ตอนที่ 69-5 แสดงเป็นนางจิ้งจอก
พออวิ๋นหวานชิ้นกลับถึงเรือนผู้หญิง ก็เจอคนจีนจังที่เพิ่งกลับ จากโรงเรียนพอดี ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเพราะเขาได้ยินเรื่องราว นอกบ้านในวันนี้ของพี่สาว จึงรีบวางตำรา แล้ววิ่งมาหาทันที
หลังจากเห็นว่าพี่สาวไม่เป็นไร อวิ๋นจีนจึงค่อยเบาใจลง ขณะกำลังจะเดินกลับ อวิ๋นหว่านในครั้งตัวเขาไว้ ยิ้มพลางว่า “พี่อยากถามอะไรเจ้าเรื่องนึง
อวิ๋นจีนจึงคิดว่าพี่สาวคงต้องการทดสอบอะไรเขา จึงรอ
รับฟัง
ซึ่งอวิ๋นหวานชื่นก็คิดทดสอบเขาจริงๆ แต่มิใช่บทเรียนใน ตำรา นางกะพริบตา
“จิ่นจ้ง ดินดำเป็นดินระเบิดชนิดไหน
อวิ๋นจิ่นจังอึ้ง
ที่โรงเรียนมีวิชาหนึ่งชื่อ ความรู้ทางการทหาร เนื้อหาส่วน หนึ่งสอนเกี่ยวกับดินระเบิดชนิดต่างๆ แต่มิได้เป็นวิชาที่ใช้ สอบแข่งขันเข้าเป็นขุนนาง อาจารย์จึงไม่ให้ความสำคัญ แต่ เขากลับสนใจมาก และยากนักที่ท่านพี่จะเอ่ยปากถาม เขาจึง ตอบด้วยความมั่นใจทันที
“ปัจจุบันต้าเซวียนมีดินระเบิดสามชนิด แบ่งเป็น ดินระเบิดแรงต่ำ ดินระเบิดแรงสูง และดินปืน ดินปืนคือดินระเบิด ที่ต้องยัดเข้าไปในลำกล้องแล้วยิงออกมา เป็นอาวุธพิสัยไกล ปกติใช้ในสนามรบ ดินระเบิดแรงสูง คือดินระเบิดที่มีแรง ทำลายล้างสูง กินพื้นที่ในวงแคบ ดินระเบิดแรงต่ำ อยู่กลาง ระหว่างสองชนิด แรงทำลายล้างต่ำกว่า แต่กินพื้นที่กว้างกว่า ส่วนดินดา หรือพลุ เป็นดินระเบิดแรงชนิดหนึ่งที่มีราคาแพง เพราะส่วนผสมที่ใช้นั้นหายาก
“อ้อ หมายความว่าดินดำนี่ คนธรรมดาไม่ค่อยใช้กัน
“อืม” อวิ๋นจีนจึงพยักหน้า “ส่วนผสมราคาแพง ทำก็ยาก สรุปแล้ว นอกจากดินปืน ก็มีดินดำนี่ล่ะ ที่ถือว่าราคาสูง อาจารย์ว่า ดินระเบิดชนิดอื่นๆ ชาวบ้านหลายคนพอจะหาซื้อ มาใช้กำจัดหนูตามท้องไร่ท้องนาได้ แต่ดินดำนี้ ผู้ใช้มากกว่า ครึ่ง เป็นพวกเล่นแร่แปรธาตุ…ท่านพี่ ท่านถามเรื่องพวกนี้ไป ทำไม”
พวกเล่นแร่แปรธาตุ? คนมีเงิน มีเวลา ชอบคิดค้นสาร แปลกๆ ก็มีแต่บรรดาเศรษฐีลูกผู้ดี หรือแม้แต่คนในราชวงศ์ อย่างในอดีต ฮ่องเต้ที่ปรารถนาอายุยืนยาวหลายพระองค์ ก็ ล้วนชอบเล่นแร่แปรธาตุ
อวิ๋นหว่านในครุ่นคิดสักพัก จึงยิ้ม แล้วว่า “ก็ทดสอบเจ้า
ตกลงเป็นฉินอ๋องหรือเปล่า
หลังจากกลับมา นางก็ตรึกตรองให้ถ้วนถี่ แต่เหมือนไม่ใช่เขาอยู่ดี เพราะถ้าเป็นเขา เหตุใดถึงต้องมาที่โรงละคร ด้วย ส่งคนมาจัดการก็สิ้นเรื่อง ขืนใครพบเห็นเข้า จะยุ่งกันไป ใหญ่
ทว่า…ถ้าเกิดเรื่องกับรัชทายาท ผู้ที่ได้ประโยชน์ ก็มีแต่ ฉินอ๋องกับเว่ยอ๋อง
หรือจะเป็นเว่ยอ๋อง? แต่ข่าวว่าเรื่องเหมืองแร่ที่เขาชิงเหอ เว่ยอ๋องเองยังเอาตัวไม่รอด ได้แต่สงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ใน จวนทั้งวัน ด้วยเกรงว่าจะตกเป็นเป้าสายตาผู้อื่น ในเวลาเช่นนี้ ไหนเลยจะกล้าทำเรื่องแบบนี้อีก
แต่ ไม่ว่าจะเป็นฉินอ๋องหรือไม่ แค่เรื่องที่เขาสะกดรอย รัชทายาท ก็มั่นใจได้อย่างแน่นอนว่า เขาคือ พยัคฆ์หรือสุนัขป่าตัวหนึ่งที่นั่งยองๆ ในที่มืด และพร้อมที่
จะกระโดดออกมาตะครุบเหยื่อทุกเมื่อ
ถ้ามิใช่เพราะกลัวว่านางจะโดนระเบิดบาดเจ็บ เขาก็คง ไม่ปรากฏตัวเพื่อดึงนางออกไป อวิ๋นหว่านชิ้นก็คงไม่รู้ว่า นอกจากคอยจับตาดูขุนนางแล้ว เขายังจับตาดูรัชทายาทด้วย
อวิ๋นหว่านชิ้นปวดเศียรเวียนเกล้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชาติที่ แล้ว ก่อนตนเสียชีวิต เคยติดหนี้บุญคุณเขาไว้หรือไร ชาตินี้ ระยะห่างระหว่างตนกับเขาถึงได้แคบเข้ามาเรื่อยๆ ราวกับว่า ตัดกันไม่ขาด
วันต่อๆ มา คนในจวนก็ล้วนเก็บความคิดที่แตกต่างกันไว้ภายในใจ และเพราะตกใจจนขวัญเสียไปบ้าง ต่างคนต่างจึง อยู่แต่ในเรือนของตน บรรยากาศจึงเงียบสงบไปหลายวัน
เนื่องจากวันที่อนหว่านเฟยต้องออกเรือน ใกล้เข้ามา เต็มที่ ไปเสงี่ยฮุยจึงวิ่งวุ่นจนหัวปั่น เตรียมของที่ต้องใช้ในวัน แต่งงานลูกสาว
เมื่อบ้านมีลูกสาวที่ต้องแต่งไปเป็นอนของผู้อื่น ถ้าบ้านที่มี ฐานะดีหน่อย ก็จะเตรียมข้าวของให้ลูกสาวติดไม้ติดมือไป ด้วย แต่เช่นนี้ไม่เรียกว่าสินสอด โดยทั่วไป พิธีแต่งงานในด้า เซวียน ถ้าอนุว่าของจากบ้านตนไปด้วย จะเรียก “สินส่วนตัว ถ้าตำแหน่งสูงขึ้นมาอีกขั้น เป็นอนุคนโปรด ก็จะเรียก “สิน สมรส” หมายถึง เพิ่มสินสอดให้ฝ่ายชาย ซึ่งการเรียกทั้งสอง แบบก็ล้วนมีความหมายดูหมิ่นอยู่บ้าง
แต่สรุปแล้วก็คือ โดยทั่วไปบ้านฝ่ายหญิงจะไม่ยอมให้เอา อะไรไปมากมาย ด้วยรู้ว่าสถานะของลูกสาวต่ำต้อย ไปบ้าน เขาก็ต้องตกอยู่ใต้อำนาจเขา ยิ่งเอาของไปมาก ก็ไม่แน่ว่าของ นั้นจะตกอยู่กับลูกสาว อาจลงทุนไปเปล่าๆ ปล้ำๆ ให้ผู้อื่นได้ เปรียบอีก!
ไปเสงี่ยฮุยก็คิดเช่นนี้ แต่อวิ๋นหว่านเฟยกลับคิดแต่ว่าตน ไปในสถานะพิเศษ ลดแลกแจกแถมหน่อยจะเป็นไรไป กลัวก็ แต่เข้าบ้านเขาแล้ว จะถูกคนที่บ้านเขาละเลย จึงรบเร้าให้ เพิ่มสินสมรสเข้าไปอีก
เดิมทีเมื่อสองปีก่อน ไปเสงี่ยฮุยหมายปองบ้านสวน โย่วเสียน มรดกตกทอดของสวีฮูหยิน เตรียมฉวยโอกาสขณะอน หวานชิ้นยังไร้เดียงสา อ้อนวอนขอเอาจากนาง แต่ตอนนี้ยัง ตัวลึกลับโตขึ้นในชั่วข้ามคืน อีกทั้งสมองใสกว่าลิงอีก เอ๋ย ปากขอไม่ได้แน่ จึงคิดเข้าทางท่านพี่ ลองดูว่าพอจะตอดเล็ก ตอดน้อยสมบัติเก่าของสวีฮูหยินได้หรือไม่
ทว่าอวิ๋นเสวียนนั่งที่ไม่พอใจให้ลูกสาวไปเป็นอนของจวน โหวอยู่เป็นทุนเดิม พอเห็นว่าแม้แต่ของขวัญสักชิ้นจวนโหว ไม่ส่งมา เพียงเปิดประตูไว้รับคนเท่านั้น แล้วนับประสาอะไรที่ ตนต้องให้สินสมรสพร้อมลูกสาวด้วย ให้สกุลมู่หรงได้เปรียบ เพิ่ม!
ดังนั้น อย่าว่าแต่มรดกของภรรยาผู้ล่วงลับเลย แม้แต่ สิ่งของพื้นฐานติดตัวก็ไม่อนุญาตให้เอาไปมากมาย อวิ๋นเสวี ยนนั่งปฏิเสธอย่างเดือดดาล
ไปเสวี่ยฮุยตกอยู่ในสภาพ ขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังต้องเสีย ข้าวสารไปอีกกำมือ มิหนำซ้ำยังกล่อมลูกสาวไม่สำเร็จอีก จึง ได้แต่แอบนำทรัพย์สินที่ตนเก็บสะสมไว้ทั้งหมดในสองสามปี มานี้ ให้เป็นสินสมรสแก่อวิ๋นหว่านเฟยไป และพอเตรียมของ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย **บสมบัติของนางก็แทบจะว่างเปล่า
คิดๆ แล้วนางก็โมโหจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อก่อนมักคิดว่า สามารถพึ่งพาลูกสาว และได้กำไรจากการออกเรือนของ ลูกสาวบ้าง ไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะต้องหมดเนื้อหมดตัวเช่นนี้ ลูกล้างลูกผลาญจริงๆ!
ส่วนอวิ๋นหว่านเฟย นางไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครเป็นผู้ให้สิน สมรสมา อย่างไรแต่งเข้าไปแล้วไม่ขายหน้า นางก็ดีใจแล้ว เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองอีกครั้ง
ไปเสงี่ยฮุยนักหนาว่า ให้นางเก็บรักษาไว้ให้ดี นี่ เป็นสมบัติของนางเอง อย่าให้ผู้อื่นมาเอาเปรียบเป็นอันขาด แต่นางกลับตอบทำนองดูแคลน
“ท่านแม่ ลูกไม่ใช่เด็กสามขวบ ที่จะให้ใครมาเอาเปรียบ ได้สักหน่อย!”
ไปเสวี่ยฮุยรู้ว่าลูกสาวถูกตามใจจนเคยตัว จึงมักโอ้อวด เสมอ ทำอะไรก็ไม่ค่อยได้เรื่อง จึงได้แต่เลือก หญิง สาวใช้ ในบ้านที่คล่องแคล่วหน่อยให้ติดสอยห้อยตามไป บอกให้นาง คอยจับตาดูคุณหนูรองตอนอยู่ในจวนโหวให้ดี อย่าให้คุณหนู รองหลงกลคนนอกได้ หญิงพยักหน้ารับคำหมึกๆ
และเนื่องจากไปเสวี่ยฮุ่ยต้องง่วนอยู่กับเรื่องเตรียมออก เรือนของอวิ๋นหว่านเฟย ถึงฮูหยินจึงยกเว้น ไม่ต้องให้สะใภ้ รองมาคารวะทั้งเช้าและเย็นในทุกๆ วัน ว่างตอนไหนก็ค่อยมา
พอไปเสงี่ยฮุยได้ยิน ก็ดีใจยิ่ง รีบทำตามแทบไม่ทัน เพราะประการแรก นางจะได้ไม่ต้องรับใช้หญิงชรา ประการที่ สอง นางจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับหวงน้า อารมณ์จึงค่อยๆ ดขน
พอหวงน้าสี่เห็นน้องสะใภ้อารมณ์ดี ก็รู้สึกไม่พอใจ เรื่อง เสื้อผ้าในวันนั้น ตนยังไม่ได้คิดบัญชีกับนาง
บรรยากาศในจวนเพิ่งเงียบสงบได้ไม่กี่วัน อาเมาก็ทนไม่
ไหว ก่อเรื่องขึ้นจนได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ