ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 76-5 เลือกอนุ



ตอนที่ 76-5 เลือกอนุ

หลังรับฟัง ฮุยหลานนั้นไม่มีอะไร ย่อตัวรับค่า “เจ้าค่ะคุณหนู ใหญ่”

ทว่าเหลียนเหนียงกลับหน้าเปลี่ยนสี เช่นนี้เป็นอันว่า อยู่ นอกเรือนสบายกว่าในเรือนเยอะ อย่างน้อยก็ได้เข้าๆ ออกๆ ตอนเข้ามารายงานยังสามารถพูดคุยกับนายท่าน สร้างความ ประทับใจเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่อยู่ในเรือน ที่แท้ก็ต้องคลุกอยู่ แต่ในครัวตลอดทั้งวัน ออกมาไม่ได้! ไหนเลยจะมีโอกาสพบ หน้านายท่านเล่า หรือต่อให้บังเอิญได้พบ ไอร้อนและควันดำ จากเตาไฟ ถ่านและปืนกองโตที่ต้องขน ไหนเลยจะอยู่ใน สภาพที่พบผู้คนได้

นานวันเข้า ผิวก็จะถูกควันดำและเปลวเพลิงทำลายจน เสียโฉม!

เหลียนเหนียงได้แต่เจ็บใจ ด้วยตนเป็นคนขอจากฮุย

หลานเอง จึงเปลี่ยนกลับไม่ได้แล้ว ดวงตากลมโตทั้งสองข้าง พลันถูกเมฆหมอกปกคลุมอีกครั้ง ขนตายาวกะพริบ นางก้ม หน้าลง ริมฝีปากล่างที่บางดุจกลีบดอกไม้ถูกกัดจนใกล้แตก เต็มที่ พยายามกดเสียงไม่ให้สั่น เสียงจึงบางเบา จนน้ำตา แทบจะหยดลงมาด้วย

“เจ้าค่ะ บ่าวเข้าใจแล้วคุณหนูใหญ่
พออนหวานชื่นเห็นท่าทางที่ถูกกดดันจนหมองเศร้าของ นาง ก็พูดเสริมขึ้นอย่างใจเย็นและเฉยเมย แต่กลับมีน้ำหนัก

“เมื่อไปทำงานที่เรือนหลัก สิ่งสุดท้ายที่ต้องเตือนก็คือ ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตนให้ดี ต้องตระหนักเสมอว่าอยู่ ตำแหน่งไหน ทำอะไร ส่วนวันข้างหน้าโชคชะตาจะเป็นอย่างไร นั้น เป็นเรื่องของวันข้างหน้า แต่ถ้าตอนนี้ไม่พอใจในสิ่งที่เป็น อยู่ แล้วคิดแก่งแย่งชิงดีกันล่ะก็ จวนรองเจ้ากรมไม่เอาไว้แน่ จะรีบจัดการตามกฎบ้าน แล้วขายทอดตลาดทันที!

นี่ก็หมายความว่า กระทั่งวางแผนหาโอกาสให้ได้ใกล้ชิด นายท่านก็ยากยิ่ง

เหลียนเหนียง ใจสั่น ขณะย่อตัวลงขานรับพร้อมกับฮุย

หลานและเถาฮวา

ฟ้าเพิ่งเริ่ม ระหว่างทางเดินกลับเรือนหญิง พอเข้าสู่กลางฤดูใบไม้ร่วง ฝนตกที่หนึ่งอากาศก็เย็นลงที หนึ่ง แล้ววันต่อๆ มาก็เย็นลงเรื่อยๆ

ค่นี้พอเดินอยู่นอกเรือน ก็รู้สึกเย็นจับใจ ซูซย่าจึงคลุม เสื้อคลุมตัวสั้นสีแดง ให้อวิ๋นหวานชื่น ขณะเดินอยู่บนทางน้อย ก่อนพูดหยั่งเชิงดู

“สาวๆ ที่อยากเป็นอนุทั้งสาม อย่างไรก็ต้องถูกนายท่านเลือกมาเป็นอนุเพียงคนเดียว คนที่คุณหนูมองน่าจะเป็นฮุ่ย หลานนะเจ้าคะ เพราะเถาชวากับเหลียนเหนียง ดูท่าทางแล้ว คิดแย่งตำแหน่งกันสุดๆ ซึ่งทั้งสองก็ดูมีภาษีมากสุด คนหนึ่ง ได้ไปอยู่ในที่ที่ดีสุด อีกคนหนึ่งได้ไปอยู่ในที่ที่แย่สุด ย่อมต้อง ทำให้คนหนึ่งไม่พอใจ ซึ่งถ้าเหลียนเหนียงมีใจทะเยอทะยาน จริง ก็ต้องไม่ยอมให้เถาฮวาอยู่เหนือแน่ ทั้งสองต้องสู้กันทั้งที่ แจ้งและที่ลับ จนบาดเจ็บและพ่ายแพ้กันทั้งคู่ แบบนี้คุณหนู ไม่ต้องลงมือเองแล้ว”

อวิ๋นหว่านในหันมองซูซย่า “เจ้านี่เชี่ยวชาญยุทธวิธีสู้รบ จริงๆ ส่งไปแนวหน้าซะเลยดีไหม

ชูซย่าแลบลิ้น ไม่พูดมากอีก

ตนมองฮุ่ยหลาน? มองเมิงอะไรกัน? ก็แค่กดให้ผู้ที่มี ความเป็นไปได้ว่าจะมาทำอันตรายตน ลงไปอยู่ในจุดต่ำสุด

ทว่าเมื่อเทียบกับอีกสองคนแล้ว ฮุยหลานดูชื่อและเชื่อฟัง มากกว่า ถ้าที่บ้านเลี่ยงไม่ได้ จำเป็นต้องมีอนจริงๆ ก็ต้อง เลือกคนที่รู้ใจตน เช่นเดียวกับมารดาที่ยกอนุฟางให้บิดา ก็ มิใช่เพราะนางมีวิธีมัดใจชาย จับผู้ชายจนอยู่หมัดหรอกหรือ หากหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นฝ่ามือพระยูไล บิดาเลือกคนที่ไม่ พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ คนที่มีแต่แผนร้ายอยู่เต็มท้อง ก็เท่ากับ รนหาความทุกข์ใส่ตัวหรอกหรือ

แล้วอวิ๋นหว่านชิ้นก็กระชับเสื้อคลุมให้แน่นเดินตรงกลับ เรือนพร้อมชูซย่า
วันรุ่งขึ้น เถาฮวาถูกส่งไปเรือนหลัก ปรนนิบัติข้างกาย นายท่าน เหลียนเหนียงถูกส่งเข้าห้องครัว ที่ชานเรือนด้านใน ฮุยหลานอยู่นอกเรือนคอยรับส่งข่าวเข้าออก หน้าที่ล้วนถูก จัดสรรเรียบร้อย

พอมาถึง ทั้งสามก็ถูกกระตุ้นเตือนให้จดจำกฎระเบียบ ต่างๆ ไว้ ทุกคนจึงทำตามสิ่งที่คุณหนูใหญ่กำชับ ไม่กล้าทำ อะไรตามอำเภอใจ ต่างคนต่างทำตามขอบข่ายความรับผิด ชอบของตน ที่บ้านจึงเงียบสงบอยู่พักใหญ่

อนเสวียนนั่งเพิ่งถูกเสนอชื่อในที่ประชุมตำหนักเจิ้ง แม้ ยังไม่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งให้เป็นท่านเจ้ากรม แต่ก็ได้ ยินข่าวลือมาว่า มีความเป็นไปได้แปดถึงเก้าในสิบส่วน จึง ยินดีปรีดายิ่ง พยายามวิ่งเต้นอุดรอยรั่วทั้งวัน สำหรับเรื่องที่ ถงฮูหยินซื้อสาวๆ มาใหม่สามคนนั้น เขาก็รู้ดีว่ามารดาซื้อมา เป็นอนให้ จึงเรียกสามสาวมาดูตัว แล้วถามไปสองสาม ประโยค

ด้านอนุฟาง พอรู้ว่าผู้อาวุโสซื้อสามสาวมาจากสมาคมมา ผอม และทั้งสามก็อยู่ในขั้นเตรียมที่จะเป็นอนุโดยเอาไว้ให้ นายท่านเรียกใช้ในเรือนหลักก่อน นางก็นั่งไม่ติด ด้วยเกรงว่า จะถูกนางจิ้งจอกที่มาใหม่แย่งความสุขในอนาคตไปจนหมด วันต่อมาจึงมาลากท่านพี่ไปที่เรือนชุน

หลายวันมานี้ ขณะอยู่นอกบ้านอนเสวียนนั่งเอาแต่วิ่ง เต้นให้ได้เลื่อนตำแหน่ง พอกลับถึงบ้านก็ถูกฟางเย่ว์หรงพัวพัน ไม่ยอมปล่อย หลังจากดูตัวเถาฮวา เหลียนเหนียงและฮุยหลานไปครั้งหนึ่ง ก็ไม่มีเวลาว่างไปสนใจพวกนางอีก

อวิ๋นหว่านชิ้นเพิ่งช่วยท่านย่าเลือกอนให้บิดาเสร็จ เรียบร้อย ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นับว่าสามารถกลับมา ใส่ใจเรื่องร้านที่ถนนจิ้นเป่าได้อย่างสบายใจเสียที

แสงแดดยามบ่ายของฤดูใบไม้ร่วงทอประกาย ดวง อาทิตย์อยู่เหนือศีรษะ แต่อากาศเย็นสบายกำลังดี

หงเขียนมาที่จวนอีก เรียกเดี่ยวเอ๋อร์ให้มาพบที่ประตูข้าง เพื่อถามถึงชื่อร้าน เพราะต้องรีบออกใบเสร็จให้ลูกค้าอย่าง เป็นทางการ ไม่ควรลากยาวต่อ

ขณะที่อวิ๋นหว่านในกำลังจะให้เที่ยวเอ๋อร์กลับออกไปตอบ หงเขียน นอกประตูเรือนก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ฟังดูแล้วรีบร้อน มาก วิ่งตรงมาที่เรือนผู้หญิง

เดี๋ยวเอ๋อร์มองว่าน่าจะเป็นเรื่องด่วน จึงเลิกม่านขึ้นแล้ว ก้าวออกไป

และแล้ว บ่าวที่เฝ้าอยู่หน้าประตูใหญ่ก็วิ่งหอบแฮ่กๆ เข้า มาในเดือน แต่ก็หยุดเท้าสะเอว งอตัวลงสูดหายใจ พอเห็น เดี๋ยวเอ๋อร์ออกมา ค่อยหายใจสะดวกขึ้น แต่ใบหน้ายังคงแดง

“บอก บอกคุณหนูว่า มีคนมาหาที่จวน! เร็วเข้า มีคน กลุ่มหนึ่งปิดล้อมอยู่หน้าประตูจาน

นี่กลับเป็นเรื่องแปลก มีคนมาหาคุณหนู แล้วทำไมต้องปิดล้อม…?

ปกติคนที่มาหาคุณหนูมีแต่ผู้หญิง อย่างคุณหนูรองสกุล เฉิน ก็เข้าทางประตูข้าง เอ่ยคำทักทายบ่าว แล้วเดินตรงมาที่ เรือนผู้หญิงเลย ส่วนคนที่เข้าทางประตูใหญ่นั้น กลับมีน้อย มาก

เดี๋ยวเอ๋อร์จึงมองนิ่ง “เง็กเซียนฮ่องเต้เสด็จมาหรือไง ถึง ได้ตกอกตกใจขนาดนี้ ตกลงเป็นใครกันแน่

ทีแรกเดี่ยวเอ๋อร์นึกว่า บ่าวชราผู้นี้หน้าแดงเพราะรีบวิ่ง มาบอก ไม่คาดคิดว่า พอได้ยินคำถามตน บ่าวชรากลับหน้า แดงหนักเข้าไปอีก พูดละล่ำละลักอยู่ครึ่งค่อนวันก็ฟังไม่รู้เรื่อง คล้ายเป็นเรื่องที่คลุมเครือ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ