“โอเคค่ะ เมนต์”
จารวีตอบรับอย่างเป็นสุข พลางก้าวขึ้นไปนั่งบนรถของมน ตรี ตัวรถเคลื่อนที่ออกนอกตัวเมืองอย่างช้าๆ
“วี ทำไม่ช่วงนี้ถึงผอมลงเยอะจัง” สายตาห่วงใยของมนต์ตรีจับ จ้องไปยังใบหน้าของจาร
จารวีนวดคลึงใบหน้าไปมาพลางยิ้ม “หรอคะ คงเป็นเพราะช่วง
นี้ไม่ค่อยเจริญอาหารมั้งคะ”
มนต์ตรีมองจารวีอย่างรู้สึกผิด “วี เป็นเพราะพี่ไม่ดีเอง พี่ไม่ควร
ให้วีดูรูปภาพพวกนั้นเลย”
รูปเหล่านั้นที่มนต์ตรีหมายถึงก็คือรูปของเฉลิมชัย นัยน์ตาของ จารวีพลันแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลด ตอนนี้ รูปภาพเหล่านั้นทำให้เธอ รู้สึกสะอิดสะเอียน
ถ้าหากเธอรู้เร็วกว่านี้ว่าเฉลิมชัยเป็นคนน่ารังเกียจขนาดไหน เธอจะไม่มีทางสนใจเขาอย่างเด็ดขาด
ไอ้คนสารเลว คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องเลวทรามพรรค์นั้นกับ
คุณแม่
เนิ่นนาน จารวีมองเห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยของมนต์ตรี เธอ จึงยักไหล่พลางเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่มนต์ วีลืมมันไปหมดแล้ว”
“วี พี่ขอโทษจริงๆนะ พี่เคยรับปากว่าพี่จะดูแลวีทั้งชีวิตให้ดี แต่ ตอนนี้พี่กลับปล่อยให้วีได้เจอกับความเจ็บปวดเพียงลำพัง”
คำพูดของมนต์ตรี เปรียบเสมือนมีมือหนาเอื้อมมากอบกุมหัวใจ ของจารวีให้มั่นคง
ทําให้เธอรู้สึกทั้งอบอุ่นและปลอดภัย
เขาสย มน คือ มน ของเธ
ตัวรถขับเคลื่อนออกนอกตัวเมือง ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามายัง ฟาร์มแห่งหนึ่งอย่างช้าๆ กระทอมหลังเล็กๆ ที่ใช้วัสดุจากไม้ ก่อสร้าง ค่อยๆปรากฏแก่สายตา
ชานเมืองนี้มีความคล้ายคลึงกับมัลดีฟส์ เพียงแต่ว่าที่นี่อยู่ติด กับป่า ให้ความรู้สึกเหมือนกับกระท่อมกลางป่า
เมื่อมนต์ตรีจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาจูงมือจารวีเดินไปยัง กระท่อมหลังเลิก
ใต้ฝ่าเท้าคือต้นหญ้าอ่อนนุ่ม ก้อนเมฆขาวสะอาดลอยอยู่บน ท้องฟ้าสีคราม มีกระท่อมคล้ายๆซุ้มเล็กๆอยู่หนึ่งหลัง ด้านในมีโซฟา ตัวยาว สามารถนอนชื่นชมทัศนียภาพรอบด้านทั้งสี่ทิศ อีกทั้งห้อง ใหญ่ที่อยู่ติดกันก็เป็นห้องที่ทําจากไม้
กระท่อมเหล่านี้ ถัดไปอีกระยะนึงก็มีอีกหลังที่คล้ายกัน ถ้ามอง ไกลๆจะดูเหมือนเม็ดไข่มุกที่ร่างกระจายเป็นหย่อมๆอยู่บนทุ่งหญ้า วี! ขึ้นมาส!
มนต์ตรีถอดรองเท้าออก พลางก้าวขึ้นบันไดไม้ จารทําตาม
เธอถอดรองเท้าและก้าวตามหลังเขาไป
เขาและเธอเดินทะลุห้องไปยังซุ้มห้องโถง
โซฟาตัวใหญ่นั่งสบายมาก ต้นไม้สีเขียวมรกตผลิดอกออกผล มากมายหลากหลายส โซฟาอย่างต่อเนื่อง ผีเสื้อน้อยใหญ่บินร่อนลงมาเกาะอยู่บน
โต๊ะไม้สําหรับวาง ด า า มีดอกลาเวนเดอร์สีม่วงหนึ่งดอก วางอยู่ เหล่าผีเสื้อที่กล้าหาญบินเข้าไปตอบดมกลิ่นเกษรของดอก ลาเวนเดอร์
จาร นั่งอยู่บนโซฟา มนต์ตรีถือน้ำลูกท้อสายน้ำผึ้งเดินออก
มากจากห้อง
ทั้งยังมีเม็ดเกาลัด จนเหลืองอร่ามอีกจาน
ดูเหมือนว่าของพวกนี้เป็นสิ่งที่เขาเตรียมการล่วงหน้าไว้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นสถานที่ที่มีระดับเช่นนี้ คงไม่มีทางเกาลัดคั่วแบบนี้เป็น
“พ์มนต์ พี่ยังจำได้หรอว่าชอบดื่มน้ำลูกท้อสายน้ำผึ้ง” ตัวจาร เองยังลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเธอเคยติดน้ำลูกท้อสายน้ำผึ้งนี้มาก
“ฮ่าๆๆ จำได้สิ ทําไมพีจะจำไม่ได้ล่ะ ตอนนั้นนะ อยากดิม ลูก ห้อก็เลยชอบแอบมาอยู่บ้าน ตลอด ยังจําได้ไหม ทีวีเข้าไปซ่อนตัว ในผ้าหมของ เพื่อหลบคุณพ่อของวีน่ะ”
มนตรีย้อนนึกถึงจาร ในวัยเด็กที่แสนซน พลันดวงตา เขาก็สะท้อนความปิติสยออกมา
การได้ใช้ชีวิตกับจารวี เป็นช่วงเวลาที่งดงามราวกับไขมุก
ค่า ค่อยๆถูกเขาเก็บสะสมไว้ในหัวสมอง
สิบปีมานี้ เขาก็คเอาความทรงจําเหล่านั้น มาช่วยเยียวยา ความเสียใจในตอนที่หาจารวีไม่เจอ
เมื่อคิดถึงเรื่องราวเมื่อตอนนั้น แก้มใสของจารวี สีแดงระเรื่อ รอยยิ้มอ่อนหวานมีลักยิ้มสองข้างปรากฏออกมา ขนตาเป็นแพรหนา โค้งงอน ด้านล่างของจมูกเรียวเล็กคือริมฝีปากหยักนุ่มหยุ่นสีแดงชุม
มนต์ตรีค่อยๆก้าวเข้าไปหาจารวีอย่างไม่อาจจะหักห้ามใจ
ผู้หญิงคนนี้ คือคนที่เขาเฝ้าตามหามาตลอดสิบปี เธอ..คนที่อยู ตรงหน้าเขาตอนนี้ คนที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอดูสดใสกว่าในความทรงจํา มากนัก
” พี่ไม่เข้าใจเลย ตอนนั้นพี่โทรศัพท์หาคุณลุงของ ตลอด แต่ ท่านกลับเอาแต่พูดวาวีเสียแล้ว พีก็เลยคิดว่า จากพี่ไปแล้วจริงๆ ตอนนั้นพี่ไปที่บ้านเก่าของ แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย รีบอกพี่ได้ไหม ว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ขอบตาของจาร ร้อนผ่าว “ตอน ม ยังเด็ก 1 จําไม่ค่อยได้ มันประมาณว่าคุณพ่อท่า ตอะไรสักอย่าง บ้านของล้มละลาย พอหลังจากคุณแม่เสีย ก็ถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า อยู่ที่นั่นหนึ่ง หรือสองปี เองก็ไม่ค่อยแน่ใจ หลังจากนั้น ยุพินก็ไปรับ ออกมา ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าบริษัทยานวนจํากัดตกเป็นของคุณลงแล้ว จริงๆ แล้ว อยากรู้มากว่าคุณพ่อไปอยู่ที่ไหน
ดวงตาของมนต์ตรีพลันเปลี่ยนเป็นความระทมทุกข์ “ไม่คิดเลย ว่าหลังจากที่เขาไปแล้ว วีจะพบเจอกับเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัส ขนาดนี้
มนต์ตรีจ้องมองจารอย่างอ่อนโยน เขายื่นมือไปกอบ เล็กที่แสนนุ่มนวลของเธอไว้
5 ในเมื่อตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว ก็ให้พี่ได้ดูแลวีเถอะนะ 5ตัวคน เดียว ไม่มีที่พึ่งพิงแบบ พีไมสบายใจเลย”
พี่มนต์..พี่รู้ไหมว่าจริงๆแล้ว อยากไปอยู่กับพี่มาก
จาร อยากดึงมือของเธอกลับมา แต่เธอก็ทําใจไม่ได้ที่จะ ปล่อยมือจากเขา เธอชอบเวลาที่ มนต์กุมมือเธอไว้ มันทั้งรู้สึกอบอุ่น และมั่นคง เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ…
จารวีรู้สึกถึงลมหายใจของมนต์ตรีที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กลิ่น นํ้าหอมเบาบางจากเสื้อของเขาก็เริ่มฉุนขึ้นมา
เธอรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรง ราวกับจะทะลุออกจากอ
นี่คือความรักใช่หรือเปล่านะ..
ความรู้สึกที่แสดงออกผ่านสายตา ลมหายใจอุ่นร้อน รวมทั้ง การกระทําใกล้ชิดสนิมสนม พลันทำให้ใบหน้าเล็กของเธอร้อนผ่าว
วี ให้พี่ดูแลวีนะ”
ฟานี อ่อนโยน เสียงที่นุ่มนวลด้งขึ้นที่ข้างในของเธอ
จาร หน้ามืดตามัว ริมฝีปากของเขาลากผ่านใบหน้าของเธอ นของจาก น เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านลงไปยังหัวใจที สกปรก เธอปิดเปลือกตาลงอย่างไม่อาจหักห้ามใจ
จาร รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังเปารดริมฝีปากของเธอ ใกล้จนแทบจะทำให้หยุดหายใจ
ก่อนที่เขาและเธอจะได้ประกบริมฝีปากกันนั้น
พลันก็มีเสียงดังขึ้นมา
“มนต์ !”
เสียงนั้นดังราวกับเสียงฟ้าผ่า ส่งผลให้เขาและเธอที่กำลังตก อยู่ในภวังค์ได้สติกลับมา จิตสำนึกของจาร สั่งให้เธอยื่นมือไปผลัก มนต์ตรีออก
พลันเงาบอบบางน่าทะนุทะนอมของบุคคลที่สาม พรวดพราด เข้ามาจากห้องโถงใหญ่ เธอคนนั้นก็คือสุรีย์วัลย์ คู่หมั้นของมนต์ตรี..
สุรีย์วัล กวาดสายตาเกลียดชังมายังจารวี แล้วจึงหันไปมอง มนต์ตรี หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลง นัยน์ตา น้ำตาคลอเบ้า
เมื่อเธอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเต็มๆสองตา ว่าคู่หมั้นของตัวเอง นัดเจอกับผู้หญิงคนอื่นทีนี่ พลันความหึงหวง สมแน่นขึ้นในอก
“มนต์ นิมนต์กับเธอ
จารมองเห็นสายตาของสุรีย์วัลย์ เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่าตัวเอง น้นโง่เขลาเพียงใด
นี่ฉันเป็นบ้าอะไรนะ.. อีกนิดเดียวก็จะทําเรื่องผิดพลาดกับพี่ มนต์แล้ว คิดได้ดังนั้นจารวีก็รีบลุกขึ้นยืน พลางหยิบกระเป๋าถือของ ตัวเองและเดินออกไปข้างนอก
ขอโทษนะคะ มนตรีต้องท่า ก่อน
ให้ไปนะ
ไล่หลังเธอมาติดๆ ส่งสายตาไปยังหลังของเขา เธอมพลางเอ่ย “สุขสันต์วันเกิดนะคะ มนต์ ขอให้ พวกคุณทั้งสองมีความสุข ไม่ต้องไปลงหรอกค่ะ ไปดูแลคู่หมั้น เถอะ
จบ จารวี จากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ไปดูแลคู่หมั้นของพี่เถอะ! มนต์ตรีพยายามฝืนยิ้มอย่างมาก พูดของแฝงความหมายสองนัย ราวกับว่าเธอพูดเพื่อ ต้องการเตือนสติเขา
“มนต์” เกาะแขนมนต์ตรีอย่างน้อยอกน้อยใจ
มนต์ตรีหันกลับไปหาสุรีย์วัลย์ เขามองเธออย่างอ่อนโยน เธอ มาฉลองวันเกิดให้ผมน่ะ คุณอย่าเข้าใจผิดนะ
ในใจของยังคง แต่ทว่ากลับไม่ได้ชวนมนต์ตรี ทะเลาะต่อ ยังไงซะตอนนี้เธอก็เป็นคู่หมั้นของเขา ผู้หญิงคนอื่นไม่มี ทางเทียบกับเธอได้
ฮ่าๆ ฉันไม่เข้าใจผิดหรอกค่ะมนต์ ฉันก็แค่จะมาบอกว่าฉัน เตรียมปาร์ตี้วันเกิดของคุณไว้ที่บ้านแล้ว ก็เลยจะมาตามคุณกลับ ตอนนี้ก็ได้เวลาพอดีเลย งั้นเรากลับกันเถอะนะคะ
มนต์ตรี มอย่างอบอุ่น “โอเคครับ แต่ว่าตอนนี้ผมต้องเข้าไปที่ บริษัทก่อน เดี่ยว ๆผมกลับไปนะ
อ้อ โอเคงั้นฉันจะไปกับคุณ” สุรีย์วัลย์อิ่มเอมใจ ยังไงซะก็เลือกเธอ
รับอ้าวเดินออกจากฟาร์ม เธอหายใจเข้าพลางยกสอง แขนขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ จากนั้นเรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปยังเมืองร
เธอใช้เวลาในตอนเช้าอยู่กับมนต์ตรี ทำให้พลาดการทํางานไป
ครึ่งวัน
หลังจากจาร ทานอาหารฟาสต์ฟูดง่ายๆเสร็จ เธอจึงตัดสินใจ ที่จะไปเสี่ยงโชค ศูนย์รับสมัครงาน สักตั้ง
เมื่อก่อนเธอแทบไม่ได้ออกจากรั้วมหาวิทยาลัย เลยไม่รู้ว่าการ แข่งขันด้านนอกสูงขนาดนี้ คนตกงานมีมากมาย โถงชั้นสามของ ศูนย์รับสมัครงานแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนล้นหลาม ทั้งยังมีกลุ่มคนที่ ยืนต่อแถวเพื่อรอรับแบบฟอร์ม แล้วคนที่แม้แต่ป.ตรีก็ยังเรียนไม่จบ แบบเธอ จะหางานสักงานที่ตรงใจ คงเป็นได้แค่ความฝันลมๆแล้งๆ
เวลาผ่านไปสักพัก กว่าจะถึงคิวของจารวี เธอรับแบบฟอร์มมา พร้อมกรอกข้อมูลคร่าวๆของตัวเองลงไป
เธออ่านรายละเอียดของประกาศรับสมัครงานอีกครั้ง ก็ยังไม พบงานที่เหมาะสมกับตัวเอง
บริษัทที่ให้เงินเดือนสูง ก็ต้องการคนที่มีประสบการณ์การ ทํางาน ส่วนบริษัทที่ไม่จําเป็นต้องมีประสบการณ์ ได้เงินเดือนตา และทั้งหมดแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่จารวีเรียนมาเลยด้วย
เธออยากทํางานประเภทที่เกี่ยวกับผู้ช่วยนักออกแบบ หรือเป็น พนักงานบริษัทก็ได้ แต่งานเหล่านี้รับวุฒิการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป เธอก็ยังเรียนไม่จบอีก ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก ดูๆแล้วเธอคงต้องไปเป็น คนขับรถส่งอาหารแล้วล่ะ
จารใช้เวลาอยู่ที่ศูนย์รับสมัครงานสามชั่วโมงเต็มๆ แต่กลับไม่ ได้งานที่ตรงใจแม้แต่งานเดียว
เธอเข้าไปมีอเปล่า ก็กลับออกมามือเปล่า จารวีเหงื่อตก
การเอาชีวิตรอด มันต้องลำบากยากเย็นเพียงไหนนะ
“คุณชายครับ เมื่อสักครู่นี้กระผมเห็นคุณจารวียังคงอยู่ที่ศูนย์รับสมัครงานอยู่เลยครับ
“เธอหางานได้ไหม”
“ดูจากภายนอกแล้วไม่น่าจะได้นะครับ เธอไม่ได้เอาประวัติไปยืน ที่บริษัทไหน เพียงแค่เดินดูเท่านั้นนะครับ”
“โอเค” ยศพลกดวางสายพลางจอดรถให้เข้าที่ เขายืนอยู่ที่มุม เล็กๆที่ไม่สะดุดตา จากนั้นจึงกวาดสายตามองหาร่างเล็กของจาร
จารวีรู้สึกว่าไม่น่าจะมีหวังแล้ว เธอจึงเดินกลับออกไปเงียบๆ
เธอไม่ทันได้ระวังตัว จึงเดินไปชนเข้ากับคนๆหนึ่ง ตอนที่เธอ กำลังจะเอ่ยปากขอโทษอยู่นั้น เขาคนนั้นก็ก่นด่าเธอดังลั่น
“โถ่เว้ย! อะไรของเธอเนี่ย เอาตาไปไว้ที่ตาตุ่มหรือไง เดินไม่ดูตา ม้าตาเรือเอาซะเลย!!”
เขาคือผู้ชายสวมแว่นที่ค่อนข้างผอม และหางานไม่ได้เช่น เดียวกับเธอ ความกลัดกลุ้มเต็มอก กำลังอยากหาที่ระบาย
จารวีรีบเอ่ยขอโทษ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันได้มอง ขอโทษจริงๆ
นะคะ”
ชายสวมแว่นกำลังจะอ้าปากต่อว่าเธอต่อ แต่ทว่าเมื่อเขาเงย หน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นผู้หญิงสวย พลันแววตาของเขาก็ลุกโชน
“อ๊ะ! คือคุณคนสวยเองหรอครับ ไม่เป็นไรครับ คุณอยากจะเดิน ยังไงก็เดินเถอะ! คุณผู้หญิงพอมีเวลาว่างไหม เราไปกินข้าวกันสัก มื้อนะครับ! แล้วนี่ว่าแต่คุณมาหางานหรือเปล่าครับ ผมมีงานงานนึง อยากจะแนะนําให้คุณทํา คุณสนใจไหมครับ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ