ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 82-2 พลิกสถานการณ์



ตอนที่ 82-2 พลิกสถานการณ์

อวิ๋นหวานชิ้นเคยได้ยินเฉินจื่อหลิงเล่าว่า ตามกฎระเบียบของ วังหลวง พอเหล่าสนมนางในคารวะสุรากันเสร็จสรรพ ก็ถึง คราวของเหล่าองค์ชายเจริญวัย ถือป้านสุรา เดินเข้าไปใน ศาลา รินสุราให้เสด็จย่าด้วยตนเอง เรียกว่า สุราลูกหลานม

หลังจากอนหว่านในคารวะสุราร่วมกับสนมเอกเชื่อ เหลียนเรียบร้อย ก็ถอยไปยืนข้างพรมแดง จากนั้นก็รู้สึกว่า สัมผัสโดนชายเสื้อชุดผ้าไหมสีม่วงปักดิ้นทองลายมังกรสี่เล็บที่ ปลิวเบาๆ ขึ้นมาครึ่งตัว พอมองไป ก็เห็นฉินอ๋อง เขาเหมือน องค์ชายท่านอื่นๆ ที่ลุกขึ้นจากที่นั่งมายืนรอต่อแถวคารวะสุรา โดยข้างกายองค์ชายทุกพระองค์จะมีขึ้นที่น้อยคนหนึ่งคอยถือ ป้านสุราให้

ซึ่งขันที่น้อยที่ตามฉินอ๋องอยู่ข้างกายนั้น ถือถาดไม้แดงไว้

ในมือ ในถาดวางบ้านสุราที่มีสุราอยู่เต็มบ้าน เช่นเดียงกันกับ

ขององค์ชายท่านอื่นๆ เป็นบ้านสุราสีทองสลักลายมังกรและ

หงส์ เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศเย็น ถ้าสุราที่ดิน

ให้ผู้สูงวัยอย่างไทเฮาดื่มเย็นลง เกรงว่าไทเฮาอาจไม่สบายได้

สุราในบ้านจึงเป็นสุราอื่นๆ ที่เพิ่งผ่านการต้ม โดยอาศัยช่วงรอ

ต่อแถว วางไว้ในถาดให้ร้อนน้อยลง

ฉินอ๋องเดินตรงเข้ามา ห่างจากนางราวสามสี่ก้าว กลิ่นที่คุ้นเคยของชายหนุ่มโชยเข้าจมูกอวิ๋นหวานชื่น ขณะก้าวยาวๆ เข้ามา นอแรดที่ห้อยสายรัดเอวกระเด้งกระดอนพร้อมกับกลิ่น อำพันทะเล นางแทบอยากกลั้นหายใจ โดยไม่คิดว่า ตอนสุด หายใจเข้าไปก่อนที่จะกลั้นหายใจ กลับทำให้นางสะดุ้งตกใจ จนยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

เป็นเกสรดอกไม้ กลิ่นเกสรดอกไม้ ผู้ที่เคยสัมผัสกับเกสร

ดอกไม้จะรู้ว่า ดอกไม้สดแม้หอม แต่ถ้าคมเฉพาะเกสรดอกไม้

เพียงอย่างเดียว จะได้กลิ่นคาวจางๆ และกลิ่นเหม็นเขียวร่วม

ด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่น่าดมสักเท่าไหร่ แต่มีเอกลักษณ์มาก

ดังนั้นแม้เกสรดอกไม้สามารถใช้ทำอาหารเสริมเพื่อความงาม

แต่สตรีมากมายก็ไม่ชอบกิน เพราะกลิ่นของมันทำให้กินไม่ลง

พอเงยหน้าขึ้น อวิ๋นหว่านในก็จ้องฉินอ๋องเขม็ง กลิ่นนี้โชยมาจากตัวเขา

เจียไทเฮาเป็นภูมิแพ้ละอองเกสรดอกไม้ แล้วเหตุใดใน งานเลี้ยงถึงได้มีกลิ่นเกสรดอกไม้ได้ล่ะ

อีกทั้ง กลิ่นแรงมากด้วย

ถูก กลิ่นนี้ คล้ายกับกลิ่นสุราดอกไม้สามชนิดที่หลายวัน ก่อนตนหมักทิ้งไว้แล้วนำออกมาดื่มกับเดี่ยวเอ๋อร์และซูซย่า เป็นกลิ่นของกรดแอลกอฮอล์ผสมกับเกสรดอกไม้

และนี่ก็เป็นเวลาคารวะสุราพอดี…

สุรา…หรือมีคนนำเกสรดอกไม้ใส่ลงไปในสุรา
แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ชักช้าแม้เพียงเสี้ยวเวลาไม่ได้เป็น อันขาด อวิ๋นหวานชื่นรีบก้าวเข้าหา

วันที่น้อยที่ยืนถือถาดป้านสุราอยู่ข้างๆ ฉินอ๋อง ดวงตา

มืดหม่นลง ก่อนเงยหน้าขึ้น

“คุณหนูอวิ๋น…”

พอย่าโหวซื้อถึงเห็นว่า จู่ๆ นางก็เดินเข้ามา พลางใช้ ดวงตาอันใสเย็นจ้องมองเขาเขม็ง คล้ายมีอะไร

อยากพูดด้วย ก็วางท่าขรึมและหยุดเดิน

ในสถานการณ์แบบนี้ ไหนเลยจะมีโอกาสอธิบาย อวิ๋น หว่านชิ้นคิดใหม่ นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน

การรินสุราลูกหลานบ่ม เพื่อความเป็นศิริมงคลในการ คารวะสุรา มีกฎเกณฑ์และลักษณะร่วมที่ไม่เหมือนกับของแขก เหรื่อท่านอื่นๆ คือ ไม่สามารถอ้างเหตุผลใดๆ เพื่อเปลี่ยนบ้าน สุรา ยิ่งไม่สามารถบอกความจริง เพราะถ้าพูดออกไป เจียไท เฮาก็รู้แต่เพียงว่า ฉินอ๋องเป็นคนนำสุราเกสรดอกไม้มาคารวะ ต่อให้เขามีสิบปาก ก็โต้เถียงยาก

มีแต่ต้องกำจัดทิ้ง!

เว่ยอ๋องยืนอยู่ถัดจากองค์ชายสาม พอเห็นคุณหนูอน เดินเข้ามาและยืนขวางขันที่น้อยผู้ถือถาดสุราของฉินอ๋องอยู่ ก็ ตกใจ เพราะกำลังกินปูนร้อนท้อง เกรงว่านางจะทำให้เสียแผน จึงขมวดคิ้วพลางตะคอกใส่
“นี่ๆๆ! มาจากไหนน่ะ รู้จักกฎระเบียบไหม….

อนหวาน นกวาดตามองรอบด้าน และเห็นว่าห่างไปไม่กี่ ก้าว หลังโต๊ะยาวมีชายหนุ่มชนชั้นสูงกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ หนึ่งใน นั้นคือมู่หรงไท่

ถือว่าเจ้าโชคร้ายก็แล้วกัน

ไม่มีวิธีอื่นใดอีกที่จะไม่ทำให้ใครเสียหาย อวิ๋นหว่านใน จึงไม่พูดพล่ามทำเพลง เปลี่ยนสีหน้า เลิกคิ้วสวย ก่อนยกบ้าน สุราซึ่งมีสุราที่สามารถทำให้คนรินตกเป็นผู้กระทำความผิด ร้ายแรง สาดใส่หรงไปจนหมดบ้าน

สุราหนึ่งป้านประหนึ่งสายฝนรสหวานที่หล่นลงมาจาก ฟากฟ้า ทำชุดยาวเปียกไปครึ่งตัว มู่หรงไม่ตกตะลึงพรึงเพริศ ลุกพรวดขึ้น แม้โมโห แต่พอเห็นสุราในบ้านที่สับเปลี่ยนมาถูก สาดจนไม่มีเหลือ ก็รู้สึกเครียดจนพูดไม่ออก ความโกรธจึงลด ลงครึ่งหนึ่ง กัดฟันแล้วว่า

“คุณหนูอน นี่ หมายความว่าอะไร

การสาดสุรา ทำให้ผู้คนพากันตกใจ จึงพุ่งเป้าสายตามา แล้วหันไปซุบซิบกัน ทำนองว่า คุณหนูอวินนี่วางตัวดีมาตลอด ทำไมจู่ๆ ถึงทำเรื่องไร้มารยาทขนาดนี้ได้

เจียไทเฮาที่นั่งอยู่ในศาลาเห็นเหตุการณ์ชัดเจน จึงขมวด

คิ้วตาม

“ไปดูซิว่า คุณหนูอนทำอะไรกันแน่!
จูซุ่นจึงรีบวิ่งลงบันไดไป ขณะตกใจไม่หาย

สนมเอกเฮอเหลียนก็คิดไม่ถึงว่าอนหว่านชิ้นจะทำเช่นนี้ จึงสะดุ้งโหยงก่อนเอ็ด

“ยังไม่ไปพากลับมาอีก!

เดี๋ยวเอ๋อร์จึงก้าวเข้าไป จับมือคุณหนูของตนแล้วพาออก มา แม้มองตาก็รู้ใจว่า นางไม่มีทางสาดสุราอย่างไม่มีเหตุผล แน่ แต่ทำไมคุณหนูใหญ่ถึงไม่แอบทำล่ะ กระโตกกระตากแบบ นี้ แถมเป็นงานเลี้ยง ในวังด้วย อย่างไรตนก็รู้สึกเครียดยิ่ง เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น

พออวิ๋นหวานชิ้นเห็นจูซันมา ก็ทำที่เป็นไม่เห็น จับมือ

เมี่ยวเอ๋อร์ไว้แน่น ร่างสั่นเล็กน้อย เดิมก้มหน้า แต่ก็

ยังเหล่ตามองมู่หรงไปด้วยสายตาที่ทั้งเย็นชาและมีน้ำตา

ตื้นๆ ก่อนหยุดเดิน พลางส่งเสียงอันเยียบเย็นออกมา

“คุณชายรองมู่หรงยังมีหน้ามาถามอีกว่า หมายความว่า อะไร น้องรองข้ารักท่านอย่างสุดหัวใจ…วันนี้ข้า

ก็แค่ทนดูพฤติกรรมของคุณชายรองมู่หรงไม่ได้ แค่นั้น

คำพูดนี้พอหลุดจากปาก คนในงานเลี้ยงล้วนเข้าใจแล้ว เรื่องคุณหนูรองสกุลอวิ๋นแต่งเข้าจวน โหวในฐานะอนุคนโปรด แล้วได้รับการดูแลอย่างทิ้งขว้าง ให้อยู่ในบ้านหลังเล็กๆ นอก จวนโหว เป็นที่รู้กันทั่วทั้งเมืองหลวง จนป่านนี้ แม้แต่ประตู จวนก็ยังเข้าไม่ได้ และมีคนไม่น้อยก็รู้อีกว่า คุณหนูใหญ่สกุลอวันรู้สึกว่าถูกดูหมิ่น เรื่องเมื่อครู่จึงน่าจะเป็นเพราะได้พบเจอมห รงไปตัวเป็นๆ จึงอารมณ์ขึ้น อดไม่ไหวที่จะแก้แค้นแทนน้อง สาว

ทว่ามู่หรงไท่ไม่เชื่อหรอกว่า อวิ๋นหวานชื่นจะออกหน้าแทน อนหว่านเฟย แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ๆ อึ้งๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน อึดอัดใจจนหน้าแดงก่ำ พออวิ๋นหว่านชื่นเห็นจูรุ่นก้าวเข้าหา จึงผละออกจากเมียวเอ๋อร์ หันหน้าไปทางศาลา แล้วคุกเข่าลง

“พระอาญาไม่พ้นเกล้า! เป็นเพราะหม่อมฉันเห็นคุณชาย รองทรงแล้ว ก็อดนึกถึงน้องรองที่น่าสงสารไม่ได้ อีกทั้งยัง นึกถึงบิดาที่มักถอนหายใจขณะอยู่กับบ้าน จึงหัวร้อนขึ้นมา ละเมิดกฎในวังไป

เจียไทเฮาอยู่วังหลัง ไม่กระจ่างเรื่องภายในครอบครัวลูก หลานขุนนางสักเท่าไหร่ ฟังไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง นางในซึ่งอยู่ ข้างๆ จึงอธิบายให้ฟังเสียงเบา

“เหมือนหลายวันก่อน คุณชายรองของจวนกุยเต๋อโหว รับคุณหนูรองสกุลอวิ๋นเข้าเป็นอนุคนโปรด แต่กลับมิได้ปฏิบัติ กับนางดีๆ…คุณหนูอนคล้ายเห็นคุณชายรองมู่หรงแล้วหมั่น ไส้ รู้สึกว่าคนที่บ้านกับน้องสาวไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงทน ไม่ไหว โมโหใส่ไป…”

ถ้าคิดเช่นนี้ ก็พอจะอภัยให้อวิ๋นหว่านชิ้นได้ อย่างไรเจีย ไทเฮาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ย่อมรู้สึกแบบเดียวกับผู้หญิงในใต้ หล้า รังเกียจผู้ชายที่ทอดทิ้งผู้หญิง แต่เมื่อกระทำการทุ่มบ่ามวันรู้สึกว่าถูกดูหมิ่น เรื่องเมื่อครู่จึงน่าจะเป็นเพราะได้พบเจอมห รงไปตัวเป็นๆ จึงอารมณ์ขึ้น อดไม่ไหวที่จะแก้แค้นแทนน้อง สาว

ทว่ามู่หรงไท่ไม่เชื่อหรอกว่า อวิ๋นหวานชื่นจะออกหน้าแทน อนหว่านเฟย แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ๆ อึ้งๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน อึดอัดใจจนหน้าแดงก่ำ พออวิ๋นหว่านชื่นเห็นจูรุ่นก้าวเข้าหา จึงผละออกจากเมียวเอ๋อร์ หันหน้าไปทางศาลา แล้วคุกเข่าลง

“พระอาญาไม่พ้นเกล้า! เป็นเพราะหม่อมฉันเห็นคุณชาย รองทรงแล้ว ก็อดนึกถึงน้องรองที่น่าสงสารไม่ได้ อีกทั้งยัง นึกถึงบิดาที่มักถอนหายใจขณะอยู่กับบ้าน จึงหัวร้อนขึ้นมา ละเมิดกฎในวังไป

เจียไทเฮาอยู่วังหลัง ไม่กระจ่างเรื่องภายในครอบครัวลูก หลานขุนนางสักเท่าไหร่ ฟังไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง นางในซึ่งอยู่ ข้างๆ จึงอธิบายให้ฟังเสียงเบา

“เหมือนหลายวันก่อน คุณชายรองของจวนกุยเต๋อโหว รับคุณหนูรองสกุลอวิ๋นเข้าเป็นอนุคนโปรด แต่กลับมิได้ปฏิบัติ กับนางดีๆ…คุณหนูอนคล้ายเห็นคุณชายรองมู่หรงแล้วหมั่น ไส้ รู้สึกว่าคนที่บ้านกับน้องสาวไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงทน ไม่ไหว โมโหใส่ไป…”

ถ้าคิดเช่นนี้ ก็พอจะอภัยให้อวิ๋นหว่านชิ้นได้ อย่างไรเจีย ไทเฮาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ย่อมรู้สึกแบบเดียวกับผู้หญิงในใต้ หล้า รังเกียจผู้ชายที่ทอดทิ้งผู้หญิง แต่เมื่อกระทำการทุ่มบ่าม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ