ยั่วรักคุณเมีย

บทที่3 ฉันควรจะแต่งงานกับคุณ



บทที่3 ฉันควรจะแต่งงานกับคุณ

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หลินซินเหยียนออกมาจากห้องลองเสื้อ เธอได้มองไปที่ห้องลองเสื้อตรงซ้ายมืออีกครั้ง กลับพบว่า ประตูปิดสนิทแล้ว

“เข้ากับบุคลิกของคุณมากค่ะ”

พนักงานมีแววมาก ส่วนใหญ่แค่ดูรูปร่างก็สามารถเลือกชุด ที่เหมาะกับคนๆนั้นออกมา หลินซินเหยียนใส่เดรสสีฟ้าคราม แล้วชูให้ผิวของเธอยิ่งดูขาวขึ้นไปอีก สายคาดเอวได้โชว์เอว ที่เพรียวบางออกมา ค่อนข้างซูบผอมไป แต่ใบหน้าเผยออกมา ได้สวยงามมาก

หลินกั๋วอันดูแล้วเหมาะสมก็เลยไปจ่ายตังค์ พอดูแล้วถึงพบ ว่าเดรสตัวละสามหมื่นกว่าหยวน แต่พอนึกได้ว่าเธอไปเจอคน ของตระกูลจง จึงได้กัดฟันจ่ายตังค์ เสร็จแล้วได้พูดด้วยเสียง เย็นชา “ไปเถอะ”

หลินซินเหยียนได้รู้ซึ้งถึงความใจดำของเขาตั้งนานแล้ว ความเย็นชาของนาทีนี้ยังคงทำให้หัวใจเธอเจ็บแน่นอีกเช่น เคย

เธอก้มหน้าเดินตามหลังเขาไปขึ้นรถ
ไม่นานรถก็ได้จอดอยู่ที่หน้าวิลล่าของตระกูลหลิน

คนขับรถเปิดประตูให้หลินกั๋วอัน เขาโน้มตัวลงมา หลินซินเห ยียนตามมาทีหลัง

ยืนอยู่หน้าวิลล่า เธอเหม่อลอยไปหลายวิ ตอนที่เธอกับแม่ ใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นเพราะอาการป่วย ของน้องชาย พ่อของเธอกับเมียน้อยคนนั้น กำลังเพลิดเพลิน อยู่ในวิลล่าที่ทันสมัยและดึงดูดใจนี้

มือทั้งสองข้างของเธอกุมแน่นอย่างควบคุมไม่ได้

“แกยังยืนเซ่ออยู่ทำไม?” หลินกั๋วอันรู้สึกว่าไม่มีมีคนเดินตาม ตัวเอง เขาหันกลับมามองแว็บนึง ก็เห็นเธอยืนเซ่ออยู่หน้า ประตู

หลินซินเหยียนรีบเดินตาม ได้ยินคนรับใช้ของบอกว่าคนของ ตระกูลจงยังไม่ถึง หลินกั๋วอันก็เลยให้เธอรออยู่ในห้องรับแขก

ตำแหน่งที่ใกล้ริมหน้าต่างของห้องรับแขกมีเปียโนวางอยู่ตัว นึง Steinway& Sons ผลิตจากเยอรมนี ราคาแพงมาก แม่ซื้อ

ให้เธอตอนเธออายุได้ห้าขวบ

เธอชอบตั้งแต่เด็ก ตอนอายุสี่ขวบครึ่งก็เริ่มเรียนเปียโนแล้ว หลังจากถูกส่งไปต่างประเทศ เธอก็ไม่เคยแตะต้องมันอีกเลย
เธอเอามือยื่นไปอย่างห้ามใจไม่ได้ ทั้งคุ้นเคยและตื่นเต้น

นิ้วชี้ของเธอวางอยู่บนแป้น ออกแรงเบาๆ ตั้งเสียงนึง เสียงที่ ไพเราะและคมชัดก้องออกมา เพราะไม่ได้เล่นมานานมากแล้ว นิ้วมือของเธอแข็งกระด้างไปเยอะเลย

“ใครอนุญาตให้แกแตะต้องของของฉัน? !” เสียงที่ดังลั่นแฝง ด้วยความโกรธ ดังมาจากข้างหลังเธอ

ของของเธอ?

หลินซินเหยียนหันหลัง เห็นหลินหยู่หานกำลังยืนอยู่ข้างหลัง เธออย่างดุร้าย จําได้ว่าเธอเด็กกว่าตัวเองปีเดียว ปีนี้อายุสิบ เจ็ด ได้สืบทอดจุดเด่นของเสิ่นซิ่วฉิง หน้าตาไม่เลว

แต่ว่าหน้าตาที่กัดฟันและจ้องหน้าไว้ดุร้ายมาก

“ของเธอ?”

พวกเธอทำลายชีวิตคู่ของแม่ คอยใช้เงินพวกนั้น ตอนนี้ แม้แต่ของขวัญที่แม่มอบให้ตัวเอง ก็กลายเป็นของเธอแล้ว?

เธอค่อยๆ หมัดไว้แน่น บอกในใจรอบแล้วรอบเล่าว่าอย่า ใจร้อน อย่าวู่วาม เพราะตอนนี้เธอยังไม่มีปัญญาเอาของที่เป็น ของเธอกลับมา
เธอจะต้องอดทน!

เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่แปดปีก่อนถูกพ่อส่งไปต่างแดนและ เอาแต่ร้องไห้แล้ว ตอนนี้เธอโตแล้ว!

“แก——ก็คือหลินซินเหยียน? !”หลินหยู่หานดึงสติกลับมา วัน นี้เป็นวันที่คนของตระกูลจงมา คุณพ่อรับสองแม่ลูกคู่นั้นกลับ ประเทศ

หลินหยู่หานยังจำได้ ตอนที่หลินกั๋วอันส่งพวกหลินซินเหยียน ไป หน้าตาของหลินซินเหยียนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและกอดขา ของหลินกั๋วอันไว้พร้อมอ้อนวอนเขา

“พ่อรับแกกลับมา คงดีใจมากเลยสิท่า?” หลินหยู่หานมือ กอดอกไว้ มองเธอด้วยสายตาดูถูก “แกก็อย่าได้ใจเลย เอาแก กลับมา ก็แค่จะให้แกแต่งเข้าตระกูลจง ได้ยินว่าผู้ชายคนนั้น

ระหว่างที่พูด หลินหยู่หานก็ได้ปิดปากหัวเราะเยาะขึ้นมา

คิดถึงคนที่หลินซินเหยียนจะแต่งงานด้วยเป็นคนที่ไม่ สามารถมีเรื่องอย่างว่าได้ และเป็นคนที่เดินไม่ได้ ก็อดมีความ สุขบนความทุกข์ของคนอื่นไม่ได้

เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต แต่งกับผู้ชายแบบนั้น ชาติ นี้จะไม่พังไปเลยเหรอ?
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว

ในขณะนี้เอง คนรับใช้ได้เดินมาบอกว่า “คนของตระกูลจงมา แล้วค่ะ”

หลินกั๋วอันเป็นคนไปรับเข้ามาในบ้านเอง

พอหลินซินเหยียนหันมาก็เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นและถูก คนเข็นเข้ามา ใบหน้าของเขาคมชัด หน้าตาหล่อเหลารูปร่าง สง่าผ่าเผย ถึงนั่งอยู่บนรถเข็น ก็ทำให้คนไม่กล้าดูถูก

ใบหน้านี้ ก็คือผู้ชายที่เธอเห็นในห้องลองเสื้อที่กำลังจู๋จี๋กับผู้ หญิงอยู่เหรอ?

ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจง? !

แต่ตอนที่อยู่ในห้องลองเสื้อ เธอเห็นเขาสามารถลุกขึ้นได้ อยู่นี่ และยังกอดผู้หญิงคนนั้นไว้ด้วย ดูไม่ออกเลยว่าขาจะมี ปัญหา

นี่มันอะไรกันแน่?

ตอนที่เธอยังคิดไม่ตกว่าทำไมผู้ชายคนนี้ต้องแกล้งเป็นทำ เป็นง่อย หลินกั๋วอันได้เรียกเธอทีนึง “ซินเหยียนรีบมาเร็ว ท่าน นี้ก็คือคุณชายใหญ่ของตระกูลจง”
หลินถั่วอันยักไหล่ทั้งสองข้างไว้ ท่าทางเคารพนอบน้อม โก่ง ตัวและยิ้มอย่างประจบสอพลอ “คุณชายจง คนนี้ก็คือเหยียน เหยียนครับ”

หลินกั๋วอันรู้สึกเสียดาย เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลจง หน้าตาหล่อเหลาสง่างาม แต่กลับกลายเป็นคนพิการไปซะ

แล้ว

สายตาของจงจิ่งห้าวหล่นอยู่ที่บนตัวของหลินซินเหยียน ดู แล้วอายุยังไม่มาก ซูบผอมเกินไป หน้าตาดูเหมือนคนขาดสาร อาหาร

เขาขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นงานแต่งที่แม่ตกลงให้เขา บวกกับแม่ ก็จากไปแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกชาย เขาจะขัดคำสั่งไม่ได้ ดัง นั้นหลังจากที่ไปต่างประเทศถูกงูพิษกัดแล้ว เขาได้ปล่อยข่าว ออกมาว่าก๋าจัดพิษนั้นออกจากร่างกายไม่ได้ จึงกลายเป็นคน พิการ แถมยังทำเรื่องอย่างว่าไม่ได้ ก็คืออยากให้ตระกูลหลิน กลับคําพูด

แต่ไม่เคยคิดเลย ว่าตระกูลหลินจะไม่กลับคำเลย

จงจิ่งห้าวเงียบกริบ สีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งมืดครึ้มอย่างเห็นได้ชัด หลินกั๋วอันนึกว่าเขาไม่พอใจ จึงรีบอธิบายว่า “ตอนนี้เธอยัง เด็กอยู่ เพิ่งจะอายุสิบแปด เดี๋ยวพอโตเต็มที่แล้วต้องเป็นสาว สวยแน่นอนครับ”

จงจิ่งห้าวหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ดูคนสวยไม่ออก กลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ไม่แคร์ว่าเขาเป็นง่อย’ก็จะให้ลูกสาว แต่งงานกับเขา

สีหน้าแววตาของเขาเย็นชา รอยยิ้มตรงมุมปากเห็นได้ชัดว่า มีความหมายลึกซึ้ง “ผมไปทำธุระที่ต่างประเทศ ไม่ทันระวัง ได้รับบาดเจ็บ ขาทั้งสองข้างนี้เกรงว่าคงจะเดินไม่ได้แล้ว แถม ต่อไปก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของสามีได้——”

“ฉันไม่ถือสาค่ะ” หลินซินเหยียนตอบทันที

หลินกั๋วอ้นรับปากเธอแล้ว ขอแค่แต่งเข้าตระกูลจงก็จะคืน สินสอดของแม่ให้ ถึงแต่งเข้าวันนั้น หย่ากันในวันถัดมา ตอนนี้ เธอก็จะตอบตกลงเหมือนกัน

ใช้เวลาทำความเข้าใจกับคำพูดอยู่ครู่เดียวหลินซินเหยียน คิดเรื่องที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้เข้าใจหมด เขาสามารถลุกได้ แต่ กลับนั่งรถเข็นมาที่ตระกูลหลิน น่าจะเพราะผู้หญิงคนนั้น เขา ไม่ได้อยากทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้เลย อยากให้ตระกูลหลิน เป็นฝ่ายกลับคํากับงานแต่งนี้ก่อน

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าหลินกั๋วอันจะยอมเสียลละลูกสาวที่ไม่ เอ็นดูคนนี้ มาทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

จงจิ่งห้าวหรี่ตามองเธอ

หลินซินเหยียนถูกเขามองจนแผ่นหลังหนาวเย็น ในใจขมขื่น เธอเองก็สมัครใจแต่งเข้าตระกูลจงที่ไหนกันล่ะ?
ไม่ตอบตกลง เธอจะกลับประเทศได้ยังไง จะช่วงชิงของที่ สูญเสียไปกลับมาได้ยังไง?

เธอยิ้มมุมปาก ความขมขื่นในนั้นมีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ “พวกเรา ได้หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก คุณกลายเป็นแบบไหน ฉันล้วน ควรจะแต่งงานกับคุณค่ะ”

สายตาของจงจิ่งห้าวลุ่มลึกยิ่งขึ้นไปอีก ผู้หญิงคนนี้ฝีปาก กล้า หน้

หลินกั๋วอันฟังไม่ออกว่ามีความผิดปกติอะไร เขาถามหยั่งเชิง

“วันงานแต่ง——”

สีหน้าของจงจิ่งห้าวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว สุดท้าย ได้กลับคืนสู่ความสงบ “ก็ต้องทำตามคำมั่นสัญญาอยู่แล้ว นี่เป็นงานแต่งที่สองตระกูลตกลงเอาไว้ตั้งนานแล้ว จะผิด สัญญาได้ยังไง”

หลินซินเหยียนหลุบตาลง และเก็บความคิดไว้ ไม่กล้าไปมอง เขา เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่พอใจกับงานแต่งนี้

ตอนนี้ตอบตกลง ก็แค่ทำตามคำมั่นสัญญาเฉยๆ

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ” หลินกั๋วอันมีความสุข ใช้ลูกสาวที่ ไม่โดดเด่นแต่งงานกับตระกูลจง ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว

ถึงแม้ตระกูลหลินก็รวยอยู่ แต่พอเทียบกับตระกูลจงแล้วมันเทียบไม่ติดจริงๆ ไม่ พูดอย่างแน่นอนกว่าคือถ้าเทียบกับ ตระกูลจงแล้วคือปลาฉลามกับกุ้งแห้ง

เอามาเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

หลินกั๋วอันโน้มตัวและพูดเสียงต่ำ “ผมได้ให้คนเตรียมอาหาร ค่ำไว้แล้ว อยู่ทานข้าวที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับนะครับ”

จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว

เขาที่ประจบสอพลอคนมีอำนาจเงินทองแบบนี้ ท่าทีอุบาทที่ เปลี่ยนไปทำให้คนรังเกียจ

“ไม่ต้องแล้ว ผมยังมีธุระต่อ” จงจิ่งห้าวปฏิเสธ กวนจิ้งคอย เข็นเขาออกไปด้านนอก ตอนที่เข็นผ่านข้างกายของหลินซิน เหยียน จงจิ่งห้าวยกมือขึ้นมาส่งสัญญาณให้กวนจิ้งหยุด จาก นั้นเขาได้เงยหน้าขึ้น “คุณหลินพอมีว่างมั้ยครับ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ