ตอนที่ 82-1 พลิกสถานการณ์
เจียไทเฮาเพิ่งพูดเรื่องพระราชทานสมรสได้เพียงครึ่งเดียว อย่า โหวชื่อถึงก็ไอเบาๆ ออกมาสองที่
ทว่าองค์ชายแปดเยี่ยนอ๋องที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับเพิ่งตาชั้น เดียวจนโต พลางชี้ไปที่ถ้วยหยกในมือเสด็จพี่เสด็จพี่สาม…
เหล่าองค์ชายและสตรีชั้นสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามล้วนหันมา มองตามเสียง
เจียไทเฮาแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนักออกมา จูซันจึงกระแอมไอ ไปสองที คิดในใจ เยี่ยนอ๋องอายุยังน้อย ที่ผ่านมาก็ร่าเริง สดใสรู้กาลเทศะเสมอ แต่ครั้งนี้ใยจึงขัดคอไทเฮาไปได้
แต่เยี่ยนอ๋องเหมือนยังไม่รู้ตัว หลังจากหลุดเรียกเสด็จพ สามออกมา ก็ลุกพรวดขึ้น ใบหน้าน้อยๆ อันหล่อเหลาเต็มไป ด้วยความตื่นตระหนก “มีใครอยู่บ้าง เรียกหมอหลวงมา เร็ว!…” ”
สิ้นเสียง เจียไทเฮาก็ตกใจ สนมเอกเฮอเหลียนรีบโน้มตัว เพ่งมอง พลางใจเต้นแรง หรือพิษในตัวของโอรสกำเริบขึ้นอีก จึงถามเสียงแหบแห้ง “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก…
จูนรีบวิ่งลงบันไดไปหา พอก้มลงดู ก็พบว่าน้ำในถ้วย หยกที่ฉินอ๋องเพิ่งจิบเมื่อครู่ มีโลหิตสีแดงปนเปื้อนอยู่ ฉินอ๋องกระอัก โลหิต! จึงยืนตะลึงชั่วขณะ ก่อนตะโกนเรียกขันที่น้อย
สองคน
“เร็ว ไปสํานักหมอหลวง รีบเชิญหมอหลวงมา….
ยังไม่ทันพูดจบ ข้อมือของซุนก็ถูกคนตรงหน้าจับไว้ หรือ กำลังถูกชายหนุ่มตรงโต๊ะอาหารยับยั้งไว้
จูนอึ้ง เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาแต่ซีดเซียวของฉันอ๋อง เงยขึ้น แล้วใช้ผ้าเช็ดปากบนโต๊ะเช็ดเบาๆ ที่มุมปาก ก่อนพูด เสียงเรียบ “ไม่เป็นไร อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
พูดจบ ฉินอ๋องก็ลุกขึ้นยืน หันมองเจียไทเฮา ริมฝีปาก ปรากฏรอยยิ้มบางๆ แม้ดูอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่ดูไปแล้วก็ไม่ เป็นไรจริงๆ
“หลานทำให้เสด็จย่าตกพระทัยแล้ว แต่อาการเช่นนี้เป็น ปกติของหลาน ตั้งแต่ไม่สบายมาสิบกว่าปี จึงไม่มีอะไรต้อง เป็นห่วง ไม่ต้องเชิญหมอหลวงหรอกพะย่ะค่ะ หลานขัดพระ เกษมสำราญ พระอาญาไม่พ้นเกล้า
ว่าแล้วก็ยกแขนเสื้อ หยิบถ้วยหยกที่บ่าวรับใช้เปลี่ยนมา ให้ใหม่และรินน้ำใส่จนเต็ม ขึ้นดื่มจนหมดถ้วย
เจียไทเฮาค่อยโล่งอก พลางเปลี่ยนความคิด ขนาด กระอักโลหิตยังเป็นเรื่องปกติ แสดงว่าหลานคนนี้ต้องได้รับ ความเจ็บปวดมาไม่น้อย ก็รู้สึกสงสารจับใจ จึงถอนใจออกมา โดยไม่รู้ตัว
“ดี เช่นนั้นฉันอ๋องก็นั่งลงพักผ่อนก่อน ถ้ายังไม่ดีขึ้น อย่าฝืน ต้องรีบเรียกหมอหลวงทันที
ก็
การขัดจังหวะเช่นนี้ ทำให้คำพูดพระราชทานสมรสของ เจียไทเฮาถูกตีกลับฉับพลัน อาการไม่สบายของหลานเพิ่ง กำเริบ นางไหนเลยจะมีกะใจจับคู่ให้ฉินอ๋องกับอโหรวจวงอีก เอาเถิดๆ รอดูไปก่อนก็แล้วกัน สายหน่อยค่อยพูดก็ได้
แต่อโหรวจวงกลับขมวดคิ้ว ไทเฮายังตรัสพระราชทาน สมรสไม่จบ ก็เกิดเรื่องขึ้น นี่เป็นความบังเอิญหรือจงใจกันแน่
ด้านสนมเอกเฮอเหลียน แม้เห็นโอรสนั่งลง ก็ยังไม่ได้ วางใจ ร้อนใจดุจมดบนหม้อน้ำร้อนอย่างไรอย่างนั้น นั่งอย่าง กระสับกระส่าย พลางจับมืออวิ๋นหวานชิ้นไว้
วันนี้อวิ๋นหวานชื่นมาเป็นเพื่อนสนมเอก ต้องดูแลพระองค์ ให้ดี จึงหันบอกเดี่ยวเอ๋อร์ให้ไปถามไถ่อาการจากฉินอ๋อง หน่อย เมื่อครู่จู่ๆ ที่เขาทำเช่นนั้น นางก็ตกใจเหมือนกัน คิดๆ ดู จึงฝากคำพูดไปกับเมี่ยวเอ๋อร์อีกหลายประโยค
เดี๋ยวเอ๋อร์เดินอ้อมโต๊ะไปทักทายซื้อเหยาอันกับวันทีที่ คอยรับใช้ฉินอ๋องก่อน และพอเดินเข้ามาข้างกายฉินอ๋อง ก็ โค้งคารวะ
“ถวายบังคมท่านอ๋อง พระสนมเอกบอกให้บ่าวมาถามดู ว่าตอนนี้อาการของท่านอ๋องดีขึ้นแล้วหรือยัง”
พอย่าโหวชื่อถึงเห็นว่าเป็นสาวใช้ข้างกายของอวิ๋นหวานชื่น ก็กระพริบตาปริบๆ หน้ากลับแดงกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย “บอกพระสนมเอกว่า ทรงวางพระทัยได้ ข้าไม่เป็นไรแล้ว
เมี่ยวเอ๋อร์ลังเลสักพัก ก่อนก้าวเข้าใกล้อีกหน่อย พลางมี ท่าทีผ่อนคลายลง อมยิ้มแล้วพูดเสียงเบา
“คุณหนูของบ่าว ก็มีเรื่องอยากจะถาม
“ว่ามา” พูดเสียงเรียบ แต่ใจเต้นไม่เป็นระ
เสียงเล็กๆ ของเมียวเอ๋อร์ ฟังดูเจ้าเลห์ชอบกล “คุณหนู ว่า…ท่านอ๋องแกล้งทำหรือเปล่า”
ซย่าโหวชื่อถึงหน้าแดงระเรื่อ “นางเป็นหนอนในท้องของ ข้าหรือไง เที่ยวเดามั่วซั่ว
เมี่ยวเอ๋อร์พูดยิ้มๆ กดเสียง ให้เล็กลงไปอีก
“คุณหนูว่า ถ้าท่านอ๋องเจ็บริมฝีปากมาก ก็ให้ดื่มน้ำเย็น มากหน่อย ช่วยบรรเทาความเจ็บได้ อ้อ จริงสิ ยังเตือนว่า ท่านอ๋องอย่าลืมเช็ดริมฝีปากที่ทรงกัดแตก ให้เรียบร้อยด้วย เพราะถ้าใครเห็นเข้า อาจทูลฟ้องว่าท่านอ๋องหลอกลวงไทเฮา ว่าแล้วก็ปิดปากหัวเราะ ก่อนรีบหันกาย เดินตัวปลิวจากไป
นางมารน้อย อย่าโหวซื้อถึงตีหน้าขรึม จ้องมองเยื้องๆ ไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดรอย โลหิตที่ มุมปากหน้าตาเฉย
พอเดี๋ยวเอ๋อร์กลับไป ก็ถ่ายทอดคำพูดและเล่าปฏิกิริยา ของซย่าโหวชื่อถึงให้อวิ๋นหวานชื่นฟัง
ที่แท้ ก็เป็นอุบายของเขาในการปฏิเสธคำสั่งให้สมรสกับ อโหรวจวงอย่างละมุนละม่อมจริงๆ แต่จู่ๆ อวิ๋นหว่านใน เอะใจขึ้นมาถึงปฏิเสธครั้งนี้ ก็ยังมีครั้งหน้า อวี้โหรวจวงถูก กำหนดให้เป็นชายาเอกของฉันอ๋องแล้ว ถึงเขาจะกระอัก โลหิต แกล้งป่วย ก็เป็นเพียงการแสดงคั่นรายการ ในชาติก่อน ยกนิ้วนับดูแล้ว เกรงว่าคงจะอยู่ในช่วงปีนี้ล่ะ ที่หนึ่งซีฮ่องเต้จะ พระราชทานสมรสให้องค์ชายสามท่านนี้
แล้วสนมเอกเฮอเหลียนก็หันมาถามอาการของโอรส ทลายภวังค์ของอวิ๋นหว่านชิ้นลง ซึ่งอวิ๋นหวานชิ้นก็รีบยิ้ม ก่อน ตอบ
“เมื่อครู่หม่อมฉันให้คนไปถามมาแล้วเพคะ ท่านสามบอก ว่าไม่เป็นไร ให้พระสนมเอกวางพระทัยได้
สนมเอกเฮอเหลียนจึงวางใจได้ในระดับหนึ่ง หรือ โอรส
แกล้งทำเป็นป่วยเพื่อหนีงานวิวาห์
คำว่า “ท่านสาม” ของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า คล้ายเผย ให้เห็นความลับอะไรบางอย่าง เพราะนอกจากคน
ข้างกาย โอรสแล้ว ยังจะมีสาวใดอีกที่สามารถเรียกเขาได้ สนิทชิดเชื้อเช่นนี้…เดิมที่คิดว่าโอรสเพียงสนใจนั่งหนูเท่านั้น ตอนนี้ดูไปแล้ว ขนาดปฏิเสธสมรสพระราชทานอย่างละมุน ละม่อม ยังทำไปได้ ก็ไม่ใช่แค่สนใจแล้วล่ะ
พอคิดได้เช่นนี้ สนมเอกเฮอเหลียนก็รู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง ชายาเอกของโอรสถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นคุณหนูบ้านสกุลอ หรือต่อให้ไม่ใช่ ในราชสำนักก็ยังมีคุณหนูบ้านท่าน โหว กง ป๋อ ต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่มีทางตกถึง มือคุณหนูบ้านขุนนางรุ่นใหม่ชั้นสามแน่
แต่ถ้าโอรสชอบ นางก็ต้องหาวิธีทูลขอให้หนึ่งซีฮ่องเต้ พระราชทานให้คุณหนูอขึ้นเป็นชายารอง ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ สูง เพราะวันนี้เจียไทเฮาชื่นชอบคุณหนูอนแล้ว แต่ชายา เอก…เกรงว่าคงเป็นไปได้ยาก
ดูท่าโอรสต้องมีใจกับคุณหนูอดิ้นพอควร ในเมื่อวันนี้กล้า ปฏิเสธไทเฮา แล้ววันหน้าล่ะ ถ้าขัดพระบัญชาฝ่าบาทขึ้นมาจะ ทําอย่างไรดี
แม้สนมเอกเฮอเหลียนอยากให้โอรสรีบมีคนผู้รู้ใจข้าง กายไวๆ แต่ก็ไม่อยากได้สาวสวยที่อาจเป็นต้นเหตุของปัญหา ในอนาคต ไม่อยากเห็นผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้โอรสกับฝ่า บาทเกิดช่องว่างระหว่างกัน
ส่วนอวิ๋นหวานชื่น ที่เรียกเขาว่าท่านสามนั้น เป็นเพราะ เรียกจนติดปาก ในทุกครั้งที่เจอ ตอนนี้พอเห็นพระสนมเอกมี สีหน้าครุ่นคิดแฝงความกังวลเล็กๆ ก็รู้แล้วว่าไม่ควรเรียกเช่นนี้ จึงรีบหุบปาก ไม่พูดมากอีก
และพอเมี่ยวเอ๋อร์เห็นว่าพระสนมเอกที่มีอัธยาศัยดีกับคุณ หนูมาตลอด พูดคุยยิ้มหัวด้วยไม่หยุดหย่อนนั้น ตอนนี้ไม่รู้ ทำไม จู่ๆ ก็เงียบเชียบไป จึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างอดไม่ได้ ขณะเดียวกัน ที่นั่งด้านบนก็มีเสียงสตรีที่แจ่มชัดและเคร่งขรึมดังมา
ตามกฎระเบียบแล้ว ก่อนรับประทานอาหาร เจียงฮองเฮา ต้องเป็นผู้นำ ให้กลุ่มคนแต่ละกลุ่มทยอยกันยกจอกสุราออก โปคารวะเจียไทเฮา แล้วค่อยดื่มจนหมดจอก
“หม่อมฉัน ในฐานะผู้แทนองค์ฮ่องเต้และผู้แทนเหล่าสนม นางในของวังหลัง ขอคารวะเสด็จแม่ ขอเสด็จแม่อายุมั่นขวัญ ยืนและมีความสุขตลอดไป!
สนมเอกเฮอเหลียนจึงไม่มีเวลาคิดมากอีก ทิ้งความกังวล และความกลัดกลุ้มไปชั่วคราว ลุกขึ้นยืนพร้อมจอกสุราในมือ ร่วมกับอวิ๋นหวานชิ้นและคนอื่นๆ ในโต๊ะ ก่อนเดินออกจากโต๊ะ ไปยืนอยู่ด้านหน้า ถวายพระพรเจียไทเฮาขอให้ทรงพระเจริญ หมื่นปีหมิ่นๆ ปี
นี่เป็นประเพณีการคารวะสุราที่ยิ่งใหญ่สุดของงานเลี้ยง สังสรรค์ในวันนี้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ