ตอนที่ 79-5 ท่านสามไล่คน
พอรัชทายาทมาถึง ก็ออกปากช่วยพูดให้คุณหนูอน นี่ยังจะ บอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญอยู่อีกหรือ และขณะที่รัชทายาทอยู่ที่นี่ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ยังเกาะราวระเบียงชมทิวทัศน์ ทะเลสาบอยู่กับคุณหนูอน คล้ายทั้งสองยังพูดจากันอีกหลาย ประโยคด้วย นี่ก็พูดไม่ได้แล้วว่ารัชทายาทกับนางไม่รู้จักกัน
เหล่ากุลสตรีล้วนดีดลูกคิดในใจเรียบร้อย ไม่มีใครโง่งม หลายคนรีบเข้าไปตีสนิทกับอวิ๋นหวานชื่น ส่วนที่เหลืออีกไม่กี่ คน ก็กำลังหาโอกาสเข้าหานาง
ในบรรดาบุรุษที่อยู่ชั้นล่าง มีชายหนุ่มชนชั้นสูงหลายคน ส่งเด็กรับใช้ข้างกายให้ขึ้นชั้นบนมาเงียบๆ แล้วลากเดี๋ยวเอ๋อร์ กับอวิ๋นหว่านลงไปอีกด้านหนึ่ง ถามไถ่ความเป็นไปของอวิ๋น หวานชิ้น
พอมหรงไม่เห็นเช่นนี้ ไฟหึงหวงในใจก็ปะทุ แต่ตนกับอ ลิ้นหว่านชิ้นในตอนนี้ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันแม้แต่น้อย คิดจะเข้าไปขวางก็ขวางไม่ได้ จนเด็กรับใช้จากจวนโหวที่ยืน อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้านาย จึงพูดเสียงเบา “คุณชายรอง หรือ ท่านจะเข้าไป…”
เมื่อครู่ มีหรือที่นางจะมองไม่เห็นสีหน้าตน ถ้าเข้าไปอีก รอบ มิต้องถูกนางดูถูกหรอก หาเรื่องหน้าแตกใส่ตัวเปล่าๆ
มู่หรงไม่เห็นชายหนุ่มชนชั้นสูงที่อยู่ข้างๆ หลายคนสั่งให้ เด็กรับใช้ขึ้นไปสืบข่าวนางไม่หยุด จึงได้แต่รู้สึกเหมือนไฟลน กันอย่างไรอย่างนั้น ขณะเดียวกัน ก็มีขั้นที่น้อยคนหนึ่ง สาว เท้าเข้ามาในตึกใจชิง ตรงเข้าหามทรงไท่ แล้วพูดเสียงต่ำที่ ข้างหูเขา
“คุณชายรองมู่หรง เวยฮ่องมาแล้ว กำลังรออยู่ด้านนอก อยากจะหารือกับท่านเรื่องในงานเลี้ยง…
ทรงไม่ค่อยตื่นตัว นี่สิถึงจะเป็นเรื่องจริงจังที่ต้องทำใน วันนี้ ถ้าสำเร็จละก็เงยหน้ามองชั้นบน โดยไม่รู้ตัว ดูซิว่ายังจะ มีใครปกป้องเจ้าได้อีก จะช้าจะเร็วเจ้าก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือข้า หรอก คิดพลางยกชุดยาว แล้วก้าวเดินไปกับวันที่น้อย ออก จากตึกใจชิงเงียบๆ
ชั้นบน
ด้านอวี้โหรวจวงก็มีอาการไม่สู้จะดี ด้วยเดิมทีนางเป็น ดาวเด่น แต่พริบตาเดียว ผู้คนที่รายล้อมกลับลดลงอย่าง ฮวบฮาบ กระทั่งคุณหนูบ้านท่านมหาบัณฑิตที่ปกติสนิทสุด ก็ ยังไปหาอนหวานชื่น นางจึงสะบัดแขนเสื้อ นั่งลงอย่าง นางพญา ก่อนแค่นเสียงเย็นชา
“นกกาน่าขนมาเสียบไว้กับตัวไม่กี่วันก็นึกว่าตนเป็นหงส์ ไปเสียแล้ว! ก็แค่แตะรัศมีจ้าวน่ะ น่าชื่นชมตรงไหน ถ้า รัชทายาทไม่คุยกับนาง นางก็เป็นเพียงคนไร้ซื้อเท่านั้น ไม่มี ใครสนใจหรอก!”
คำพูดนี้แม้พูดเสียงเบา แต่ผู้พูดไม่คิดปกปิด พื้นที่ชั้นสอง กว้างแค่นี้ อักษรทุกตัวจึงลอยเข้าหูอวิ๋นหวานซิ่นที่อยู่ห่างไปไม่ ไกล
แตะรัศมี? ถ้าอโหรวจวงไม่ใช่บุตรีของสมุหนายก จะมี คนคนมาตีสนิทหรือ แตะรัศมี ก็เป็น
ความสามารถอย่างหนึ่ง โดยคนผู้นั้นต้องแผ่รัศมีให้เจ้า แตะ คนอื่นคิดแตะก็แตะไม่โดน เฉินจื่อหลิงขมวดคิ้ว
อวิ๋นหวานซิ่นคร้านที่จะยุ่งกับผู้พูด จึงขอตัวกับคุณหนูทั้ง หลาย แล้วลากเฉินจื่อหลิงไปยืนอีกด้าน
ส่วนอวิ๋นหว่านลง ตั้งแต่เข้าประตูวังมาจนถึงตอนนี้ ก็ เอาแต่ท่องจำคำของอนุฟางที่ว่า ให้ติดตามพี่ใหญ่ทุกเมื่อ ถ้า มีคุณชายมาถามเรื่องพี่ใหญ่ ก็ให้คิดหาวิธีสนิทสนมด้วย ซึ่ง ตอนนี้พี่ใหญ่มีคนอยากเข้าหามากกว่าที่ตนคิดไว้เสียอีก โดย ชายหนุ่มชนชั้นสูงจำนวนไม่น้อยแอบส่งเด็กรับใช้มาเกี่ยว ใหญ่ ซึ่งก็เท่ากับว่าโอกาสของตนก็มากตาม จึงแอบดีใจ เสียดายที่มีเมี่ยวเอ๋อร์อยู่ข้างๆ ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาส จึงได้แต่ ร้อนใจจนต้องลอบกระทืบเท้า
นอกตึกใจชิง ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ในเก๋งจีนที่อยู่ใกล้
บริเวณนั้น
และได้ยินเสียงสรวลเสเฮฮาที่ลอยมาจากตึกเป็นครั้งคราว
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มดูเครียด ดวงตา ในร่มกะ พริบเบาๆ ที่ที่เขายืนอยู่สามารถมองเห็นชั้นสองของตึกด้าน ทะเลสาบเฉิงเทียนได้อย่างชัดเจน คนดังหลายคนกำลังยืน เกาะราวระเบียง ชมทิวทัศน์ทะเลสาบพระราชวัง พลางขยับรูป ทรงองค์เอวไปมา
หนึ่งในนั้น ก็คือนาง
นางหันข้างให้กับเก๋งจีนที่อยู่ด้านล่าง รูปร่างด้านข้างของ นางสวยสมบูรณ์แบบ ส่วนโค้งเว้ากำลังพอดี ไม่เห็นกันเพียง ไม่กี่วัน นางคล้ายเติบโตกว่าครั้งก่อนที่พบเจอกันมาก ราวกับ ผลไม้ปลายกิ่ง ที่สีเขียวค่อยๆ จางลง พลางส่งกลิ่นหอมตลบ อบอวล…
นางกำลังยืนคุยอยู่กับคุณหนูลูกขุนนางคนหนึ่ง ดูมีความ สุขมาก มือที่ขาวเรียวจับผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งไว้ แล้วแขนที่ ซุกซนก็ยื่นออกมากลางอากาศ ให้ผ้าเช็ดหน้าปลิวล้อลมจาก ทะเลสาบ ซึ่งแทบจะปลิวเข้ามาก่อกวนจิตใจเขาอยู่รอมร่อ
ส่วนเส้นโค้งด้านข้างก็บาดตาบาดใจเหลือเกิน ทำให้เขา ลำคอแห้งผาก ในหัวปรากฏภาพของค่ำคืนเมื่อไม่กี่วันก่อน เรื่องส่วนตัวที่น่าอึดอัดใจซึ่งไม่มีใคร รู้…เขารีบเก็บความคิด ความรู้สึกนี้ไว้ แล้วแสดงสีหน้าจริงจังดังเดิม
ซื้อเหยาอันแทบจะรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดและความ กระวนกระวายใจของนาย จึงทำตามคำกำชับก่อนหน้านี้ ก้าว ยาวๆ เข้าไปในตึกนางในกับขันที่จำได้ว่าเขาคือผู้ติดตามข้างกายฉินอ๋อง จึงเข้าไปทำความเคารพ “ใต้เท้าซื้อ
ซือเหยาอันปรบมือสองที ก่อนประกาศ
“เชิญคุณชายทุกท่านไปยังที่พักองค์ชายก่อน ด้วยองค์ ชายแปดได้จําลองการแข่งขันขี่ม้าตีคลีเตรียมพร้อมไว้แล้ว เชิญคุณชายทุกท่านไปสังเกตการณ์หรือลงเล่นสักตั้ง
การขี่ม้าตีคลีเป็นกีฬายอดนิยมในหมู่ชนชั้นสูงของต้าเซ วียน ซึ่งชายผู้สูงศักดิ์จะชอบเป็นพิเศษ และในวังก็จัดการ แข่งขันขี่ม้าตีคลีเป็นประจำ แต่ประชาชนกลับนิยมเล่นการ พนันแข่งม้าตีคลี โดยมีคนมากมายที่เล่นพนันจนถึงขั้นที่ว่าไม่ รวยล้นฟ้าก็ล้มละลายไปเลยในคืนเดียว
องค์ชายแปดหรือเยี่ยนอ๋อง มีชาติกำเนิดไม่ดี มารดา
สถานะต่ำต้อยและเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนเขาถูกสนมเอกเชื่อ เหลียนเลี้ยงดูอยู่ระยะหนึ่ง จึงมีสัมพันธ์อันดีกับฉินอ๋อง เชื่อฟัง เสด็จพี่อย่างฉินอ๋องเป็นอย่างยิ่ง แม้อายุน้อย แต่ชอบขี่ม้า คลีเป็นชีวิตจิตใจ จึงรวบรวมข้อมูลและสร้างสนามแข่งขันและ แผนการแข่งขันจำลองขึ้น สำหรับศึกษาด้วยตนเอง ในทุกวัน
ซึ่งนายตนก็เพิ่งไปหาเยี่ยนอ๋องเพื่อขอความช่วยเหลือมา ซื้อเหยาอันเห็นใบหน้าเยี่ยนอ๋องปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมาย ลึกซึ้ง ยังจงใจเลิกปลายนิ้วขึ้น ทำให้ฉินอ๋องแทบสะบัดแขน เสื้อใส่ด้วยความโมโห เยี่ยนอ๋องจึงรีบดึงแขนเสื้อของเสด็จพ ไว้ แล้วยิ้มพลางรับปาก
พอเหล่าคุณชายได้ยิน ก็สนใจมาก โดยเฉพาะผู้เชิญเป็น องค์ชาย จะปฏิเสธได้อย่างไร จึงรีบเรียกเด็กรับใช้กลับมา เพื่อไปพบองค์ชายแปดยังที่พักขององค์ชาย
เมื่อซื้อเหยาอันทำการไล่ฝูงหมาป่าออกไปเรียบร้อย ค่อย เป่าปากอย่างโล่งอก เดินออกจากตึกใจซึ่ง กลับไปยืนข้างกาย นาย เพื่อรายงาน
“องค์ชาย สบายใจได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ
คิ้วของซย่าโหวซื้อถึงกระตุกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยไปสองที ก่อนกระดิกนิ้วเรียก
ชื่อเหยาอันเห็นนายมีอะไรจะพูดด้วย จึงก้าวเข้าไป
ชั้นสอง
พอเหล่ากุลสตรีเห็นเด็กรับใช้ลงไปชั้นล่างจนหมด ก็รู้สึก ว่า ในตึกเงียบสงบลงมาก แต่ก็ไม่คิดอะไรโดยเฉพาะอวิ๋น หวานชื่น พอข้างหูมีเสียงรุ้งมิ้งน้อยลง ก็รู้สึกเป็นอิสระ พึงราว ระเบียงพูดคุยสัพเพเหระกับเฉินจื่อหลิงต่อ ทั้งสองยิ้มไปจิบชา
ไป ซึมซับช่วงเวลาดีๆ นี้ไว้
ส่วนอวิ๋นหว่านลง เมื่อเห็นเด็กรับใช้เหล่านั้นพากันลงไป ชั้นล่าง ก็ยืนงง แอบย่องลงบันได แล้วนั่งยองๆ อยู่ตรงหัว เลี้ยวบันได แอบดูตามช่องราวบันได
และเห็นว่าชายหนุ่มชนชั้นสูงที่อยู่ชั้นล่าง ไม่รู้ทำไม ถึงได้ เดินออกไปกันจนหมดในชั่วพริบตา จึงรู้สึกผิดหวังมาก ด้วยตนยังไม่ทันได้เลือกเป้าหมาย บอกว่าจะไป ก็ไปกันทันทีเล่า
เพื่อทำการจู่โจมเลย
ทำไมพอ
อวิ๋นหว่านถงกัดริมฝีปาก ขณะจะก้าวขึ้นชั้นบน กลับ
ได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่าง
“คุณหนูอนอยู่ข้างบนหรือเปล่า”
อวิ๋นหว่านลงรีบหันขวับ เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง คิ้วเข้ม ตาโต สวมชุดผ้าไหมสีคราม ทับด้วยชุดเกราะเกล็ดปลาสี เขียว มือเท้าดูแข็งแรง อีกทั้งนาง ในที่อยู่ด้านข้างก็มีท่าที เกรงใจเขามาก จึงรีบก้าวลงมา ย่อตัวลงบนขั้นบันได ก่อน ตอบอย่างนิ่มนวล
“ใต้เท้าท่านนี้ คุณหนูของบ่าวเป็นบุตรีของรองเจ้ากรมอ
วิน”
ซื้อเหยาอันยิ้มพลางว่า “เจ้าเป็นสาวใช้ที่เข้าวังมากับคุณ หนูอวิ๋นใช่ไหม ดีเลย ลงมาหน่อย นายข้ามีเรื่องจะคุยด้วย
อา ที่แท้ชายหนุ่มชนชั้นสูงยังไม่ได้ไปกันหมดหรอก เหลือ อยู่เพียงคนเดียว คราวนี้ต้องห้ามพลาด
อวิ๋นหว่านถงหันไปมองเที่ยวเอ๋อร์ ถ้ามีนางอยู่ข้างๆ ก็ เกะกะมือไม้ ไม่บอกดีกว่า จึงกัดฟัน แล้วรีบเดิน
ลงไปคนเดียว
พอออกจากตึกใจชิง อวิ๋นหว่านลงก็เดินตามชื่อเหยาอัน
มาจนถึงเก๋งจีนที่อยู่ไม่ไกล
ขณะยืนอยู่บนบันไดขั้นแรก
เก๋งจีน
อวิ๋นหว่านลงก็มองเข้าไปใน
ชายหนุ่มยืนตรงมือไพล่หลัง รูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้าง สะโพกแคบ สวมชุดแพรยาวสีม่วงทอง รองเท้าหุ้มส้นยาวสีดำ คลุมไหล่ด้วยขนสุนัขจิ้งจอกสีเงิน เอวบางๆ คาดเข็มขัดสีทอง ฝั่งหยก ดวงตาดุจย้อมด้วยหมึกดำ ดำขลับจนยากแท้หยั่งถึง
ก่อนมางานเลี้ยง อนุฟางสอนให้จำกฎระเบียบ มารยาท และลักษณะพื้นฐานของเชื้อพระวงศ์ให้ขึ้นใจ ดังนั้นพอเห็นการ แต่งกายของชายหนุ่มตรงหน้า นางก็รู้ทันทีว่าเป็นคนในเชื้อ พระวงศ์ หัวใจจึงเต้นโครมคราม พอพยายามกลั้นหายใจ ค่อยฝืนใจให้สงบลง ได้ยินเพียงผู้ติดตามพูดว่า
“ท่านนี้คือท่านสาม
ท่านสาม? หรือจะเป็นองค์ชายสาม
อนหว่านลงก้าวไปข้างหน้าพร้อมเสียงดังกรุ๊งกริ้งของลูก กระพรวนที่เอว คุกเข่าลงกับพื้น แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เผย ให้เห็นแก้มแดงๆ ครึ่งซีก ก่อนพูดเสียงเล็กเสียงน้อย
“ถวายบังคมองค์ชายสาม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ