ตอนที่ 76-2 เลือกอนุ
และในตอนนี้เอง บ่าวก็ยกน้ำร้อนมาหนึ่งถังไม้ อวิ๋นหว่านใน ถูกขัดจังหวะพอดี จึงรีบลุกขึ้น นำยาแช่เท้าที่ทำใส่ถุงไว้ เทลง ไปในน้ำร้อน แล้วใช้มือคน ไอร้อนลอยออกมาจากถังไม้ สมุนไพรลอยและจมลงไปในน้ำ แล้วค่อยๆ กระจายตัวออก จนไอสีขาวส่งกลิ่นหอมหวานที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่งออกมา
รองเท้าของถุงฮูหยินถูกถอดออกเรียบร้อย อวิ๋นหวานชื่น จึงจับเบาๆ เข้าที่เท้าซึ่งกรำงานหนักมาหลายปีแล้ววางลงใน ถังไม้สักที่สูงราวหนึ่งศอก
สักพัก ไอร้อนจากใต้ฝ่าเท้าของถุงฮูหยินก็ค่อยๆ ระเหย ขึ้น ถึงฮูหยินเพียงรู้สึกว่าเส้นเอ็นช่วงขาคลายตัวตามปกติ ไม่ แข็งแบบเมื่อครู่อีก อาการปวดแปลบก็ลดน้อยลง นึกถึงช่วง แรกๆ ที่เริ่มมีอาการปวดเข่า นางไม่สนใจ จนกลายเป็นปวด เรื้อรังนานหลายปี สมุนไพรในหมู่บ้านมีมากมายและหลาก หลายกว่า ในเมือง นาง ใช้มาหมดแล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ตอนนี้หลานสาวก็นำสมุนไพรมาให้ลองอีก จะใช้ได้ผลหรือ
แต่ตอนนี้พอเส้นเอ็นคลายตัว ถงฮูหยินก็ถามขึ้นอย่างอด ไม่ได้ “ชิ้นเอ๋อร์ สมุนไพรเหล่านี้มีอะไรบ้าง
อนหวานชิ้นเงยหน้าขึ้นจากไอสีขาว เห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้น บนใบหน้ารูปไข่ ยิ้มพลางว่า
“จริงๆ แล้วจะเรียกสมุนไพร ก็ไม่เชิง
“หา? แล้วมันคืออะไร” ถงฮูหยินเอียงตัวใช้เท้ากวนน้ำ ร้อนไปมา แล้วก้มลงดูดีๆ เห็นเพียงส่วนประกอบบางอย่าง คล้ายดอกไม้ แต่อย่างอื่นนางก็ไม่แน่ใจ
อนหวานชื่นยิ้ม “เป็นยาตำรับหนึ่งใน ตำรายาโชว ประกอบด้วยใบต้นเทียนบ้าน เมล็ดสนแผง เกลือของกรด กำมะถัน และมะละกอ ต้มรวมกันจนได้สารสกัดเข้มข้น แล้วนำ มาเทลงในน้ำร้อน แบบที่ท่านย่าใช้แช่เท้าอยู่นี้ วิธีแม้ทำได้ ง่าย วัตถุดิบก็หาได้ทั่วไป แต่ได้ผลชะงัดนัก ท่านย่าต้องลอง
ถงฮูหยินไม่รู้หรอกว่าตำรายาโซวคืออะไร แต่พอได้ยิน คำว่า เทียนบ้าน มะละกออะไรนี่ ก็รู้สึกแปลกใจ ชื่อเหล่านี้ไม่ เหมือนชื่อสมุนไพรรักษาโรคเลย แล้วยังปนเปกันเปะปะ เดี๋ยว ก็ดอกไม้ เดี๋ยวก็ผลไม้…จึงหลุดหัวเราะออกมา
“ดอกไม้ก็รักษาโรคไขข้อได้หรือ เจ้าอย่ามาหลอกคนบ้าน นอกอย่างย่าเชียว เอาเถอะๆ ยาแช่เท้าที่ใช้แล้วก็รู้สึกสบาย ขึ้นจริงๆ ถึงหลอก ย่าก็ยอมให้หลอก!
ดอกเทียนบ้านมีสรรพคุณเช่นนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้อใน หวานซิ่นมักใช้เป็นส่วนผสมของยาทาเล็บ ต่อมาค่อยพบว่า สารสกัดจากดอกเทียนบ้าน นอกจากนำมาทาให้เล็บมีสีสันได้ แล้ว จากหลักฐานและข้อมูลมากมายยังพบว่า ต้นเทียนบ้าน มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ซิ่วเฉา ซึ่งความหมายตามชื่อก็คือสมุนไพรรักษาอาการปวดจากไขข้อกระดูกเสื่อม ดังนั้นต้น เทียนบ้านจึงมิใช่พืชที่มีไว้ใช้เสริมความงามเพียงอย่างเดียว
ทว่าอนหวานชิ้นก็มิได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ด้วยเห็นว่า หญิงชราไม่น่าจะอยากฟัง จึงได้แต่ยิ้มแล้วว่า
“เมื่อใช้แล้วสบายขึ้น ท่านย่าก็ต้องใช้ทุกวัน เช้าครั้ง เย็นครั้ง ต่อให้ไม่ได้ผล การแช่เท้าก็มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษ อะไร”
ถงฮูหยินยิ้มพลางรับยาแช่เท้าไว้ แล้วหันไปบอกให้สาว นำไปเก็บไว้ให้ดี
พอแช่เท้าเรียบร้อย ถงฮูหยินเพิ่งใส่รองเท้าเสร็จ หวงน้า ก็เลิกม่านขึ้น แล้วเดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นอวิ๋นหว่าน ชิ้นนั่งอยู่ด้วย จึงยิ้มทักทาย แล้วนั่งลงข้างหญิงชรา ก่อนพูด เสียงเบา
“ท่านแม่ ข้าติดต่อป้าหลิวที่สมาคมมาผอมได้แล้ว นาง บอกว่าเราสามารถไปหานางที่สมาคม ได้ทุกเมื่อ สมาคมมาผอม? ที่ที่ขายอนุกับนางบำเรอหรือ อนหวานชิ้นหนึ่ง ชำเลืองมองท่านย่า
พอถึงฮูหยินเห็นว่าหลานสาวได้ยิน ก็ไม่คิดปิดบังอีก เล่า เจตนารมณ์ของตนให้ฟังตรงๆ
“ชิ้นเอ๋อร์ เจ้าดูสิ หลังบ้านพ่อเจ้าเดิมทีก็ไม่ค่อยมีใครอยู่ แล้ว พอเกิดเรื่องขึ้นกับไปฮูหยิน ก็ยิ่งโบเบเข้าไปใหญ่ ย่าก็เลยอยากไปดูที่สมาคมมาผอมหน่อย เพื่อเลือกอนติดไม้ติดมือ มาได้สักคนสองคน ให้ปรนนิบัติพ่อเจ้า เจ้าว่าเป็นอย่างไร มี ความคิดเห็นอะไรไหม
การที่ท่านย่าถามตนก่อน ถือว่า ให้เกียรติตนมาก แต่นี่ เป็นเพราะท่านย่าไม่เคยอยู่กับครอบครัวที่มีอนุมาก่อน ซึ่งไม่มี บ้านไหนหรอก ที่เจ้าบ้านคิดแต่งอนุ แล้วมาถามลูกว่าเห็นด้วย ไหม พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้ตนไม่เห็นด้วยแล้วจะทำอะไรได้ ท่านย่าถามเพราะเกรงใจตนเท่านั้น
ถ้าต้องการให้อวิ๋นหวานชื่นพูดจากใจจริง นางก็อยากพูด หยาบๆ ออกมาว่า ท่านย่า ลูกชายคนรองของท่านเป็นคนกิน เมีย ผู้หญิงคนไหนอยู่กับเขาแล้วมีจุดจบที่ดีบ้าง หลานเห็นว่า ต้องตัดอาวุธสืบพันธุ์ทิ้ง จะได้ไม่ไปทำร้ายผู้อื่นอีก ดีไหม
ทว่าจิตใจของลงฮูหยิน อวิ๋นหวานชิ้นก็พอจะเข้าใจ เมื่อ ลูกชายคนรองมีทายาทสืบสกุลอย่างอวิ๋นจีนจัง
เพียงแค่คนเดียว พอไปเสงี่ยฮุยย้ายออกไป หลังบ้านก็ ไม่มีหญิงใดเป็นหัวหลักหัวตออีก แต่ท่านพ่อเป็นผู้ชายคนหนึ่ง และกำลังอยู่ในวัยกลางคน ถึงวันนี้ไม่แต่งอนุ วันหน้าก็ต้อง แต่ง เพียงแต่เปลี่ยนคนจัดการหลังบ้านเท่านั้น
เมื่อคิดดูแล้ว อวิ๋นหว่านชิ้นจึงตอบเสียงเรียบ “หลานไหน เลยจะมีความเห็นอะไร ท่านย่าจัดการน่ะดีแล้ว คนที่ท่านย่า เลือก ต้องอ่อนโยนนอบน้อม ทำประโยชน์ให้ครอบครัวได้อยู่ นางไม่ต้องการอะไรอื่นอีก หวังเพียงคนใหม่ไม่เหมือนคนก่อนก็ดีถมเถ
ลงฮูหยินพยักหน้า ก่อนหันไปบอกสะใภ้ใหญ่ “ดี เมื่อทาง นั้นเตรียมการเรียบร้อย เราก็ไปกันตอนนี้เลย” แล้วจึงเหลือบ มองอวิ๋นหวานชื่น พลางคิด นางเป็นคุณหนู ในเมือง รู้จัก วางตัว มองคนออก แยกแยะคนเป็น ถ้าพาไปเลือกด้วยกัน ย่อมไม่ด้อยไปกว่าหวงน้าสี่กับตนแน่ แต่คุณหนูที่ยังไม่ออก เรือน ไปในสถานที่อโคจรซื้อขายอนุแบบนั้น ดูเหมือนไม่ค่อย ดีเท่าไหร่
สะใภ้กับแม่สามีสองคนจึงตัดสินใจพาสาวใช้ไปยัง สมาคมม้าผอม
***
ระหว่างทางกลับเรือนผู้หญิง ชูซย่าก็ทอดถอนใจออกมา
“ไม่ง่ายเลยกว่าที่บ้านเราจะสงบสุข แต่จู่ๆ ก็จะมีคนใหม่ เข้ามาอีก ถ้าไปฮูหยินได้ยินเข้าต้องบ้าตายแน่
ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสจะเลือกคนแบบไหนมาให้นายท่านเนอะ ยังไงก็ต้องเป็นคนดีหน่อย…แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ ได้ยินมาว่า สาวๆ ในสมาคมม้าผอมนั่น ถูกฝึกให้เป็นอนในบ้านเจ้าใหญ่ นายโตแต่เด็ก แต่ละคนมีรูปโฉมใสบริสุทธิ์ดุจต้นกล้า แต่เนื้อ ในดุจสุนัขจิ้งจอก เก่งเรื่องทำให้ผู้ชายหลงใหลเป็นที่สุด…
อนหว่านชื่นชะงักฝีเท้า เมื่อครู่ตนก็มีแต่เรื่องนี้วนเวียน อยู่ในใจ แต่ถามมากไม่ได้ พอซูซย่าพูดขึ้น จึงพูดบ้าง “จริงสมาคมมาผอมที่ท่านย่ากับป้าสะใภ้ไปชื่อว่าอะไร “เพิ่งได้ยินสาวใช้ข้างกายฮูหยินบ้าสะใภ้พูดถึง เหมือนจะ
มีชื่อเสียงโด่งดังทางตะวันออกของเมือง ชื่อหอหย่าจื้อ ตระกูล ใหญ่ๆ ส่วนมากไปเลือกอนกับนางบำเรอกันที่นั่น โดยทำตาม ขั้นตอนทางกฎหมายทุกอย่าง ดูใหญ่โตอยู่เหมือนกัน” ซูซย่า ตอบ
หอหย่าจื้อ? อวิ๋นหวานชื่นพึมพำในใจ เข้าใจแล้ว
นางเคยคิดว่าถ้าไปเสวี่ยฮุยอยู่ในห้องพระแล้ว งานหลัง บ้านสกุลอวิ๋นก็ไม่มีผู้ใหญ่ที่พอจะรับช่วงต่อ…คิดไม่ถึงว่า คนที่ ควรมา ก็ต้องมาอยู่ดี
หนังตาจึงกระตุกขณะนึกในใจ “เลือกคนแบบไหนมา ก็ เป็นแค่อน ไม่มีทางพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินหรอก”
ชาติก่อน ไปเสงี่ยฮุย ใช้ชีวิตอยู่อย่างหรูหรา เป็นคน โปรดเสมอมา จึงบงการเรื่องหลังบ้านเพียงคนเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วจากนิสัยเสีย มากรักหลายใจของผู้ชายอย่างบิดา การมี เมียหลวงหนึ่ง เมียน้อยหนึ่ง เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก แต่ที่ ทำได้เพราะประการแรก ราชสำนักจำกัดจำนวนอนที่ขุนนางจึง มี เพราะถ้ามีอนุกันเต็มบ้านเต็มเมือง ผู้บังคับบัญชาจะไม่ พอใจเอา ประการที่สอง ต้องบอกว่าตอนนั้นไปเสงี่ยฮุยเป็นที่ หลงใหลมาก เพราะนางมัดใจชายได้อยู่หมัด
อีกอย่าง ตอนอวิ๋นหว่านชิ้นยังไม่แต่งเข้าจวนโหว อวิ๋นเส
วียนนั่งก็ไม่ได้แต่งอนุเพิ่ม
แต่หลังจากนางแต่งเข้าจวนโหว และไปเสงี่ยฮุยมักพา ลูกสาวเข้าจวนโหวมาเยี่ยมนางนั้น มีระยะหนึ่งไปเสงี่ยฮุยมา จวนโหวขณะตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง อวิ๋นหวานชิ้นก็สังเกตเห็นว่า นางมีสีหน้าเศร้าสร้อย จึงถามจากสาวใช้ที่มาด้วยกัน ถึงได้รู้ ว่าช่วงที่นางตั้งครรภ์ บิดาตั้งใจไม่อยู่ ไปซื้ออนที่สมาคมมา ผอมมาคนหนึ่ง แรกเริ่มบอกว่าซื้อมาเป็นสาวใช้ ต่อมาก็ลอบ ให้นางเป็นเมียเก็บโดยไม่ให้ไปเสงี่ยฮุย อีกทั้งยังหลงใหลได้ ปลื้มจนไม่สนใจไปเสงี่ยฮุยไป
สมาคมขายหญิงที่ว่า ก็คือหอหย่าจื้อ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ