ยั่วรักคุณเมีย

บทที่64 ต่างก็ไม่ติดค้างกันอีก



บทที่64 ต่างก็ไม่ติดค้างกันอีก

เรื่องถอนหมั้นคนของตระกูลเหอรู้หมดแล้ว เหอรุ่ยเจ๋อก็ ย่อมรู้เช่นกัน อีกอย่างเขาได้รู้จากปากของเหอรุ่ยหลินว่า ทำไมครั้งนี้จงจิ่งห้าวถึงได้ถอนหมั้น

เพราะฉะนั้นพอเจอหน้าเขา จึงปกปิดความโกรธเคืองใน

ใจไว้ไม่อยู่

เหอรุ่ยสิงผู้เป็นพี่ชายที่อยู่ข้างๆ รู้สึกได้ถึงอารมณ์ แปรปรวนของน้องชาย จึงได้ตบไหล่เขาและพูดเสียง ต่ำ”ตระกูลเหอของเราก็แค่รากฐานมั่นคง ไม่งั้นก็ไม่ สามารถยืนอยู่ที่เมืองBอย่างมั่นคงแล้ว นายไม่ได้อยู่ ในประเทศมาเป็นเวลานาน ไม่รู้สถานการณ์ในประเทศ ถึงครั้งนี้เขาจะเป็นคนผิดสัญญาก่อน แต่พวกเราก็จะ แตกคอกับเขาไม่ได้

เหอรุ่ยเจ๋อแค่โกรธที่เขาถอนหมั้นอย่างเดียวที่ไหนกัน ที่ โกรธมากกว่าคือเพราะเขาพบเห็นหลินซินเหยียน

หกปีก่อน เพื่อให้หลินซินเหยียนหลุดพ้นจากจงจิ่งห้าว โดยสิ้นเชิง เขาได้พาเธอไปจากเมืองB และไปหลบอยู่ที่ ประเทศA

เขานึกว่าเวลาผ่านพ้นไปนาน หลินซินเหยียนก็จะ สามารถยอมรับเขา เวลาหกปีก็จะสามารถตัดขาดความ เกี่ยวพันอันน้อยนิดระหว่างเธอกับจงจิ่งห้าว
แต่ว่าผ่านมาหกปีแล้ว หลินซินเหยียนยังคงไม่ยอมรับ

เขาอยู่ดี

เพราะหลินซินเหยียนแล้ว จงจิ่งห้าวยังได้ถอนหมั้นกับ น้องสาวตัวเองอีก

เขาจะใจเย็นได้อย่างไร?

“แค่มีเงินหน่อย ก็จะสามารถทำอะไรได้ตามใจชอบงั้น เหรอ?” เหอรุ่ยเจ๋อไม่ปกปิดความเกลียดชังและความไม่ พอใจที่ตัวเองมีต่อเขา

เหอรุ่ยเจ๋อไม่ได้เก็บเสียง จงจิ่งห้าวจึงได้ยินอยู่แล้ว สายตาได้มองมาที่เหอรุ่ยเจ๋อ จงจิ่งห้าวจำได้ว่าเมื่อก่อน ผู้ชายคนนี้ใกล้ชิดกับหลินซินเหยียน

เขาดีดฝุ่นที่ไม่ได้มีอยู่ที่คอเสื้อจริง และพูดอย่างใจเย็น

สงบนิ่ง”นายว่าอะไรนะ? ฉันฟังไม่ชัด”

เหอรุ่ยสิงรีบก้าวมาไกล่เกลี่ย“นี่ไม่ใช่เพราะนายจะถอน หมั้นกับหลินหลิน เขาก็เลยบ่นสองนําเหรอ นายไม่ต้อง สนใจเขาหรอก”

ตอนที่เหอรุ่ยสิงพูดได้ดึงน้องชาย ให้เขาอย่าพูดจาอีก
เหอรุ่ยเจ๋อดันไม่ยอมหยุด ไม่เกรงกลัวจงจิ่งห้าวเลยสัก นิด”ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไปทำร้ายจิตใจผู้หญิง คนหนึ่งขนาดนี้ ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าตายหรือไง?”

สีหน้าของเหอรุ่ยสิงเปลี่ยนไป จ้องน้องชายตัวเองทีนึง ไม่เป็นญาติที่ผูกพันด้วยการแต่งงานของน้องสาว ดันจะ เป็นศัตรูกันให้ได้ใช่มั้ย?

เป็นศัตรูกับตระกูลจง มีผลดีอะไรกับพวกเขา?

ตัวเองลำบากลำบนทำเพื่อบ้านหลังนี้ เขาไม่เคยทำ ประโยชน์ให้กับบ้านหลังนี้เลย แต่ยังจะมาสร้างปัญหา เพิ่มใช่มั้ย?

นาทีนี้ เหอรุ่ยสิงรู้สึกผิดหวังกับน้องชายเห็นแก่ตัวที่ คิดถึงแต่ตนเอง ไม่คิดถึงตระกูลมาก

จงจิ่งห้าวฝืนยิ้ม น้ำเสียงมีความหมายลึกซึ้ง“ฉันกลัวก็ แต่สายฟ้าไม่มีตา จะผ่าผิดคน”

เหอรุ่ยเจ๋อกำมือทั้งสองไว้แน่น ถ้าไม่ใช่เหอรุ่ยสิงดึงตัว เขาไว้ ไม่แน่เขาอาจจะพุ่งไปชกกับจงจิ่งห้าวสักยกแล้ว

“พวกท่านอยู่ข้างในกันหมด นายเข้าไปก่อนเลย น้อง ชายฉันคนนี้เอ็นดูน้องสาวที่เร่ร่อนลำบากอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เด็ก นี่ถึงได้พูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ นายอย่า ถือสาเขาเลยนะ”เหอรุ่ยสิงฝืนยิ้ม

จงจิ่งห้าวมองเขาอย่างราบเรียบทีนึง จากนั้นก็ได้เดิน เข้าไปด้านใน

จงฉีเฟิงกับเหอเหวินหวยนั่งอยู่บนโซฟาหลัก

ของห้องโถงและกำลังพูดคุยกัน

เหอรุ่ยหลินนั่งอยู่ที่ข้างกายของเหอเหวินหวย ดวงตา แดงก่ำเหมือนเพิ่งร้องไห้มา

ใบหน้าที่เดิมทีแต่งได้งดงาม นาทีนี้ค่อนข้างเลอะแล้ว เห็นจงจิ่งห้าวเดินเข้ามา เธอรีบลุกขึ้น“อะห้าว——”

จงจิ่งห้าวไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งอยู่บนโซฟา เป็นฝ่าย พูดก่อนจะได้ควบคุมอีกฝ่ายได้ “ไม่ว่ายังไงผมก็จะถอน หมั้นอยู่ดี มีข้อเรียกร้องอะไรพวกคุณเสนอออกมาได้เลย ครับ”

จงฉีเฟิงเครียดจนเกือบจะกระอักเลือดอยู่แล้ว

เขาพูดคุยกับเหอเหวินหวยอยู่ในห้องรับแขกตั้งครึ่งค่อนวัน ก็เพราะไม่อยากถอนหมั้น

ทั้งสองตระกูลแต่งงานเชื่อมสายสัมพันธ์กัน ตระกูล แกร่งกับตระกูลแกร่งมาผนึกกำลังกัน ไม่ว่าตระกูลจงหรือ ตระกูลเหอก็มีผลดีทั้งนั้น

เป็นเรื่องดีที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

“จิ่งห้าว เรื่องความรักของคนหนุ่มสาวลุงก็ไม่เข้าใจ จู่ๆ นายจะถอนหมั้น คือหลินหลินลูกสาวลุงมีตรงไหนไม่ดี หรือเปล่า?”เหอเหวินหวยมีสีหน้าเป็นมิตร น้ำเสียงก็ไม่รีบ ร้อนไม่หงุดหงิด

เก็บอารมณ์ได้เก่งกว่าลูกชายทั้งสองของเขา

อยู่มาจนอายุปูนนี้ มีเรื่องอะไรบ้างที่ไม่เคยเจอ เขาย่อม สงบสติอารมณ์ได้อยู่แล้ว

ถ้าคนของตระกูลเหอตะโกนโหวกเหวกและกล่าวโทษ เขา เขาก็ง่ายที่จะจัดการแล้ว กลัวก็แต่เจอจิ้งจอกเฒ่าที่ บำเพ็ญตบะมานับพันปีอย่างเหอเหวินหวยแบบนี้แหละ

จงจิ่งห้าวก็ไม่ใช่ย่อย ถึงแม้ประสบการณ์ชีวิตมีไม่มาก เท่าเหอเหวินหวยแต่ก็เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาเหมือน กัน ความทรงอำนาจไม่แพ้เขาเลยสักนิด“ผมมีนิสัยติดตัว มาตั้งแต่เกิดก็คือไม่ชอบให้คนอื่นมาหลอกผม”
เหอเหวินหวยเห็นท่าไม่ดี ลูกสาวมีความผิดและถูกเขา จับได้จริงๆด้วย?

จงจิ่งห้าวไม่อยากขุดคุ้ยเรื่องในอดีต แค่อยากแก้ไข เรื่องตรงหน้านี้โดยเร็ว

“ท้ายที่สุดเรื่องนี้ผมเป็นคนสะเพร่าเอง ไม่ควรรับปาก แล้วมากลับคำพูด ยังไงก็ผมเป็นคนผิดสัญญาก่อน พวก คุณต้องการให้ชดเชยอะไรก็พูดมาเลยครับ ขอแค่ผมให้ ได้ก็จะไม่หวงก้างเด็ดขาดครับ”

“ฉันไม่เห็นด้วย เหอเหวินหวยยังไม่ได้เปิดปาก เหอ ย หลินก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว

เธอจ้องจงจิ่งห้าว”ปีนี้ฉันอายุ28แล้ว ได้ให้ช่วงอายุที่ดี ที่สุดกับคุณไปหมด ตอนนี้คุณจะทิ้งฉัน คือจะบีบให้ฉัน ตายรึไงคะ?”

ก็เพราะจุดนี้ จงจิ่งห้าวจึงยังมีจิตไมตรี

ต่อเธออยู่ ไม่งั้นตามนิสัยของเขาแล้ว หลังจากรู้ว่าเหอรุ่ ยหลินโกหกก็เลิกข้องเกี่ยวกับเธอตั้งนานแล้ว

“ผมบอกแล้ว คุณต้องการอะไรผมสามารถชดเชยให้ คุณได้ทุกอย่าง”จงจิ่งห้าวรู้ว่าเขาทำแบบนี้ไม่ถูก
ก็เหมือนที่เหอรุ่ยเจอด่าเขา อาศัยแค่มีเงินก็จะสามารถ ทำอะไรได้ตามใจชอบงั้นเหรอ?

แต่เรื่องมันมาถึงวันนี้ เขาไม่มีทางเลือก

“อย่าวู่วามสิ”เหอรุ่ยเจ๋อเดินเข้ามากอดน้องสาวที่ตัวสั่น ไว้

เหอรุ่ยหลินจ้องหน้าจงจิ่งห้าวแล้วเค้นถาม“ชดเชย คุณ จะเอาอะไรมาชดเชย?”

จงจิ่งห้าวจ้องมองเธอ”คุณจะให้ผมชดเชยอะไร?”

ทั้งสองสบตากัน ต่อกรกันอย่างไร้เสียง และอาฆาต พยาบาทมาก

เป็นถึงตระกูลอย่างพวกเขา ชดเชยด้วยเงินเป็น พฤติกรรมที่ระดับต่ำที่สุด ทั้งทำลายมิตรภาพของสอง ตระกูล และทำลายไมตรีจิตด้วย

ถ้าวันนี้ตระกูลเหอเอาผลประโยชน์ แพร่ออกไปก็ฟังดู

ไม่ดี

“ฉันจะเอาชีวิตของคุณ คุณให้ฉันมั้ย?”เหอรุ่ยหลิน ตะคอกเสียงดังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
คนที่อยู่ในห้องรับแขกต่างก็อึ้ง

“ลูกพูดจาเหลวไหลอะไร?”ภายนอกเหอเหวินหวยทำ เป็นตำหนิ แต่ในใจก็อยากดูเหมือนกันว่าจงจิ่งห่าวจะ แก้ไขยังไง

งานหมั้นนี้จงจิ่งห้าวเป็นคนรับปากเอง ตอนนี้จงจิ่งห้าว กลับผิดสัญญา ลึกๆในใจเขา เขาก็ไม่พอใจเหมือนกัน

ไม่ได้เผยออกมาทางสีหน้า ไม่ได้หมายความว่าในใจจะ ไม่แคร์

จงฉีเฟิงมีสีหน้าตึงเครียด เดิมทีเขายังชอบเหอรุ่ยหลิน เด็กคนนี้อยู่ แต่ตอนนี้ชักจะไม่ค่อยชอบแล้ว

ถึงแม้เขาเองก็ไม่อยากให้จงจิ่งห้าวถอนหมั้นเหมือนกัน

แต่นี่เป็นลูกชายของเขานะ

ไม่นึกเลยว่าตอนนี้เธอจะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำขนาดนี้

จงจิ่งห้าวกลับสงบจิตสงบใจ เขาลุกขึ้น นิ้วมือเรียวยาว แกะกระดุมของเสื้อสูทออก และถกแขนเสื้อขึ้น เผยแขน ที่กำยำออกมา
จงฉีเฟิงตะโกนด้วยความตกใจ”แกทำอะไร?”

เหอรุ่ยหลินตกใจจนอึ๊งค้างตั้งนานแล้ว”อะ——อะห้าว

จงจิ่งห้าวก้มไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ในถาดผลไม้

และเดินไปหาเหอรุ่ยหลิน เหอรุ่ยเจ๋อก็ตกใจไม่เบาเลย ได้ยื่นมือกอดน้องสาวไว้

แน่น

เหมือนกลัวว่าจงจิ่งห้าวจะทำร้ายน้องสาวเขายังไงอย่าง

จงจิ่งห้าวดึงเหอรุ่ยเจ๋อออก แล้วมองหน้าเหอรุ่ยหลิน “ถ้านี่เป็นสิ่งที่คุณต้องการ ผมให้คุณ”

เขาโน้มตัวเอามีดยัดไปที่มือของเหอรุ่ยหลินแล้วกุมมือ เธอแน่น พร้อมใช้มีดจี้ทรวงอกตัวเองไว้

เหอรุ่ยหลินกลัว เธอกลัวแล้วจริงๆ

เธอส่ายหัวสุดฤทธิ์“ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้อยากให้ คุณตาย——
จงจิ่งห้าวยิ้ม”ชีวิตนี้ผมไม่เคยติดค้างใครเลย มีแค่คุณ เท่านั้น คุณต้องการ ผมก็จะให้คุณเดี๋ยวนี้เลย แต่ต่อไป เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก——”

ระหว่างที่เขาพูด มือของเขาก็ได้ออกแรงด้วย

“on!”

เหอรุ่ยหลินอยากปล่อยมือ แต่มือของจงจิ่งห้าวมี เรี่ยวแรงเยอะเกินไป เธอคลายมือไม่ออก

มีดแหลมคมแทงทะลุเสื้อเชิ้ตขาวสะอาด ทิ่มแทงเข้าไป ในเนื้อหนังของเขา เลือดสีแดงสดได้เอ่อล้นออกมา

พฤติกรรมของจงจิ่งห้าว ทำให้ทุกคนเหนือความคาด หมายมาก

ไม่นึกเลยว่าเขา—-

จะกล้าจริงๆ!

“ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน——” เหอรุ่ยหลินน้ำตานองหน้า

จงจิ่งห้าวยื่นมืออีกข้างออกมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเธอ”ปีนั้นผมอายุ14 ถูกลักพาตัวไปบนเขา ถูกเด็กผู้หญิง อายุสิบขวบช่วยชีวิตไว้อย่างเหนือความคาดหมาย ต่อมา ผมรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือเด็กกำพร้า ผมเลยสมทบทุน ให้เธอได้เข้าเรียน พอจบมหาวิทยาลัย เธอก็คอยติดตาม อยู่ข้างกายผม ผมไปทำงานต่างถิ่นไม่ระวังถูกงูพิษกัด ก็ได้เธอที่ช่วยผมไว้อีก——

แววตาของเขา ท่าทางของนิ้วมือเขาอ่อนโยนสุดๆ เหมือนกำลังเช็ดถูของล้ำค่าอยู่ยังไงอย่างงั้น

“ผมผิดต่อคุณเอง ในเมื่อคุณต้องการ งั้นผมจะให้คุณ ตอนนี้ นับแต่นี้ไปเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ