อังคณาโง่เขลาเบาปัญญาเอามากๆ การตอบสนองที่ รวดเร็วฉับพลันของจาร ทำให้เธอรู้สึกว่ามันไร้เหตุผล
ไม่ใช่ว่าจารวีจะคิดถึงและเฝ้าคอยเวลาที่จะเจอยศพล่ ตลอดเวลาหรอกเหรอ เพราะเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ แล้ว จารวีก็น่าจะโล่งใจถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ
แต่ว่าทําไม พอเห็นแล้วต้องวิ่งด้วย
อังคณาเตรียมที่จะขึ้นรถ ทันใดนั้นข้างหลังก็มีมือยื่นออก มาสองมือดึงเธอไปด้านหลัง แล้วมีเงาดพุ่งเข้ามาแทน ยศ พลพุ่งเข้าไปในรถอย่างไม่เกรงใจและไร้สามัญสำนึก
ดวงตาสีดำของยศพลจ้องมองจารวีอย่างกับจะฆ่าให้ตาย “ออกรถสิ!”
อังคณาไม่ได้ขึ้นรถ เธอไม่กล้าขึ้นรถอย่างแน่นอน
“ลงจากรถนะ ฉันไม่รู้จักนาย” จาร ออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่
“ไม่รู้จักฉันเหรอ พวกเราทำกันมาตั้งกี่ครั้งละ เธอไม่รู้จักฉัน จริงๆเหรอ” ยศพลพูดออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“แกอย่าเล่นเยอะเลยววี เขาก็แค่ งน่ะ ลงจากรถเถอะ!”
“ออกไป!” ยศพลตวาดอังคณา
จารวีผลักไหล่ของยศพล “ออกไป ฉันไม่อยากเจอหน้า
“เห้ย ไอ้ยศพล นายกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน” อังคณา ตบกระจกหน้าต่างรถเบาๆ
ยศพลเปิดหน้าต่างรถแล้วโยนเงินเป็นฟอนให้อังคณา “เธอหาทางกลับเองนะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับจารวี”
พอมองไปทียศพลทีเกรี้ยวกราดและอ่านาจมหาศาส อังคณาก็ทําได้แต่ก้มไปหยิบเงินก้อนนั้นแล้วโบกรถกลับบ้าน เอง
เขาลากจารมานั่งที่นั่งข้างคนขับอย่างเผด็จการ แล้วเขาก็ เข้าไปนั่งที่นั่งฝังคนขับเอง
จากนั้นเขาก็สตาร์ทรถอย่างช้าๆ อยากจะไปไหน” ยศพลเอ่ยถาม
จาร หรี่ตามองเขาอย่างเย็นชา โดยไม่ได้พูดอะไร
“พูดมาสิ ไปหาที่เงียบ ๆ คุยกัน ถ้าเธออยากถามอะไร ฉันก็ จะตอบเธอทุกคําถาม
จารวีไม่กล้าจะมองเขาอย่างเชื่อสนิทใจ พูดชัดเจนแบบนี้ก็ ดี เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเขาอย่างไร้สาระไปอีกหลายปี
จารวีไม่กล้าจะขัดขวางเขา ความรักที่เธอให้ไปในหลายปีที่ ผ่านมานี้ ท้ายที่สุดก็ต้องกลับมาทำให้มันชัดเจน
ในใจของเธอมีความเศร้าโศกเล็กน้อย
รถจอดอยู่ที่บ้านที่มีถนนเก่าเส้นหนึ่ง ที่นี่มีร้านกาแฟเล็ก
ๆ ที่อยู่กลางแจ้งมากมาย ร้านแถวนี้ดูสวย สง่างาม และค่อน ข้างจะเงียบสงบมาก ๆ
ศพลงจอดรถ แล้วก็ไปนั่งข้างกายจาร โต๊ะสําหรับบ กาแฟ
“จะดีมอะไร”
“ลาเต้ละกัน!” จารวีเอ่ย หลายปีมานี้ เธอชินกับการดื่ม กาแฟแล้ว
ในตอนที่เธอยุ่งมากและทุกข์ทรมานมาก เธอก็ต้องการ กาแฟมาทําให้เธอตื่น แต่การดื่มแค่แก้วสองแก้วมันไม่ได้ ทําให้เธอตีน เธอต้องการสามถึงห้าแก้วถึงจะทําให้สมองเธอ ตื่นและกระชุ่มกระชวยต่อไปได้
จารยกมือขึ้นมาบังแสงอาทิตย์ที่เข้าตา นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเธอจะมีวันนี้ วันที่เธอยังต้องการกาแฟเพื่อทำให้ตัวเอง น และกระชุ่มกระชวย
“ฉันเคยพูดที่ไหน” สายตาที่หล่อเหล่าของยศพลจ้องมอง ใบหน้าของจารอย่างจริงจัง
“นายพูดไว้ตอนจะจากกัน ทำไมนายถึงทิ้งฉันให้เหงาอยู่ที่ เมืองเอสคนเดียว หรือว่าเพราะนายจะแต่งงานกับผู้หญิงคน
“ที่เธอพูดน่าจะหมายถึงโซฟีใช่มั้ย! ฉันไม่แต่งงานกับหล่อน หรอก” ยศพลเอ่ย
ในที่สุดจาๆ ก็โล่งใจและถอนหายใจออกมา ภูเขาที่อยู่ใน
ใจของเธอถูกยกออกมาแล้ว
“ที่จริงแล้ว ตอนนั้นฉันติดเชื้อไวรัส HIVE ไวรัสตัวนั้นมัน แพร่กระจายทางทางเลือดและของเหลวในร่างกาย.. ยศพล
พูดอย่างจริงจัง ทำให้จารวีตกใจมาก
“นายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”
ยศพลยิ้มมุมปาก จนเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เซ็กซี่และฟันขาวๆ
“ในตอนที่เธอเพิ่งจะได้รับการวินิจฉัยจากหมอ ฉันก็ถูก หมอสั่ง ให้แยกจากเธอ แต่ฉันอดใจไม่ได้ ฉันต้านทานสิ่งล่อ ตาล่อใจอย่างเธอไม่ได้ ฉันยอมตาย ถ้าไม่ได้อยู่ข้างกาย เธอ”
ยศพลคุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย จารวีเหงื่อแตกไปทั้ง ตัว ผู้ชายคนนี้ไม่เต็มบาตรจริงๆ….
ก็เห็นๆ อยู่ว่าถ้าเขามีเพศสัมพันธ์กับเธอที่มีเชื้อ ก็จะทําให้ ตัวเองติดเชื้อได้ เขาก็ยังกระโจนเข้ามาคร่อมและร่วมรักกับ เธอชาแล้วข้าเล่า!!
แล้วนายมีอาการในภายหลังเหรอ”
“บางทีร่างกายของฉันอาจจะดีกว่าเธอเยอะ ตอนนั้นฉันยัง
ไม่รู้ เอาแต่จะช่วยเธอกลับมา เธอยังจําได้มั้ย ว่ามนต์ตรีได้ เจอกับฉันครั้งนั่งก่อนที่มันจะฆ่าตัวตาย
จารวีพยักหน้าอย่างจริงจัง “จําได้ดีเลยล่ะ ตอนนั้นฉัน ถามนายมาตลอด ว่าเขาเรียกนายมาพบหาไม แต่นายก็ไม่เคยบอก ”
ยพลหัวเราะเบาๆ มันบอกว่า ฉันกับเธอไม่มีทางได้อยู่ ด้วยกัน แล้วมันก็บอกฉันว่าฉันติดเชื้อไวรัส HVE และโรคนี้ ไม่มียารักษา
จารก้มหน้าด้วยความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เพราะเธอ เป็นเพราะเธอที่นําพาความทุกข์ทรมานมาให้กับ
จริง ๆ แล้ว ฉันน่ะไม่กลัวเชื้อไวรัส HVE หรอกนะ ฉันก็แค่ ไม่อยากจะแพร่เชื้อไวรัสนี้ให้เธออีก ตอนนั้นพ่อของฉันรู้ เรื่องนี้ เขาเลยขัดขวางงานแต่งของพวกเราตั้งแต่ต้นเลย ดัง นั้นเขาเลยพาฉันกลับปารีสอย่างหมดหวัง
“พ่อของนายก็อยู่ปารีสเหรอ”
ยศพลพยักหน้าอย่างจริงจัง
ฟังฉันพูดให้จบก่อนนะ หลังจากกลับมาปารีส เขาก็ จัดหาคนมารักษาฉัน สองปีถัดมา สภาพร่างกายฉันดีขึ้น แล้ว แต่เขาก็ยังห้ามไม่ให้ฉันไปเจอเธอ ถ้าเกิดฉันติดต่อเธอ ไป เขาก็จะส่งคนมาฆ่าเธออีก และก่อนหน้านี้ที่คนของเธอ ถูกลอบฆ่าครั้งนั้น พ่อฉันส่งคนมาฆ่าเองแหละขอโทษนะ ในช่วงปีที่ผ่าน ๆ มา ฉันต่อสู้มาตลอด อยากจะให้เรื่องวุ่น ๆ จบก่อนแล้วค่อยมาหาเธอ และตอนนี้ฉันใกล้จะมัน สําเร็จแล้ว
ยศพลจดจ้องด้วยความรัก มือใหญ่ของเขากุมมือจาร
วีแน่น
“ฉันคิดว่า อีกไม่นานพวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เธอจะไม่ ต้องได้รับความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว
จารวี กมือกลับมา แล้วมองเขาอย่างเคืองๆ
“ไอ้เลว ก็รู้อยู่ว่าฉันคิดถึงนายขนาดไหน ไม่นึกเลยว่า นายจะไม่โทรมาแม้แต่สายเดียว ข้อความก็ไม่เคยส่งมา โปสการ์ดสักใบก็ไม่มี เอาแต่หลบๆซ่อนๆอยู่แบบนี้ นาย ปล่อยให้ฉันเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายอยู่คนเดียว นายโหด ร้ายเกินไปแล้วนะ”
“ขอโทษนะ วิ ฉันผิดไปแล้ว! ให้อภัยฉันเถอะนะ”
ยศพลทําเหมือนเด็ก เพิ่งทําผิด แล้วมองจารวีด้วยสายตา ทีอ้อนวอน
จารวีลุกขึ้นยืน แล้วมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
“เจ็ดปี นายรู้มั้ย…ฉันต้องทรมานคนเดียวถึงเจ็ดปี ฉันไม่มี วันจะให้อภัยนายหรอก”
พูดจบจารวีก็หันหลังแล้วเดินจากไป
ยศพลมองร่างจารวีที่เดินไปถึงหน้าประตูด้วยความเจ็บ
ปวดทรมาน ในช่วงเวลานั้น เขาก็คิดถึงเธอมากเหมือนกัน
ความรักทําให้คนกลายเป็นคนโง่ มันก็เหมือนกับยาพิษที่ ไม่มีใครต้านทานได้
จารวีกลับไปที่ที่พักของตนแล้วเห็นอังคณานั่งอยู่ที่บันไดที่ หน้าประตูนิ่ง ๆ เธอถึงจะนึกออกว่าลืมอะไรไป
ในตอนนั้นเธอถึงจะนึกขึ้นมาได้และรีบขอโทษขอโพย อังคณา ที่แท้เธอก็ลืมเอากุญแจบ้านให้กับหล่อน
“อังคณา ขอโทษจริงๆนะ ฉันกลับมาช้าไปหน่อย
อังคณาไม่ได้ถือสาเลยแม้แต่น้อย เธอยืนขึ้นแล้วฉีกยิ้มจน
ตาติ “เธอกับยศผลคุยกันเป็นยังไปบ้าง
สีหน้าของจารวีไม่ค่อยดี เธอหยิบกุญแจแล้วเปิดประตู จาก นั้นก็ช่วยอังคณาบนกระเป๋าเดินทาง
“ไม่ค่อยดี!”
“ทําไมล่ะ”
“เธอไม่เห็นเหรอ ผู้หญิงที่อยู่กับเขาน่ะ”
ในใจของจารวีทุกข์ทรมานมาก ตัวเธอเองก็บอกไม่ได้ว่า เพราะอะไร
พอคิดถึงเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา เห็นๆอยู่ว่าเขามีโอกาสที่จะ บอกกับเธอ เขายังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ในขณะที่เธอได้แต่ตาม หาเขาไปทั่วทั้งโลกอย่างกับคนโง่
จิตใจของเขาอ่ามหิตเกินไปแล้ว
จารวีนั่งหงอยเหงาเศร้าซึมอยู่บนโซฟา โดยมีอังคณานั่งอยู่
ข้างกายเธอ
“งั้นแกคิดจะทํายังไงต่อไป
“ฉันไม่รู้ ในใจฉันยุ่งเหยิงไปหมด ตอนนี้ในหัวของฉันไม่มี ความคิดอะไรเลย
“เคๆ ฉันไม่ถามแกละ ไปพักผ่อนเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรที่ แก้ไขไม่ได้หรอก นอกจากนี้นะ การที่คนสองคนจะอยู่ด้วย กันได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แกก็คิดทบทวนดูให้ดีนะ”
“อือ”
จารวี าลังครุ่นคิดอย่างหมกมุ่น
พอนึกถึงช่วงสองสามปีที่ผ่านมาที่เธอใช้ชีวิตแบบตายทั้ง เป็น เขากลับมีชีวิตที่เป็นอิสระและอยู่ข้างนอก ใน ใจของเธอก็มีความรู้สึกที่
ในคืนนั้น อยู่ดีๆ ก็มีคนมาลูบใบหน้าของเธออย่างนุ่มนวล
อ่อนโยนและทะนุถนอม
จารวีตกใจจนลืมตาขึ้นมา ท่ามกลางความมืดมิด มีร่างสูง ใหญ่ยืนอยู่ข้างเตียงของเธอ
มือมาสะบัดมือเขาออกไป
นายไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย
ผู้ชายคนนี้เกิดปีชวดรึเปล่านะ เขามักจะทําตัวลึกลับเป็น สายลับ ปรากฏตัวอย่างลึกลับแต่ก็กลับหายตัวไปโดยไม่ทัน รู้ตัว เขาทําแบบนี้บ่อยจนเธอหาทางขวางไม่ให้เขาไปไม่ได้ แล้ว
ยศพลไม่ได้เอามือออกไป กลับโน้มตัวลงมา แล้วนั่งอยู่ข้างกายเรือ
“หูนายมีปัญหารึไง ไม่ได้ยินที่ฉันไล่นายเหรอ” จารวีพูด ออกมาอย่างโกรธเคือง
“จะไปได้ยังไง ฉันจะไปจากเธอไปไหนอีกแล้ว… กระซิบเบาๆ ข้างๆ หูเธอ ” ยศพล
คนเรามีเวลาอยู่ไม่มาก เขาจะไม่ยอมจากเธอไปอีกแล้ว
“ฉันวางแผนจะพาเธอกลับไปที่คฤหาสน์โพธิสูง ไปพบพ่อ ของฉัน จากนั้นค่อยเจรจากันเรื่องงานแต่งของพวกเรา”
ยศพลพูดอย่างจริงจัง จารวีเอาผ้าห่มมาบังหน้าที่น้ำตา คลอของตนและร้องไห้เงียบ ๆ
ผ่านมากี่ปีแล้ว ในที่สุด ค่าว่าแต่งงานก็หลุดออกมาจากปาก เขาสักที
เขาเอื้อมมือออกไปดึงผ้าห่มแล้วคลําหามือเล็ก ๆ ของเธอ แล้วสวมบางสิ่งที่เย็นเฉียบไปที่นิ้วนางของเธอ”
“เดิมทีสิ่งนี้ควรจะสวมอยู่ที่นิ้วนางของเธอ แต่ในตอนนั้น ฉันติดเชื้อไวรัส กลัวว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน กลัวจะเป็น อันตรายกับเธอ ดังนั้นฉันเลยไม่กล้าจะเอาแหวนให้เธอ อีก เหตุผลนึงก็คือ…ฉันติดเชื้อไวรัส เลยกลัวว่าจะดูแลปกป้อง เธอไม่ได้ เพื่อไม่ให้พ่อฉวยโอกาสที่ฉันไม่สบายมาทําร้าย เธอ ฉันเลยต้องพยายามอยู่ห่างจากเธอ ไม่กล้าไปใกล้ เธอ…ฉันรู้ หลายปีผ่านมานี้เธอทรมานมาก มันเป็นความผิด ของฉันทั้งหมด ฉันมันกาก ฉันมันโง่ แต่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ไป ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันก็จะไม่ทิ้งเธอไว้คนเดียวอีกแล้ว”
ในความมืดมิดแบบนี้ เสียงของเขาต่ำ ดูเซ็กซี่และเต็มไป ด้วยความหวัง
น้ำตาอุ่นๆไหลลงมาจากหางตาของจารวี ใจของเธอได้รับ ความสัมผัสที่นุ่มนวล เดิมทีเธอตั้งใจว่าจะไม่เป็นเขาสักพัก แต่ตอนนี้เธอทนต่อไปไม่ได้แล้ว
เขาเปิดผ้าห่มออก แล้วพุ่งเข้าไปคร่อมเธอไว้ใต้ร่างของ
เช้าวันต่อมา ตอนที่อังคณากำลังแปรงฟันก็พบว่าในห้องมี ผู้ชายอีกคนอย่างไม่เคยนึกมาก่อน
มาตอนไหนมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เธอยังสวมชุดนอนอยู่ แล้วร้องกรี๊ดเสียงแหลมออกมา หน่ง “อ้าาาาา… ” แล้วปิดประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
จารวีหัวเราะ แล้วพูดว่า “โทษนะอัง เมื่อคืนเขามากะทัน หันมากๆ เลยไม่ได้บอกให้เธอรู้ก่อน”
“อ้อๆ เข้าใจละ พวกเธอรอสักแป๊บนะ!”
“ฉันจะไปทํามื้อเช้าให้เธอทานนะ เธอนั่งรออยู่ในห้อง รับแขกนะ”
ยศพลพูดขึ้นมาอย่างอบอุ่น จารวียักไหล่ทีหนึ่ง “อื้อ!
หลายปีมานี้ เธอยุ่งอยู่กับงาน มีเวลาน้อยมากที่จะเรียนทำอาหารอย่างจริงจัง
นอกจากการทําเค้กที่เธอจําได้ เธอก็ลืมวิธีการทําอาหาร อย่างอื่นไปหมดแล้วจริงๆ
ในที่สุดอังคณา เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เดินออกมาจาก ห้องน้ำ แล้วถามออกมาอย่างลึกลับ “ผู้ชายของแกเป็นซุป เปอร์แมนรีไง เมื่อคืนฉันล็อกประตูไว้แล้วนะ เขาเข้ามาได้ยัง ไง”
“เหอะๆ เขาคงจะปีนหน้าต่างเข้ามาทางห้องฉันน่ะ” จารวี หน้าแดงเล็กน้อย แล้วกระแอมออกมาทีหนึ่ง
“หน้าต่าง!! “‘ อังคณายื่นลิ้นออกมา “เออๆ ดีนะที่แค่ น เดียว ถ้าเธออยู่ชั้นสูง ๆ ละก็คงไม่รอดละ” “เหอะๆ แกคิดว่าเขาไม่เคยเหรอ เมื่อก่อนตอนที่อยู่เมือง
เอส เขาเคยปีนขึ้นมาทางหน้าต่างชั้นสามเลยนะ ฉันก็ไม่
อยากจะเชื่อหรอก” จารวีปิดปากแล้วหัวเราะ
อังคณาเหงื่อท่วมตัว “พวกเธอรักกันจนไม่อยากมีชีวิตแล้ว เหรอ ยอมใจพวกเธอจริงๆ เลย วันนี้จะทำกิจกรรมอะไรกันดี”
จาร เงียบไปสักพัก จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เขาจะพาฉัน
กลับบ้าน!
สายตาของอังคณามองไปที่แหวนบนนิ้วนางของจารวี วว จริงมั้ยเนีย ตอนนี้เขาขอเธอแต่งงานแล้วเหรอ
“อะแฮ่ม! ” จารวีกระแอมออกมาเบาๆ เมื่อคืนผู้ชายที่ไหน ไม่รู้มาขอเธอแต่งงานด้วยการคุกคามแะบีบบังคับ เธอตอบ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ