ตอนที่ 83-1 มาติดตามข้า ดีไหม
ชายหนุ่มยืนอยู่ข้างซุ้มประตูโค้ง เขาสวมชุดยาวสีม่วงทองปัก ลายมังกรสีเล็บ กับเสื้อคลุมสีเงินเทาตัวใหญ่ แม้พูดเสียงยิ้ม แต่สีหน้ากลับนิ่งเฉย กระทั่งดวงตาอันล้ำลึกยังมีความเย็นชาที่ พูดไม่ออกอยู่
น่าจะเดาออกแต่แรกแล้วว่า นอกจากเขา ยังจะมีใครกล้า ยืมชื่อของสนมเอกเฮอเหลียนแอบเรียกตนออกมาอีก อวิ๋น หวานชิ้นขย่าชายเสื้อ อดไม่ได้ที่จะเชิดหน้าขึ้น แต่ชุดของเขา ในวันนี้คือชุดตามขนบขององค์ชายแห่งราชสำนักต้าเซวียน ซึ่งต่างกับที่ตนเคยพบเจอเมื่อครั้งก่อนๆ จึงต้องถอนสายบัว
“ถวายบังคมฉินอ๋อง” แล้วค่อยพูดอย่างอดไม่ได้ “ท่าน อ๋องควรเชิญหม่อมฉันมาอย่างเปิดเผย เหตุใดต้องทำลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ ทำให้หม่อมฉันตกใจหมด
ตอนนี้อยู่ในวัง ด้านข้างยังมีวันที ต้องเปลี่ยนเป็นเรียก ให้เหมาะสมหน่อย จะทำตัวตามสบายไม่ได้
ใบหน้าอันหล่อเหลาของซย่า โหวซื้อถึงปรากฏรอยยิ้ม บางๆ ก่อนว่า
“ที่แท้เจ้าก็ตกใจเป็นด้วย? ทีในงานเลี้ยงนำสุราของข้าไป เล่นงานผู้อื่น ข้าก็ยังไม่เห็นเจ้าตกใจเลย ตอนถูกไทเฮาเรียกไปด้านหน้าเพื่อรับโทษ ข้าก็ยังคงไม่เห็นเจ้าตกใจเช่นกัน แล้ว ตอนนี้ ทำไมถึงได้กลายเป็นคนขี้ขลาดไปได้ล่ะ
ชายหนุ่มพูดพลางเดินเข้ามาใกล้นางเรื่อยๆ แต่สายตา
ยังคงนิ่งเฉย นิ่งจนคล้ายเวิ้งน้ำลึก น้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อครู่ มลายหาย กลับบวกความเข้มและเฉียบคมเข้าไป คล้ายสัตว์ ป่าก่อนถูกล้อมล่า ที่ใช้สายตาตรวจสอบและระมัดระวังเพื่อ เตรียมจู่โจม
อนหว่านปิ่นเข้าใจแล้ว เขาไม่เพียงรู้ว่าสุราบ้านนั้นมี ปัญหา ยังสงสัยอีกด้วยว่าตนรู้เรื่องนี้ล่วงหน้า
“หรือท่านอ๋องรู้สึกว่า หม่อมฉันสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นมา ทําร้ายพระองค์”
อนหวานชื่นกลับถามอย่างสงบนิ่ง ไม่โกรธที่เขาสงสัย
ถ้าเป็นตนเอง ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเดาเช่นกัน
เขากับนางแม้พบเจอกันหลายครั้ง แต่บอกตามตรง ก็ยัง เป็นคนแปลกหน้ากันอยู่ดี แล้วจะเรียกร้องให้ทั้งสองผสาน ผลึกใสกับอวัยวะภายในรวมกัน คบหากันอย่างจริงใจ เชื่อใจ ซึ่งกันและกันได้อย่างไร โอรสสวรรค์มักหวาดระแวงมาแต่ อดีต ผู้ที่จะเป็นฮ่องเต้ในอนาคต ถ้าใสซื่อบริสุทธิ์ เชื่อคนได้ ง่ายๆ นางก็อาจดูหมิ่นด้วยซ้ำ
แม้ซย่าโหวซื้อถึงไม่รู้ว่า เหตุใดนางถึงรู้ว่าสุรามีปัญหา แต่กลับเชื่อว่านางไม่มีทางสมคบคิดกับผู้อื่นเพื่อทำร้ายตนเอง แน่ เพราะถ้านางทำเช่นนั้น เหตุใดต้องช่วยตนเอง โดยไม่ห่วงว่าจะถูกลงโทษด้วยเล่า แววตาจึงลึกลง
“ข้าเพียงคิดไม่ถึงว่า คุณหนูอนจะสังเกตเห็นและช่วยข้า แก้ไขสถานการณ์
สุราบ้านนั้น ถ้ายกไปในให้ไทเฮา ผลลัพธ์ย่อมแย่เกิน จินตนาการ ต่อให้ไม่ได้คิดทำร้าย อย่างไรเขาก็เป็นผู้คารวะ สุรา ย่อมต้องยอมรับผิด โทษฐานประมาทเลินเล่อ
ชายผู้นี้กลับไม่ถามมากความ และเหมือนไม่คิดถามอะไร มาก กลับคิดคำอ้างให้ตน…อย่างคำว่าสังเกตเห็น อวิ๋นหว่าน ชิ้นจึงโล่งใจ ดวงตาทอประกาย
“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เชื่อใจ” ชะงักเล็กน้อย “แล้วท่าน อ๋องตรวจพบหรือยังว่า สุรานั่นใครเป็นคน…..
ซย่าโหวชื่อถึงคล้ายมองเจตนานางออก จึงจ้องนางนิ่ง
“เจ้าห้า
เขาตรงไปตรงมาดี พูดออกมาตรงๆ! อวิ๋นหวานชื่นอึ้ง แต่ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าระหว่างเขากับเว่ยอ๋องมีความแค้นสะสมกัน ยาวนาน คนนอกล้วนดูออก เขาจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก
อวิ๋นหวานชื่นจ้องมองเขา “เสียดาย ไม่มีหลักฐาน จึง เปิดโปงไม่ได้ว่า องค์ชายห้าเจตนาประทุษร้าย และเมื่อองค์ ชายห้าสามารถสับเปลี่ยนบ้านสุราของท่านอ๋องได้ คิดว่ามือไม้ ที่ใช้ก็ต้องจัดการให้สะอาดสะอ้าน
พอเห็นเขาครุ่นคิดไม่พูด จึงปลอบโยน “ทว่าฟ้ามีตา ถ้าองค์ชายห้าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เบาะแสรั่วไหลออกมาจนได้
โดยไม่แก้ไข
ช้าเร็วก็ต้องมี
ซย่าโหวชื่อถึงเอะใจ พลันก้าวเข้ามา โน้มตัวลงข้างใบหู ของหญิงสาว
“ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องฟ้ามีตามาแต่ไหนแต่ไร พึ่งพาตัวเอง ล่ะ ทำได้จริง”
น้ำเสียงต่ำลงไปอีกสองชั้น คล้ายยับยั้งความคิดบาง อย่างไว้
“วางใจ ข้าไม่ให้เจ้าต้องเสี่ยงโดยเปล่าประโยชน์หรอก
ปฏิกิริยาของอวิ๋นหวานชื่นคือ ถอยออกสองก้าว ดูท่าฉัน อ๋องน่าจะได้หลักฐานที่หนักแน่นพอที่จะเอาผิดกับเว่ยอ๋องใน ข้อหาประทุษร้ายแล้ว พอคิดได้เช่นนี้ ก็นึกถึงเรื่องๆ หนึ่ง จึง ทำปากยื่นปากยาว พลางว่า
“มีเรื่องๆ หนึ่ง ก่อนหน้านี้หม่อมฉันไม่มีโอกาสถาม ตอน นี้ได้โอกาสเหมาะพอดี น้องสาวหม่อมฉันถูกท่านอ๋องเรียกให้ ไปพบนอกตึกใจซิง แล้วทำไมถึงอยู่กับเว่ยอ๋องได้ หรือท่าน อ๋องเป็นผู้บงการ ส่งลูกสาวบ้านอนให้พี่น้องบ้านท่าน ท่าน อ๋องรู้จักยืมดอกไม้ถวายพระ
ซย่าโหวซื้อถึงเห็นนางหลบออก จมูกจึงแดงเล็กน้อย และ ซึมไปบ้าง
“ข้าไม่ใช่พ่อสื่อ จะบงการเรื่องนี้ได้อย่างไร นั่นเป็นวาสนาของน้องสาวเจ้ากับเว่ยอ๋องเอง น้องสาวเจ้าคนนี้มัก ใหญ่ใฝ่สูงกว่าเจ้ามาก ดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะจับผู้ชายชั้นสูงให้ ได้ เจ้าเป็นลูกเมียหลวง นางเป็นลูกเมียน้อย โดยสถานะแล้ว เจ้าคือผู้ชนะ แต่ตอนนี้สามีนางเป็นถึงอ๋องเชื้อพระวงศ์ ต่อไป เจ้าก็ไม่แน่ว่าจะชนะนาง
หมายความว่า ตนต้องหาอ๋องสักคน จะได้ไม่แพ้อวิ๋น หว่านลงหรือ และตรงหน้านี้ก็คนหนึ่ง ที่มาประเคนให้ถึงที่ ถ้า ไม่เอาก็เสียเปล่า
คำพูดนี้ เป็นการบอกใบซึ่งกำกวมสุด ในสองชาติที่อวัน หวานชิ้นเคยพบเจอมา แต่ไม่รู้ทำไม เกรงว่าเขาจะเหมือนตอน จากลากันบนเขาหลงติ่ง ที่พูดจาเหลวไหลไร้สาระอีก จึงรีบกระ พริบตา แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด
“เชื้อพระวงศ์ทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์เพียงช่วงระยะหนึ่ง ไม่แน่ ว่าจะมั่นคงตลอดไป”
เมื่อชาติที่แล้ว จุดจบของเวยองคือ โด่งดังไปทั่ว แต่ โด่งดัง ในเชิงลบ นางรู้อยู่แก่ใจดี
หรือต่อให้นางไม่รู้ จากนิสัยของเว่ยอ๋องที่ถูกเลี้ยงดูอย่าง ตามใจมาตลอด ก็ไม่ต่างจากอวิ๋นจิ้นจังเมื่อชาติที่แล้วสักเท่า ไหร่ จะได้ดีสักแค่ไหนเชียว ก็แค่รอเวลาเท่านั้น
ซย่า โหวชื่อถึงเก็บสายตาคืนกลับ ครั้งก่อนนางก็เป็นคน
เตือนให้ตนเปลี่ยนสาวใช้ข้างกายเสด็จแม่
ตอนนี้นางยังรู้อนาคตของเวียอ๋องอีก เด็กคนนี้ ในหัวมี อะไรกันแน่ จิตวิญญาณเป็นอย่างไรกัน หรือเป็นนางมาร
น้อยจริงๆ…คิดพลางใบหน้าก็ร้อนขึ้นมาอีกอย่างอดไม่ได้ จึงตะเบ็งเสียงเข้ม
“ถอยออกไป”
พอขันที่ได้ยินคำสั่ง ก็ก้มหน้าถอยออกไปไกลถึงระเบียง
ชายหนุ่มจึงค่อยๆ พูดทีละคำ “เจ้ารู้สึกว่าเว่ยอ๋องจะ
รุ่งโรจน์ได้ไม่นาน
ดวงตาของอวิ๋นหวานชิ้นใสราวกระจก แจ่มชัดและสงบนิ่ง ขณะถามกลับ
“โลกนี้มีเรื่องที่อยู่ยั้งยืนยงด้วยหรือ อย่างมากก็เพราะ มานะอุตสาหะ จึงยึดระยะเวลารุ่งโรจน์ออกไปได้ทว่า ถ้าแม้แต่ เวลาที่ให้กับความมานะก็ยังไม่มีแล้วล่ะก็ ความเสื่อมของ เกียรติยศก็รออยู่ไม่ไกล
อย่าโหวซื้อถึงพูดไม่ออก ได้แต่ยกมุมปากขึ้นยิ้ม
“พระมารดาของเจ้าห้าเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท บ้าน สกุลเหวยจึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณไปด้วย โดยทางบ้านมี แม่ทัพทางเหนืออยู่สองคน ผู้ว่าราชการเมืองในลุ่มแม่น้ำทั้ง สามที่ทำงานในเมืองหลวงหนึ่งคน ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นคน ใกล้ชิดของฝ่าบาททั้งสิ้น พวกเขาครอบกรมกองต่างๆตระกูลสูงศักดิ์และนักศึกษา มีเครือข่ายอยู่ทั่วไป ในราชสำนัก สกุลเหวยกลายเป็นก๊กๆ หนึ่ง ซึ่งมากอำนาจและบารมี โดย แม้แต่พระญาติของเจียงไทเฮา ก็ยังไล่ตามไม่ทัน ขนาดคน สกุลอ ที่หยิ่งยโส เพราะเป็นสกุลผู้บุกเบิกแห่งแคว้น ก็ยังต้อง เคารพนบนอบผู้ชายสกุลเหวย คนเช่นนี้…คุณหนูอนกลับบอก ว่ารุ่งโรจน์ได้ไม่นาน?
“จันทร์เต็มดวง ถูกบดบังได้ฉันใด น้ำเต็มแก้ว ย่อมล้น ออกได้ฉันนั้น” อวิ๋นหว่านชิ้นว่า “ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาของคำว่า เต็ม’ แล้ว”
ดวงตาซย่าโหวชื่อถึงยิ่งลึกล้ำ “อ้อ
ดวงตาอนหวานชิ้นใสกระจ่าง “ที่ไทเฮาตัดสินพระทัยยก น้องสาวหม่อมฉันให้เว่ยอ๋องนั้น ก็พอจะเห็นเค้าลางบ้างแล้ว ใช่ว่าหม่อมฉันจะเหยียดบ้านตัวเอง หรือดูหมิ่นตัวเอง น้อง สาวเป็นลูกเมียน้อย บิดาเป็นขุนนางชั้นสาม ไม่มีบรรดาศักดิ์ การได้เป็นชายารองขององค์ชายถือว่าสูงไปบ้างจริงๆ ได้ยิน มาว่าชายารองคนก่อนของเว่ยอ๋อง เป็นลูกสาวคนที่สองของ ขุนนางชั้นหนึ่ง ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำตัวของรัชทายาท ซึ่ง การนี้หม่อมฉันไม่รู้สึกว่าไทเฮาหลับหูหลับตาจับคู่ให้แต่อย่าง ใด……..
ซย่าโหวชื่อถึงเข้าใจความหมายของนางแล้ว จึงตั้งใจฟัง นางพูดต่อ
“…สกุลเหวยขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว ย่อมค่อยๆ ตกต่ำลง ขึ้นตระกูลสูงศักดิ์และนักศึกษา มีเครือข่ายอยู่ทั่วไป ในราชสำนัก สกุลเหวยกลายเป็นก๊กๆ หนึ่ง ซึ่งมากอำนาจและบารมี โดย แม้แต่พระญาติของเจียงไทเฮา ก็ยังไล่ตามไม่ทัน ขนาดคน สกุลอ ที่หยิ่งยโส เพราะเป็นสกุลผู้บุกเบิกแห่งแคว้น ก็ยังต้อง เคารพนบนอบผู้ชายสกุลเหวย คนเช่นนี้…คุณหนูอนกลับบอก ว่ารุ่งโรจน์ได้ไม่นาน?
“จันทร์เต็มดวง ถูกบดบังได้ฉันใด น้ำเต็มแก้ว ย่อมล้น ออกได้ฉันนั้น” อวิ๋นหว่านชิ้นว่า “ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาของคำว่า เต็ม’ แล้ว”
ดวงตาซย่าโหวชื่อถึงยิ่งลึกล้ำ “อ้อ
ดวงตาอนหวานชิ้นใสกระจ่าง “ที่ไทเฮาตัดสินพระทัยยก น้องสาวหม่อมฉันให้เว่ยอ๋องนั้น ก็พอจะเห็นเค้าลางบ้างแล้ว ใช่ว่าหม่อมฉันจะเหยียดบ้านตัวเอง หรือดูหมิ่นตัวเอง น้อง สาวเป็นลูกเมียน้อย บิดาเป็นขุนนางชั้นสาม ไม่มีบรรดาศักดิ์ การได้เป็นชายารองขององค์ชายถือว่าสูงไปบ้างจริงๆ ได้ยิน มาว่าชายารองคนก่อนของเว่ยอ๋อง เป็นลูกสาวคนที่สองของ ขุนนางชั้นหนึ่ง ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำตัวของรัชทายาท ซึ่ง การนี้หม่อมฉันไม่รู้สึกว่าไทเฮาหลับหูหลับตาจับคู่ให้แต่อย่าง ใด……..
ซย่าโหวชื่อถึงเข้าใจความหมายของนางแล้ว จึงตั้งใจฟัง นางพูดต่อ
“…สกุลเหวยขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว ย่อมค่อยๆ ตกต่ำลง ขึ้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ