ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 80-1 คล้ายคนคุ้นเคย



ตอนที่ 80-1 คล้ายคนคุ้นเคย

อนหว่านลงโน้มตัวคารวะ พลางแอบสำรวจมององค์ชายสาม ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

แม้อายุไล่เลี่ยกับเหล่าคุณชายในตึกใจซิง แต่การเป็นเชื้อ พระวงศ์ อย่างไรก็มีความสูงส่งที่บอกไม่ถูก แล้วใบหน้าเล็กๆ ที่บานดั่งดอกชบาก็แดงขึ้นอีก โดยไม่รู้ตัว

เมื่อเทียบกับรัชทายาท ย่อมไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมี บุคลิกเฉพาะตัว แต่อวิ๋นหว่านลงเคยถูกรัชทายาทข่มเหงมา ก่อน จึงรู้สึกว่ารัชทายาทเป็นคนหลุดโลก พึ่งพาไม่ค่อยได้ ตอนนี้แนวโน้มจึงมาทางองค์ชายสามมากกว่า

“เมื่อครู่ มีคุณชายสูงศักดิ์มาสืบเรื่องคุณหนูบ้านเจ้าคน

เสียงทำลายความเงียบของชายหนุ่มไม่เบาแต่ก็ไม่ดัง ไม่ ช้าแต่ก็ไม่เร็ว

อนหว่านลงแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าที่ชายหนุ่มเรียกตนมา เพียงเพื่อถามเรื่องนี้ จึงทบทวนสักพัก ค่อยตอบด้วยเสียงนุ่ม นิ่มนอบน้อม

“ราวหกเจ็ดคนเพคะ”

ดวงตาซย่าโหวชื่อถิงเหม่อลอย นิ่งไปสักพัก ค่อยว่า “แล้วคุณหนูบ้านเจ้ามีปฏิกิริยาอย่างไร
อนหว่านลงมองไม่ออกจริงๆ ว่าเขาต้องการอะไร จึงพูด

ซ้ำๆ อึ้งๆ

“ยังไม่มีเพคะ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าที่ตึงเครียดของชายหนุ่มผ่อน คลายลง คล้ายพอใจยิ่ง จึงพูดเสียงเบา

“หรือต่อให้มีปฏิกิริยาก็ไม่ทันแล้ว เด็กรับใช้ของพวก คุณชายที่อยู่ชั้นล่างเพิ่งถามไถ่ได้ไม่กี่คำ ก็มีคนในวังมาเรียก คุณชายเหล่านั้นออกไปก่อน…

สีหน้าชายหนุ่มพลันเปลี่ยน อวิ๋นหว่านลงจึงรีบกลืนคำพูด ลงไป ไม่กล้าพูดมากอีก

ความจริง พูดแค่ประโยคแรกก็พอแล้ว ไม่จําเป็นต้องพูด

ประโยคหลังหรอก ทำให้นายท่านอึดอัดใจไปเปล่าๆ ซื้อเหยา

อันส่ายหน้า

เงียบอยู่ครึ่งค่อนวัน อวิ๋นหว่านลงก็ยังไม่กล้าหายใจแรง ชายหนุ่มตรงหน้าจึงเอ่ยปากขึ้นก่อน ด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด

“มีคุณชายบ้านไหนบ้าง บอกชื่อหรือตำแหน่งของคนที่ บ้านพวกเขามาหน่อย

ทำไมถึงเหมือนผู้ว่าการอำเภอกำลังสอบสวนผู้กระทำ ความผิดร้ายแรงไปได้ แถมยังให้บอกชื่อด้วย ลำบากใจจะ ตาย! อวิ๋นหว่านลงตะลึงงัน ใครจะไปจำได้หมด จึงกัดริม ฝีปาก ร่างสั่นน้อยๆ
จำไม่ได้หมดเพคะ

เหมือนมีซุนจนอ๋อง

เลี้ยงชื่อ

จอ…

ซย่าโหวซื่อถึงเห็นนางกลัวจนตัวสั่น ท่าทางอ่อน ปวกเปียก ถ้าลมพัดมา ตัวคงปลิว ไม่เหมือนสาวใช้ที่ทำอะไร คล่องแคล่วว่องไว ตรงไปตรงมา กลับเหมือนคุณหนูที่ถูกเลี้ยง ดูอย่างประคบประหงม โดยแม้แต่ชื่อของคนในตระกูลดังๆ ก็ ยังจำไม่ค่อยได้ จึงรู้สึกสะทกสะท้อนใจ

ซื้อเหยาอันมองออกว่านายเริ่มไม่พอใจ จึงหันไปพูดกับอ วั่นหว่านลงพลางขมวดคิ้ว

“เป็นสาวใช้อย่างไรกัน เสียดายที่สกุลอวิ๋นให้เจ้ามารับ ใช้คุณหนู แค่ตอบคำถามก็ยังตอบไม่ได้

อนหว่านลงรู้สึกไม่เป็นธรรมยิ่ง กลัวจะถูกลงโทษก็กลัว แต่พอเห็นความหล่อและองอาจของชายหนุ่มตรงหน้า ก็นึกถึง คำพูดที่อนุฟางกำชับก่อนจะมาว่า ให้เปิดเผยตัวตนออกไป พร้อมกับบีบน้ำตาให้มากเข้าไว้

“ใต้เท้าสายตาแหลมคมมาก เพราะจริงๆ แล้วหม่อมฉัน ไม่ใช่สาวใช้ หม่อมฉันคือหว่านลง ลูกสาวคนเล็กของบ้าน สกุลอวิ๋น คุณหนูอขึ้นเป็นพี่ใหญ่คนละแม่ของหม่อมฉัน ซึ่งงาน เลี้ยงในวันนี้ ท่านพ่อได้กำชับให้หม่อมฉันเข้าวังมากับนาง ให้ รับใช้อยู่ข้างกายนาง ดังนั้นเรื่องบางเรื่องจึงทำได้ไม่ คล่องแคล่วเท่าสาวใช้ ขอองค์ชายสามทรงอภัย!

ที่แท้ก็เป็นคุณหนูอขึ้นอีกคน
ซื้อเหยาอันอึ้ง หันมองท่านสาม พลางรู้สึกว่า “รักนกก็ ต้องรักรังนกด้วย นางเป็นน้องสาวของอวิ๋นหวานชื่น ไม่น่าจะ ทำให้นางลำบากใจ ดูสิ ทำให้น้องสุดท้องของบ้านตกใจจน ร้องไห้…ถ้าเป็นชายหนุ่มทั่วไป เป็นต้องพูดปลอบโยนสักสอง สามประโยคแล้ว

ทว่าซย่า โหวซื้อถึงมิใช่คนรักหยกถนอมบุปผา อีกทั้งไม่ เชี่ยวชาญการเข้าสังคม ยิ่งไม่เคยคิดถึง…ความคิดความรู้สึก ของหญิงสาว จึงไม่สนใจหรอกว่าอนหว่านลงจะเป็นน้องสาว หรือเป็นป้าของอวิ๋นหวานชื่น ยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจให้เห็น

เมื่อซื้อเหยาอันเห็นสีหน้าของท่านสาม ก็ได้แต่เอ่ยปาก “ท่านผู้สูงศักดิ์เชิญคุณหนูใหญ่สกุลอนเข้าวัง แต่เชิญคุณหนู เล็กตอนไหนหรือ อวิ๋นเสวียนนั่งนี่ ทำอะไรโดยพลการจริงๆ!

ซย่าโหวชื่อถึงพยายามข่มกลั้น จึงโบกมือ บอกให้นางไป

พออนหว่านลงเห็นองค์ชายสามคล้ายไม่โกรธตนแล้ว

ไหนเลยจะยอมไป ถ้าครั้งนี้ไป ก็ไม่มีครั้งหน้าแล้ว ดูท่าทาง

เขา เหมือนสนใจพี่ใหญ่อยู่ มิเช่นนั้นคงไม่เรียกตนมาหรอก

แต่ถ้าเป็นชายหนุ่มทั่วไป ก็ควรจะทำเหมือนคุณชายชนชั้นสูง

เหล่านั้น ถามถึงสิ่งที่พี่ใหญ่ชอบท่าชอบทาน กระทั่งส่ง

จดหมายส่งของขวัญ ขอนัดพบอะไรทำนองนี้ เหตุใดเรียกตน

มาแล้ว คำถามสำคัญอะไรก็ไม่ได้ถาม แบบนี้ดูไปแล้ว เขา

อาจมิได้สนใจพี่ใหญ่มากมายขนาดนั้น….

อนหว่านลงคิดพลางหายใจเข้าลึกๆ แอบใช้มือจับเข้าที่น่อง แล้วหยิกลงไปแรงๆ ซึ่งเจ็บจนเกือบร้องอาออกมา จาก นั้นน้ำตาก็ไหลไม่หยุด

เมื่อซย่าโหวซื่อถึงเห็นว่า นางไม่เพียงไม่จากไป ยัง ร้องไห้หนักเข้าไปอีก ก็ขมวดคิ้วเข้ม จมูกที่โด่งเป็นสันย่นเล็ก น้อย

ซื้อเหยาอันหายใจเข้าลึกๆ ร้องไห้? ตั้งแต่เล็กจนโตท่าน สามไม่เคยเสียน้ำตาให้เห็น และไม่ชอบเห็นคนร้องไห้เป็น ที่สุด!

ในความทรงจำ จวนฉินอ๋องเคยมีสาวใช้ถูกพ่อบ้านเกา ด่าว่า จนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร น่าสงสารมาก แต่พอท่าน สามซึ่งนั่งอยู่ในห้องได้ยินเสียงร้องไห้ ก็ยิ่งลงโทษนางเพิ่มอีก สามเท่า ก่อนทิ้งท้ายว่า “ขี้ขลาดเหลือทน

และอีกครั้งหนึ่ง ในจวนเลี้ยงสุนัขเฝ้าจวนตัวหนึ่งมานาน ก่อนที่มันจะป่วยตายด้วยโรคระบาด ยังรู้จักอาลัยอาวรณ์คน เลี้ยง หลั่งน้ำตาออกมา จนพวกบ่าวพากันเศร้าโศกเสียใจ กอดศพสุนัขแล้วร้องไห้ จากนั้นก็หารือกันว่าจะฝังศพตรงไหน ดี พอท่านสามได้ยินเสียงเศร้าโศกและเห็นการหลั่งน้ำตา ก็ จ้องตาไม่กะพริบ ก่อนสั่งให้นำสุนัขไปเผาให้สิ้นซาก ส่วนคนที่ กอดสุนัขก็ให้ไล่ออกจากจวนอ๋องไป

แม้ต่อมาค่อยรู้ว่า เป็นเพราะเกรงว่าคนที่กอดสุนัขอาจติด เชื้อจากสุนัข แล้วน่าเชื้อมาแพร่ต่อในจวน ทว่าแต่นั้นเป็นต้น มา ก็ไม่ค่อยมีคนกล้าร้องไห้ในจวน อย่างน้อยก็ไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าท่านสาม แต่ละคนถูกท่านสามบังคับเคี่ยวกรำจนจิตใจ แข็งแกร่งดุจเหล็กเพชร

สรุปก็คือ ท่านสาม ทนไม่ได้เป็นที่สุด กระทั่งเกลียดชัง คนที่ร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าด้วย

สักพัก อย่าโหวซื้อถึงก็หันมองอวิ๋นหว่านลง ยกเท้าขึ้น

แล้วก้าวลงบันได

อนหว่านลงดีใจพลัน ร้องไห้ไม่ทันไรก็เห็นผลแล้ว ผู้ชาย ปกติ ไหนเลยจะไม่รักหยกถนอมบุปผาเล่า

ชื่อเหยาอันก็แปลกใจ หรือท่านสามเปลี่ยนอุปนิสัย คิด ปลอบโยนสักคำสองคำ

ขณะเดินเข้าใกล้อวิ๋นหว่านลง ร่างอันสูงใหญ่ของซย่า

โหวชื่อถึงก็ผ่านเลยนางไป

ที่แท้เขายังคงรับไม่ได้กับการได้ยินเสียงร้องไห้…อเหยา อันจึงรีบเดินตาม

อนหว่านลงใจแล้ว ก่อนตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เนื่องจาก การจับผู้ชายชั้นสูงนั้นค่อนข้างยาก นางจึงรีบจับปลายแขนเสื้อ ดิ้นทองของเสื้อคลุมตัวใหญ่ไว้ พลางพูดอย่างเศร้าสร้อย

“องค์ชายสามอย่ากริ้วท่านพ่อเลยนะเพคะ ที่ท่านพ่อบอก

ให้หม่อมฉันเข้าวัง มิได้มีเจตนาขัดรับสั่งของพระสนมเอก แต่ ล้วนเป็นเพราะพี่ใหญ่เข้าวังเป็นครั้งแรก ท่านพ่อเกรงว่านางจะ ไม่คุ้นเคย จึงให้หม่อมฉันตามมารับใช้
พูดถึงตรงนี้ เสียงของอวิ๋นหว่านลงก็สั่นและอ่อนลงไปอีก ริมฝีปากบนกัดริมฝีปากล่าง น้ำเสียงฟังดูโศกเศร้าไม่น้อย

“แม้หม่อมฉันเป็นคุณหนูอน แต่ท่านแม่เป็นอนุ หม่อม ฉันจึงเป็นเพียงลูกเมียน้อย ปกติอยู่ในบ้าน คนเรียกคุณหนู จริง แต่กลับมีสถานะสูงกว่าบ่าวไพร่ไม่มาก พี่ใหญ่ ถึงจะ เป็นลูกสาวที่เชิดหน้าชูตาของบ้าน พอนางบอกให้มา หม่อม ฉันจึงได้แต่ตามมา…ขอองค์ชายสามและพระสนมเอกอย่าได้ ถือโทษโกรธเคือง

คิ้วของซื้อเหยาอันขยับ คำพูดนี้ทำให้ผู้คนเห็นใจจริงๆ ยอมเผยให้รู้ว่าตนมีสถานะในบ้านที่น่าสงสาร อีกทั้งยังทำให้ รู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ของบ้านเย่อหยิ่งจองหอง เห็นลูกเมียน้อย ดุจบ่าวไพร่ มิได้รักแบบพี่น้องแต่อย่างใด

กล้ามเนื้อที่ปลายแขนของย่าโหวซื้อถึงตึง ด้วยถูกนาง ดึงไว้ไม่ยอมปล่อย เขาไม่เคยเห็นคนที่พัวพันไม่เลิกเช่นนี้มา ก่อน สายตาจึงมืดหม่นลง และเข้มจนข้น แต่พอได้ยินประโยค หลังของนาง ก็ยืนนิ่งโดยไม่รู้ตัว มิได้ขัดขืน กลับรู้สึกสนใจขึ้น มา จึงก้มหน้าลง จ้องมองอวิ๋นหว่านลง

“อ้อ? พี่ใหญ่เจ้าอยู่ในบ้านร้ายกาจมากหรือ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ