวไหล
หวงน้ายังไม่ทันตอบ อาจก็รีบเอ่ยปากช่วยมารดา โต้ตอบอาสะใภ้ “ก็บ่าวของกายญาติผู้พี่คนนั้นไง! คนที่นั่งรถ ม้าคันเดียวกับเราตอนออกนอกบ้านน่ะ
เป็นนังสารเลวที่ไม่ถูกเฆี่ยนตีจนตายนั่นอีกแล้ว! ครั้งก่อน ก็ทำร้ายลูกสาวข้า ครั้งนี้ยังมาทำร้ายข้าอีก? น่าจะได้ยินมาจา กม่อไคไหล! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ต้องเป็นอวิ๋นหว่านในบงการอยู่ เบื้องหลังแน่!
ไป๋เสงี่ยฮุยแค่นเสียงเย็นชาออกมาสองที่
อนหว่านชื่นได้ยินดังนี้ ก็รู้ว่าแม่เลี้ยงต้องรีบให้คนไป ตามตนอย่างแน่นอน แต่กลับเรือนไปตอนนี้ก็ไม่ทัน หลบ ไม่ทัน จึงไม่ทำอะไรมาก จัดชุดกระโปรงให้เรียบร้อย แล้วเดินนำชูซย่าเข้าไปในเรือนหลัก
“คุณหนูใหญ่…”
“ญาติผู้พี่…”
โอ๊ะ ที่แท้ก็อยู่ข้างนอก กำลังดูเรื่องสนุกๆ อยู่ล่ะสิ ไปเส วี่ยฮุยเกลียดนัก
ใต้แสงโคมตรงระเบียงทางเดิน คุณหนูใหญ่คล้ายปัด แก้มสีชมพูสดใสชั้นหนึ่ง สีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความกังวลใดๆ ให้เห็น เดินตัวเบา ไม่ช้าไม่เร็ว เหมือนบังเอิญเดินผ่านเรือน หลักเมื่อครู่ แล้วได้ยินเสียงคนโต้เถียงกัน จึงเข้ามาดู
อนหวานชิ้นถอนสายบัว ให้อวิ๋นเสวียนนั่งกับท่านย่าที่อยู่ บนชานเรือน แล้วว่า
“ซิ่นเอ๋อร์ได้ยินเสียงดังจากเรือนท่านพ่อ จึงเดินเข้ามา แต่ก็ยืนลังเลอยู่นาน ไม่กล้าเข้า พอได้ยินว่าเรื่องนี้คล้ายเกี่ยว กับเมียวเอ๋อร์ จึงถือวิสาสะเดินเข้ามาถาม
“หึ บังเอิญจริงนะ” ไปเสงี่ยฮุยคิดลากคนให้ลงเรือลำ เดียวกัน “บ่าวที่เจ้าเพิ่งเอาไปอยู่ด้วย เที่ยวพูดจาเหลวไหลใน บ้าน บอกอาจว่าข้าจะไล่พวกนางสามแม่ลูกกลับบ้านอะไรกัน! แล้วหันมองอวิ๋นเสวียนนั่ง พลางเปลี่ยนสีหน้า “ท่านพี่เจ้าคะ เมี่ยวเอ๋อร์ไม่ได้ทำผิดเป็นครั้งแรก เห็นชัดว่ามีคนสั่งให้นางทำ ครั้งก่อนก็ยุให้เฟยเอ๋อร์ไปจวนโหว หรือครั้งนี้ยังจะยกโทษให้ นางอีก!”
อวิ๋นหวานชิ้นหัวเราะพลางก้าวเข้าหาอาจ อาจจะ สาวใช้
ของข้าคนนั้นเคยบอกเจ้าหรือว่า อีกไม่กี่วันฮูหยินจะไล่พวกเจ้า
สามแม่ลูกไป พูดแบบนี้หรือเปล่า นางไม่มีเหตุผลที่จะพูดแบบ
นี้กับเจ้านี่ ไหนเจ้าลองเล่าเหตุการณ์ในช่วงบ่าย ที่พวกเจ้าสอง
คนคุยกันให้เราฟังอย่างละเอียดหน่อยจะได้ไหม
อาจจึงเล่าตามตรง “นางไม่ได้พูดแบบนี้สักหน่อย ตอน นั้นขาเบื่อๆ จึงใช้ลำไม้ไผ่วาดภาพบนทรายไปคุยกับนางไป บอกว่า จวนรองเจ้ากรมไม่มีอะไรน่าสนุก เบื่อจะตายชัก นางก็ ยิ้มแล้วว่า อีกไม่กี่วันพอข้าตามแม่กลับบ้านไป ก็จะไม่เบื่อแล้ว ข้าก็ว่า ท่านย่าเคยบอกว่าเรายังไม่รีบกลับ นางก็ว่า ถงฮูหยิน ไม่กลับหรอก”
อนหวานชื่นหันมองลงฮูหยินกับอวิ๋นเสวียนนั่ง “ท่านพ่อ กับท่านย่าก็ได้ยินแล้ว เดี๋ยวเอ๋อร์บังเอิญเจออาจที่หลังเรือน พอเห็นนางมีท่าทางเบื่อหน่าย ก็เอ็นดูเข้าไปปลอบสองค่า บอกว่าถ้าอีกไม่กี่วันได้กลับบ้านก็ไม่เบื่อแล้ว ซึ่งนี่เป็นแค่คำ พูดปลอบใจ ไม่ได้หมายความว่าอีกไม่กี่วันจริงๆ ส่วนที่บอ กว่าถึงฮูหยินไม่กลับนั้น น่าจะเป็นเพราะเห็นอาจเข้าใจผิด จึง พูดเสริมไป โดยตั้งแต่ต้นจนจบ เดี๋ยวเอ๋อร์ไม่เคยพูดว่า ฮูหยิน จะไล่ป้าสะใภ้กับลูกๆ กลับเลย เพียงแต่คนบางคนชอบเบี่ยง เบนประเด็น ก็เท่านั้น
เล่นลิ้น เล่นลิ้นชัดๆ! ไปเสงี่ยฮุยกำลังจะซักค้าน แต่โทน เสียงเปลี่ยนและอวิ๋นหว่านในปากไวกว่า ยกมุมปากขึ้น เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ พลางมองนางนิ่งอย่างมีนัย
“บ่าวของข้าอยากมากก็แค่พูดไม่เก่ง พูดโดยไม่ทันคิด แต่บังเอิญไปเปิดโปงเรื่องไม่ดีของใครบางคนเข้า อย่าหาว่า ข้าพูดตรงๆ เลย ที่ครั้งนี้บ้านเราเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้น ญาติผู้ น้องบาดเจ็บ ท่านย่าโกรธ ผู้ที่จุดชนวน ควรเป็นพี่เฉียว ทว่า เหตุใดคนทั้งบ้านทะเลาะกันวุ่นวาย แต่กลับลืมผู้ที่เป็นต้นตอ ของปัญหาไปได้!?”
คำพูดนี้พอหลุดจากปาก ไม่เพียงสลายข้อกล่าวหาเรื่อง หัวโจกของเมียวเอ๋อร์ ยังทำให้ลงฮูหยินหูตาสว่าง ก็ดีเหมือน กัน ลากบ่าวสุนัขนั่นออกมา แล้วโยนความผิดให้ ปัญหา ความไม่สงบของบ้านจะได้หมดสิ้นลง ทุกคนจะได้มีบันไดให้ ลงจากเวที ปิดฉากเรื่องนี้ให้จบๆ ไป จึงตัดสินใจเอ่ยปาก
“ในเอ๋อร์พูดถูก เราหลงทางกันหมด มองข้ามคนทำผิด จริงๆ ไป ยังไม่ไปลากบ่าวนั่นออกมาอีก
พี่เฉียวนึกว่าเรื่องที่ตนพลั้งมือทำร้ายคุณชายน้อยจะเป็น หมันไปแล้ว เมื่อมีฮูหยินคอยปกป้องเสียอย่าง
จะกลัวไปทำไม ฮูหยินเกลียดชังสะใภ้หวง ย่อมไม่ตำหนิ ตนให้สะใภ้หวงได้หน้า แต่ตอนนี้ไฉนตนถูกบ่าวในบ้านหิ้วตัว ออกจากที่พักคนรับใช้มายังเรือนหลัก
พอมาถึง พี่เฉียวก็กวาดตามองไปรอบๆ รอบด้านคล้าย ถูกปิดตาย ผู้ที่ควรมา ล้วนมากันหมด จึงตะลึงงันชั่วขณะ พอ จะเดาได้ว่า ทุกคนกำลังจะลงมือแล่เนื้อเถือหนังตน
“ฮูหยิน…นายท่าน…ท่านย่า” พี่เฉียวคุกเขาเสียงดังกึก “อวัยวะบนใบหน้าที่แก่กว่าวัยเพราะฤทธิ์สุรา กระจุกรวมกัน เห็นแล้วทั้งเศร้าทั้งตลก “บ่าวไม่ได้ลงมือกับคุณชายน้อยจริงๆ มันเป็นอุบัติเหตุจริงแท้แน่นอน คุณชายน้อยไม่ทันระวังเอง ถึง ได้ชนกับกำแพงเข้า…”
“บ่าวสุนัขเหิมเกริมจริงๆ ยังพูดจาเล่นลิ้นอีก! ถ้าเจ้าไม่ แย่งไม่จับ อาเม่าจะไม่ทันระวังได้อย่างไรกัน บ่าวที่กล้าล่วง เกินนาย โทษถึงตาย!
สตรีที่สามารถครองตัวเป็นม่ายเพียงลำพัง ลำบาก ตรากตรำเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองจนเติบใหญ่ จนคนหนึ่งได้เป็น ขุนนางในเมืองหลวง ย่อมไม่ใช่สตรีที่อ้อนแอ้นอ่อนแอ หญิง ชราเพิ่งมาถึงบ้านลูกชายคนรองได้ไม่นาน จึงมีบารมีดุจนาย ของบ้าน ตะคอกเสียงดังออกมา
เมื่อพี่เฉียวเห็นฮูหยินหลับตาลง หน้าซีดขาว มีเจตนา สลัดตนออก โดยไม่สนใจอีก ก็ตกใจ ตอนอยู่บ้านสวน โย่วเสีย น ตนยอมทน ให้เฆี่ยนตี เพราะคิดเสมอมาว่ามีฮูหยินเป็นที่พึ่ง แต่ตอนนี้กลับไม่มีแล้ว เห็นทีตนอาจหนีความตายไม่พ้น
“สะใภ้รอง อย่างไรบ่าวคนนี้ก็เป็นคนของเจ้า เจ้ามักพูด ว่าข้าลำเอียง ดี ครั้งนี้ข้าขอถามเจ้าก่อน จะได้ไม่ถูกเจ้าเอาแต่ ว่าข้าไม่เป็นธรรมอีก เจ้าว่า บ่าวเช่นนี้ ควรลงโทษหรือไม่ ลงโทษอย่างไร”
ถึงฮูหยินแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ