ยั่วรักคุณเมีย

บทที่78 มีคนคืนมันแทนเธอแล้วแหละ



บทที่78 มีคนคืนมันแทนเธอแล้วแหละ

ทุกคนต่างยื่นหัวกันไปดูว่าจงจิ่งห้าวจะจัดการ สถานการณ์นี้ยังไง เขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับกันแน่

ถ้ายอมรับ มันน่าขายหน้านะเนี่ย ใครมันจะพกของแบบ นั้นไปไหนมาไหนด้วย หรือว่าจะเกิดเรื่องอย่างที่คิดไว้ ตลอดเวลากันนะ

ประธานหลี่ รู้สึกเปรี้ยวปาก อยากจะทำมากๆ แต่ก็ขำไม่ ออก ไม่ทำได้แค่กลั้นมันไว้

ส่วนผู้ช่วยของเขาที่อยู่ด้านข้างเตรียมจะหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาบันทึกภาพนี้ไว้ กวนจิ้งกำลังจะลุกขึ้นมาห้าม ถ้า ถ่ายออกไป ภาพลักษณ์ของจงจิ่งห้าวคงไม่เหลือแน่

แต่ใครจะรู้ แค่เขาขยับก็โดนจงจิ่งห้าวจับได้เสียแล้ว ” นั่งลง ”

เขาเอื้อมมือไปหยิบdurexในมือของหลินซีเฉิน ก่อนจะ รีบเก็บลงในกระเป๋า ” ขอบใจ ”

หลินซีเฉินแปลกใจทำไมเขาถึงไม่โกรธเลยล่ะ
ก็เห็นว่าพวกลุงๆ ทั้งหลายกำลังหัวเราะเขาอยู่

เหมือนจะจับได้ถึงความสงสัยของเด็กชาย

จงจิ่งห้าวลดตัวลงไป แล้วขยับเข้าไปข้างหูของเด็กน้อย ” ต้องมีคนขึ้นมาแทนนายแล้วแหละ ”

หลินซีเฉินจ้องไปที่เขา เขาหมายความว่าอะไรกันนะ

แต่น่าเสียดายจงจิ่งห้าวที่ไม่ได้อธิบายในความสงสัย ของเด็กน้อย แม่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอับอายในสิ่งที่หลินซีเฉิน ได้ทำลงไป แต่กลับอารมณ์ดีเสียด้วยซ้ำ

ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าที่ประธานหลี่รินให้เมื่อกี้ กระดก เข้าไป

กวนจิ้งบ้าไปแล้ว

ประธานหลี่ที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกงุนงงไม่แพ้กัน เมื่อเจอ สถานการณ์ที่ชวนกระอักกระอ่วนแบบนี้ ไม่ควรจะปกปิด ไว้งั้นหรอกเรอะ

ทำไมเขาถึงยอมรับเสียดื้อๆ

นี่หมายความว่าถ้ายิ่งปกปิดจะยิ่งเห็น หรือว่าเพราะมันเป็นความจริงและไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร นี่มันจริงหรือไม่ จริงกันแน่เนี่ย

ประธานหลี่มองไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าถาม ก่อนจะมองไป ที่หลินซีเฉินแล้วหัวเราะอย่างขำขัน ” เจ้าเด็กน้อย อยู่กิน ข้าวกับเราก่อนสิ ”

หลินซีเฉินส่ายหัวไปมา แล้วหันไปมองจงจิ่งห้าว ในใจก็ สงสัยว่าทําไมเขาถึงไม่โกรธอะไรเลย

เด็กน้อยไม่เข้าใจ แต่ทำได้แค่หันตัวออกจากห้องไป

” เสี่ยวเฉิน… ”

หลินซีเฉินออกมานานแล้วไม่ได้กลับเข้าไป หลินซินเหยี ยนเลยต้องออกมาตามหาเขา

เมื่อออกมาจากห้องอาหาร หลิน เฉินก็เห็นหลินซินเห ยียน ตะโกนเรียกหาเขาอย่างรีบร้อน ก่อนเด็กน้อยจะวิ่ง เข้าไปหา ” หม่ามี้ ”

หลินซินเหยียน หันไปตามเสียงเรียก เมื่อเห็นลูกชายก็ รีบวิ่งกรูเข้าไปหา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอก้มตัวลงไปแล้วกอดลูกชาย
ถ้าวิ่งหายไปจะทำยังไง

หลิน เฉินก้มหน้าพูดเสียงเล็กเสียงน้อย ” ที่นี่กว้างเกิน ไปผมหลงทางแล้วครับ ”

หลินซินเหยียนไม่เชื่อเลยสักนิด เพราะลูกชายของเธอ ความจำดีมากจะลงทางได้ยังไง

” พูดความจริงกับหม่ามี้ซิ ” หลินซินเหยียนจับลูกชาย เงยหน้าขึ้น ให้เด็กน้อยมองหน้าเธอ

” ห้องน้ำไม่มีโถฉี่เด็กนี่นา ผมชิ้งฉ่องไม่ได้ ต้องลองให้ คุณลุงมาช่วยผม ผมก็เลยต้องมาช้านี่ไง ”

” แล้วทำไมไม่พูดความจริง ”

” ก็มันไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดสักหน่อย ” หลินซีเฉินบู่ปาก

แล้วทำท่าทีเหนียมอาย

นี่ก็เป็นนิสัยส่วนหนึ่งของเด็กคนนี้

หลินซินเหยียนยืนขึ้นแล้วจูงมือเขากลับไป ” ไปเถอะ ไปกินข้าวได้แล้ว ”
อาหารถูกเสิร์ฟไว้นานแล้ว

หลินซีเฉินเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย ยังคิด ไม่ตกว่าสิ่งที่จงจิ่งห้าวพูดหมายความว่ายังไง

มีคนคืนแทนเรางั้นเหรอ

แล้วใครล่ะ

เมื่อกินข้าวเสร็จ จวงจื่อจิ่นก็พาเด็กๆ กลับบ้านไป นั่ง เครื่องบินมานานก็ต้องเหนื่อยกันเป็นธรรมดา ต้องกลับ ไปล้างหน้าล้างตาอาบน้ำอาบท่า แล้วพักผ่อนเสียหน่อย

” เดี๋ยวฉันไปส่งพวกเขาก่อน เดี๋ยวอีกสักพักจะกลับมา รับนะคะ ฉินยาพูด

” ไม่ต้องหรอก เธอกลับไปที่ร้านได้เลย เดี๋ยวฉันกลับไป ที่ร้านเอง ” LEO เปิดร้าน ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องทำ เธอ เป็นคนรับผิดชอบ มีเรื่องอีกเยอะที่เธอต้องตัดสินใจเอง ทั้งหมด

” ถ้างั้นก็โอเคค่ะ ” ฉินยาขึ้นรถไป

หลินซีเฉินที่นั่งอยู่บนรถ ก็มองไปนอกกระจกก็เห็นเหอรุ่ยเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ หลินซินเหยียน แล้วเด็กน้อยก็ถอน หายใจ

ถ้าเหอรุ่ยเจ๋อรวยแล้วก็หล่อกว่าจงจิ่งห้าวก็คงจะดี

” มีเรื่องอะไรอยากพูดกับฉันเหรอคะ ” หลินซินเหยีย นพูดพลางมองไปยังรถที่ขับออกไป

” เดินไปคุยไปดีกว่า ” เหอรุ่ยเจ๋อ ยื่นมือมายังจะจูงมือ เธอ แต่พอยกมือออกมาได้แค่ครึ่งเดียวก็ชักมือกลับไปดัง เดิม

พอรู้ว่าเหตุรถชนครั้งนั้นมันเกิดขึ้นเพราะเหอรุ่นหลิน เป็นคนทํา ใจเขาก็ฝ่อขึ้นมาทันที

ทําให้เกิดความละอายใจต่อเธอ

” มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่าคะ ” ตอนที่นั่งอยู่บนรถเขา เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด ตอนกินข้าวใจก็ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นได้ชัดว่าในใจต้องมีเรื่องอะไรอยู่ แน่ๆ

เหอรุ่ยเจ๋อยิ้มแหยๆ ในใจของเขาเต็มไปด้วยภาระที่ หนักอึ้ง ฝั่งหนึ่งก็เป็นผู้หญิงที่เขาชอบ อีกฝั่งนึงก็เป็นน้อง สาวที่ตัวเองรัก เขาเกิดความสับสนในจิตใจ เกินขอบเขต คำว่า เรื่องในใจ ที่จะสามารถจำกัดความหมายของความทุกข์ระทมนี้เอาไว้ได้

เหยียนเหยียน พี่ดีกับเธอไหม ” เหอรุ่ยเจ๋อ มองไปยัง ถนนด้านหน้า

” อื้อ ดีสิคะ ” หลินซินเหยียนพูดออกมาด้วยใจจริง

เหอรุ่ยเจอดีกับเธออย่างแท้จริง เป็นจุดที่เธอไม่เคย สงสัยมาก่อน

เหอยเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง ” ถ้า คือสมมตินะว่าถ้า ”

หลินซินเหยียนหัวเราะออกมา เท่าที่เคยเห็นมาน้อยมาก ที่จะเห็นเหอรุ่ยเจ๋อเป็นแบบนี้ ” พี่พูดมาก็พอแล้วค่ะ ”

เหอรุ่ยเจ๋อคิดไตร่ตรองในใจอยู่พักใหญ่ ว่าจะพูดยังไง ” ถ้า หลังจากนี้เธอพบว่าฉันไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น เธอ จะเกลียดฉันไหม ”

” จะเกลียดได้ยังไง ” หลินซินเหยียนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขา พูดออกมาเป็นการหยั่งเชิง

” หรือว่าพี่จะเห็นแก่ตัวเองเกินไปไหมนะ ” เขายิ้มเจื่อน ” พี่ต้องทำยังไงถึงเธอจะชอบพี่ ”
หลินซินเหยียนก้มหัวลง กัดริมฝีปาก หกปีแล้วนี่เนอะ เวลาก็ไม่ใช่น้อยๆ

ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่วัยรุ่นอายุวัยยี่สิบกว่าๆ อีกแล้ว

เขารอเธอมานานแล้วเหมือนกัน

ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกรัก แต่บางที เธอก็ไม่ควรทำให้ผู้ชาย ที่ดีต่อเธอขนาดนี้รู้สึกผิดหวัง

จวงจื่อจิ่นค่อนข้างกังวลเรื่องการแต่งงานและชีวิตคู่ของ เธอมาโดยตลอด

“… ขอฉันคิดดูอีกทีนะคะ ” ถ้าได้เธอตอบตกลงตอนนี้

เธอคงทําไม่ได้

เหอรุ่ยเจ๋อชะงักฝีเท้าลง ” เธอพูดว่าไงนะ ”

เขาไม่คาดคิดในสิ่งที่หลินซินเหยียนพูด

เธอ ถ้าตกลงแล้วงั้นเหรอ

หลินซินเหยียนมองไปที่ต้องอู๋ถงที่อยู่ริมถนน ตอบ นำ เสียงที่เรียบสงบ ” ฉันรู้ว่าพี่ดีกับฉัน แม่ฉันเองก็หวังว่าฉัน จะได้อยู่กับพี่… ฉันไม่อยากทำให้พี่ผิดหวัง ”
ไม่ใช่ว่ารัก ไม่ใช่ว่าชอบ และใจของเธอก็ไม่ได้เต้น

แต่เป็นเพราะว่าผู้ชายคนนี้อยู่ข้างเธอมานานแล้ว ถ้า ปฏิเสธเธอคงจะดูใจดำเกินไป

ถ้าในชีวิตนี้ เธอไม่มีโอกาสที่จะได้มีความรัก เพื่อนก็ไม่ ควรที่จะเนรคุณผู้ชายดีๆ คนนี้

เธอต้องทำให้เขารู้สึกมีความสุข นี่คงเป็นการตอบแทน บุญคุณ อีกรูปแบบหนึ่งละมั้ง

ถ้ายังอยู่ที่ประเทศA เหอรุ่ยเจ๋อก็คงดีใจมากแน่ๆ แต่ใน ใจของเขาตอนนี้กลับรู้สึกหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม

เขารู้สึกได้ถึงคําตอบของหลินซินเหยียนในตอนนี้ ไม่ใช่ เพราะว่าชอบเขา แต่เป็นเพราะเขาดูแลเธอมาหลายปี

ถ้าพูดให้แย่หน่อย ก็คงจะเป็นการตอบแทนบุญคุณ

ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ ความกดดันในใจของเหอรุ่ยเจ๋อก็เพิ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแท้ที่จริงแล้วเขากำลังหลอกเธออยู่

ถ้าเธอรู้ความจริงในภายหลังล่ะก็ จะเป็นยังไงนะ
เขาไม่กล้าคิดเลย

” เหยียนเหยียน ”

“หืม ”

หลินซินเหยียน หันหน้ามามอง แต่ยังไม่ทันจะได้มอง หน้าเขาชัดๆ ก็โดนเค้าลากเข้าไปในอ้อมอกและกอด อย่างแนบแน่น

แน่นเหลือเกิน

เหมือนกำลัง กลัวที่จะสูญเสียอะไรบางอย่างตลอดเวลา

หลินซินเหยียน ไม่ได้ขยับตัว ไม่ได้ต่อต้าน แต่เธอ กลับยืนอยู่นิ่งๆ เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่สับสนและไม่ สบายใจของเหอรุ่ยเจ๋อ

ถ้าคิดว่าเป็นเพราะตัวเอง ได้ยื่นมือไปกอดเขาไว้ แล้ว ตบหลังของเขาเบาๆ ” หลังจากนี้ ฉันจะดีกับพี่ให้มากกว่า เดิมนะคะ ”

ส่วนเรื่องแม่ของเขา เธอค่อยพูดทีหลังก็แล้วกัน
ร่างกายของเหอรายเจ๋อนิ่งไม่ไหวติง

ดีกับเขาอย่างนั้นเหรอ

เขาเอาหน้าซุกไว้ในซอกคอของเธอ ” ตอนนี้พี่กลัวว่า

เธอจะดีกับพี่ต่างหาก ” ก็เธอรู้ความจริง แล้วเธอดีกับเขาขนาดนี้ ตอนเกลียดก็

คงจะเกลียดมากเลยสินะ

” ให้พี่ไปส่งเธอที่ร้านไหม ”

” ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับมาก็อยากเดินดูนั่นนี่ไปเรื่อย ฉันไปเองก็พอแล้วค่ะ ” หลินซินเหยียน ตอบอย่างเรียบ เฉย

คำพูดนี้เป็นความจริง ที่แห่งนี้ไม่มีเรื่องที่ดีงามและควร ค่าต่อความทรงจำใดๆ เลย

แต่กลับรู้สึกพิเศษอย่างบอกไม่ถูก

” โอเค เมื่อไหร่ที่กิจการเปิด อย่าลืมส่งบัตรเชิญมาให้พี่ ด้วยล่ะ ”

” ได้เลยค่ะ ” หลินซินเหยียนยิ้มน้อยๆ
เมื่อเห็นว่าเหอรุ่ยเจ๋อขึ้นรถ หลินซินเหยียน ก็สูดหายใจ เข้าไปลึกๆ มาเดินอยู่บนถนน เมื่อเข้าเดือนสิงหาคม อากาศก็จะร้อนขึ้นมาเล็กน้อย บนหัวของเธอแต่ไม่ได้ เหงื่อ

” นั่งรถไหมครับ ” รถแท็กซี่จอดลงขนาบข้างตัวเธอ เพื่อ เรียกลูกค้า

หลินซินเหยียนหันไปมอง ไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของคน ขับแท็กซี่แล้ว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที เขาไม่ใช่….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ