ตอนที่ 80-2 คล้ายคนคุ้นเคย
เมื่อครู่อวิ๋นหว่านลงเห็นสีหน้าองค์ชายสามเยือกเย็นจนน่ากลัว ราวกับเตรียมจะทำสิ่งเลวร้ายสุด ด้วยการถีบตนออก แต่ตอน นี้เขาไม่เพียงไม่ผลักไสตน ยังถามตนกลับอย่างอ่อนโยน จึง พยายามระงับอาการตื่นเต้น สมองพลันแล่น ตาแดง พลางพูด อย่างนุ่มนวล
“อย่างไร ใหญ่ก็เป็นลูกเมียหลวง ต่อให้…ต่อให้ใช้ อำนาจสั่งหม่อมฉัน ก็เป็นอำนาจโดยชอบธรรมของพี่ใหญ่ หม่อมฉันเป็นน้องสาว ก็ได้แต่เชื่อฟังคำพี่สาว ไม่กล้าขัดแต่ อย่างใด”
“ใช้อำนาจสั่ง? ทำไมถึงใช้แต่อำนาจสั่งล่ะ” ชายหนุ่ม เหมือนกำลังขบคิด น้ำเสียงจึงอ่อนโยนลง
อนหว่านลงอึ้ง ถ้าองค์ชายสามหน้าไม่เครียด น้ำเสียงที่ พูดออกมาจะไพเราะมาก จึงกัดฟัน ใบหน้าเล็กๆ แสดงอาการ สลดหดหูไม่รู้จบ กะพริบแผงขนตาบนดวงตาที่มีน้ำตาคลอ หน่วย คล้ายในที่สุดฟ้าก็ใส เมื่อได้พบเจอท่านผู้ช่วยปลด ปล่อยความทุกข์ จึงค่อยๆ เล่าบัญชีเก่าของอวิ๋นหว่านในออก มา
“ท่านพี่ไม่นับถือแม่เลี้ยง นางใช้สัญญาทาสข่มขู่แม่เลี้ยง ทำให้แม่ของหม่อมฉันที่อายุปูนนี้แล้ว ต้องอกสั่นขวัญแขวนกวี่ทุกวัน เพราะถูกนางควบคุมไว้ และนางก็ยังคิดหาวิธีทำให้ หม่อมฉันอับอาย ด้วยการให้หม่อมฉันทำในสิ่งที่กุลสตรีทำไม่ ได้…” หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา
ซย่าโหวชื่อถึงจินตนาการถึงท่าทางขณะใช้อำนาจอยู่กับ บ้านของเด็กโง่นางนั้น ใบหน้าพลันร้อนถึงใบหู จึงอดไม่ได้ที่ จะยกมุมปากขึ้น
ยิ้ม? หมายความว่าอะไร ตนกำลังบอกว่าอนหวานชื่น วางก้ามใหญ่โตขณะอยู่ในบ้าน แล้วเขายิ้มหาพระแสงอะไร? ขณะดวงตาปกคลุมไปด้วยน้ำตา อวิ๋นหว่านลงก็ยังแอบมอง ผ่านผ้าเช็ดหน้าลายปัก แม้เห็นรางๆ แต่พอชายหนุ่มยิ้ม ความ หล่อเหลาของเขาก็คล้ายดวงอาทิตย์สาดแสงลงในสระน้ำ ละลายความหนาวเย็นในทันที ทำให้คนหวั่นไหวได้จริงๆ สีห น้าแข็งๆ เมื่อครู่ดูน่ากลัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับน่ามองขึ้นมาก
และขณะที่อวิ๋นหว่านลงกำลังพัวพันฉินอ๋องไม่เลิกนั้น อีก ด้านหนึ่ง คนสองคนที่ต่างมีสิ่งที่ต้องการในใจ ก็กำลังอยู่ด้วย กันในที่ที่ไม่ไกลกันนัก เว่ยอ๋องเพิ่งเรียกให้มู่หรงไม่เดินออกมา หาตนในห้องร้างที่ยื่นออกจากด้านข้างของตึกใจซิง เพื่อสอบ หารือเรื่องที่ต้องทำในงานเลี้ยงสังสรรค์
พอทั้งสองวางแผนร่วมกันเสร็จ มู่หรงไปก็เดินออกไปก่อน ป้องกันไม่ให้คนเห็นว่าทั้งสองติดต่อกัน
ส่วนเว่ยอ๋องก็รออยู่สักพัก พอเห็นทรงไทเดินไปไกลแล้ว จึงค่อยๆ เดินออกจากห้อง
เว่ยอ๋องเดินพลางมองไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็เห็นพอดีว่า ใน เก๋งจีนข้างตึกใจซึ่งมีร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง ฉินอ๋องนั่นเอง จึง แค่นหัวเราะในใจ วันนี้ล่ะที่เจ้าจะโดดเด่น ทุกคนจะได้เบี่ยง ความสนใจไปจากข้า ถือว่าเป็นกรรมแต่ชาติปางก่อนของ ลูกผสมชนเผ่าทางเหนืออย่างเจ้าก็แล้วกัน
เดิมทีเขาคิดจะหันเดินไปอีกทาง แต่ก็อยากดูต่ออีกหน่อย จึงยืนอยู่กับที่ ดูพี่สามยื้อยุดฉุดกระชากอยู่กับหญิงสาวนาง หนึ่ง ซึ่งจากการแต่งกายของนาง ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนในวัง และ นางกำลังดึงแขนเสื้อพี่สามอยู่
นี่ก็แปลก พี่สามยอมให้นางจับแขนเสื้อ โดยไม่มีปฏิ กิริยาใดๆ อีกทั้งใบหน้ายังเต็มไปด้วยความรู้สึกนึกคิด และ เจตนาอ้อยอิ่งอยู่บ้าง
เว่ยอ๋องตาเป็นประกาย
เสียทีที่พี่สามแสร้งทำเป็นไม่ยุ่งกับผู้หญิงมาตลอด จน เสด็จพ่อยังชมว่า ดีที่ไม่หมกมุ่นราคะ โดยคิดว่าพี่สามอาศัย อยู่ในวัด อาจอยากมีชีวิตแบบพระจริงๆ แต่ ใช่กะผีที่ไหนล่ะ มีด้วยหรือผู้ชาย ไม่ยุ่งกับผู้หญิง
เว่ยอ๋องคิดอะไรได้ จึงม้วนแขนเสื้อ แล้วเดินนำผู้ติดตาม เข้าไปด้านข้างของเก๋งจีนอย่างเงียบๆ
ซื้อเหยาอันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จึงได้ยินเสียงฝีเท้าคนย่องเข้า มาใกล้อยู่แต่แรก แต่เขาไม่กระโตกกระตาก ก้าวเข้าไป กระซิบข้างหูฉินอ๋อง
ซย่าโหวซื้อถึงจึงยิ้มค้าง อาศัยจังหวะที่อนหว่านลง ไม่ทันตั้งตัว ค่อยๆ ดึงแขนของตนออกจากมือนาง
พออวิ๋นหว่านลงเห็นชายตรงหน้าผู้เป็นดั่งเทพบุตรโน้ม ร่างสูงๆ ลงมา นำลำคอเขาเข้ามาใกล้ไหล่ตน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอำพันทะเลโชยมา พร้อมเสียงกระซิบแผ่วเบา
อนหว่านลงไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเข้ามาในระยะ ประชิดเช่นนี้ ร่างจึงแทบไม่เป็นปกติ อ่อนระทวยไปกับลม หายใจของเขา
ใบหูที่อ่อนนิ่มแทบสัมผัสกับริมฝีปากของเขา ร่างจึงสั่น เพิ่มโดยไม่รู้ตัว รู้อยู่แต่ว่าชายหนุ่มตบไหล่นางเบาๆ สองที จากนั้นคำพูดที่ดูเหมือนตลกแต่ไม่ตลก ก็ลอยมาตามลมทีละ
“…ดูแลองค์ชายห้าดีๆ ล่ะ”
อา? หมายความว่าอะไร อวิ๋นหว่านลงเพิ่งเรียกสติที่ไม่อยู่ กับเนื้อกับตัวคืนกลับ ชายหนุ่มก็ยืดตัวตรง และเดินอาดๆ ไป พร้อมกับผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลัง
“องค์ชายสาม…” อวิ๋นหว่านลงหันกาย มองตามแผ่นหลัง ของชายหนุ่มไป พลางย่ำเท้า
รู้สึกแต่ว่าข้างหูยังมีลมหายใจอุ่นๆ อยู่ และในหูสะท้อน เสียงดังเวิ้งว้าง สติหลุดลอย เขาไปคราวนี้ เกรงว่าคงยากที่จะ พบกันอีก จึงแค้นใจยิ่ง
ด้านหลังพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นอย่างดี เวยฮ่องกำลังต้อง มองอากัปกิริยาของทั้งสองอย่างใกล้ชิด พลางแสดงสีหน้าว่า โล่งอก เป็นคนรักของพี่สามจริงๆ เสียดายที่เขาต้องมีวันนี้
สายตาของเว่ยอ๋องหยุดอยู่ที่ร่างของหญิงสาว นิ่งไปสัก พัก ค่อยก้าวเข้าหา
“ท่านอ๋อง ท่านคิดจะ…” ขันทีข้างกายแตกตื่น รีบก้าว
ตาม พลางถาม
สีหน้าเว่ยอ๋องมีแววชั่วร้ายวาบผ่าน ก่อนก้าวยาวๆ เข้า หาอนหวานถึง
เมื่อหญิงสาวนางนี้ไม่ใช่นางใน ก็ต้องเป็นผู้ติดตามที่เข้า วังมาร่วมงานเลี้ยงด้วย การแต่งกายเช่นนี้ ไม่เหมือนคุณหนู ตระกูลใหญ่ เหมือนสาวใช้มากกว่า
“เจ้าเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงหรือ” นัยน์ตาของเวยฮ่อง กระโดดข้ามแสงที่มองไม่เห็นไป
อนหว่านลงยืนนิ่งอยู่กับที่ มีชายหนุ่มสวมชุดหรูหรา
มงกุฎปักลายมาอีกคนแล้ว ได้ยินเพียงคนข้างกายเรียกเขาว่า ท่านอ๋อง หรือจะเป็น….องค์ชายห้าที่องค์ชายสามพูดถึงเมื่อครู่
วันที่เห็นนางไม่ตอบ จึงเอ็ด “องค์ชายห้าถามเจ้าน่ะ ยืน นิ่งอยู่ทำไม”
อนหว่านลงพลันตื่นจากภวังค์ รีบย่อตัวลงถวายบังคม
“เรียนองค์ชายห้า ใช่เพคะ หม่อมฉันมาร่วมงานเลี้ยงเป็นเพื่อนคุณหนูที่บ้าน…
ดี ก็แค่บ่าวไพร่ที่มีสถานะต่ำต้อย เช่นนั้นก็จัดการได้ง่าย
เว่ยอ๋องหันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่ารอบข้างไม่มีใคร ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มกิ่งมืดกึ่งสว่าง
“เชิญแม่นางท่านนี้ไปที่ห้องเดียวหลาน
ห้องเตียวหลาน อยู่ในส่วนของที่พักองค์ชาย ปกติแล้วจะ ใช้เป็นห้องพักเท้าเวลาเข้าวังของเวยอ๋อง ซึ่งเงียบสงบ สะอาด สะอ้าน ไม่มีใครรบกวน
อนหว่านลงยังไม่ทันตั้งสติ ผู้ติดตามก็ก้าวเข้ามา ผาย
มือเชิญ
อนหว่านลงจึงพึมพำ “องค์ชายห้า ไป ไปไหนเพคะ หม่อมฉันยังต้องกลับไปรับใช้
เว่ยอ๋องยิ้มพลางว่า “ข้ากับเสด็จพี่สามดีต่อกันเรื่อยมา เมื่อครู่เห็นแม่นางกับเสด็จพี่สามรู้จักกัน จึงอยากเชิญแม่นาง ไปเดินเล่นในตำหนักองค์ชายเสียหน่อย ส่วนเรื่องรับใช้ ไม่ ต้องรีบ เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปแจ้งกับคุณหนูบ้านแม่นางให้ ในวัง มีบ่าวรับใช้มากมาย ไม่ต้องกลัวหรอกว่าคุณหนูบ้านแม่นางจะ ไม่มีคนคอยรับใช้
อวิ๋นหว่านลงกลืนน้ำลาย ขนมหวานร่วงลงจากสวรรค์หรือไร
เมื่อครู่องค์ชายสามเพิ่งไป
ไปนําหนักอีก
ตอนนี้องค์ชายห้ายังมาเชิญ
สักพัก อวิ๋นหว่านลงก็ถอนสายบัว พลางข่มความตื่นเต้น “เช่นนั้น หม่อมฉันแม้มิบังอาจ ก็ต้องทำตามรับสั่งแล้ว ตรงนั้น อย่าโหวชื่อถึงกับซื้อเหยาอันเดินออกมาไกล
พอควร
ซือเหยาอันหันกลับไปมอง แม้มองไม่เห็นคนแล้ว ก็ยัง จินตนาการได้ว่าพอตนกับนายออกมา เวยฮ่องจะทำอย่างไร จึงอดไม่ได้ที่จะพูด
“นายท่าน ร้ายดีอย่างไร นางก็เป็นน้องสาวคุณหนูอน…… การผลักนางเข้ากองไฟเช่นนี้ จะไม่มีปัญหาตามมาจริงหรือ
นิ่งเงียบไปสักพัก ย่าโหวชื่อถึงค่อยเอ่ยปาก “อย่างไรก็ ต้องมีคนใช้นางเป็นเครื่องมืออยู่ดี ในเมื่อนางอาสามาเองเช่น นี้ ก็ต้องถือว่าโชคไม่ดี ปล่อยนางเถอะ
คำพูดนี้ถ้าคนแถวนี้ได้ยิน เป็นต้องงงงวยแน่ ทว่าพอซื้อ เหยาอันได้ยิน กลับตระหนักในทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ