ตอนที่ 69-3 แสดงเป็นนางจิ้งจอก
ตรงชานพักบันไดระหว่างชั้นบนและชั้นล่าง อวิ๋นหวานชื่นเห็น แผ่นหลังสีน้ำเงินที่คุ้นตา เด็กรับใช้หันมองซ้ายขวาอย่างระ แวดระวัง ก่อนก้าวลงบันไดไป
“เดี๋ยวก่อน!” นางตะโกน
เป็นไปตามคาด เด็กรับใช้ในชุดสีน้ำเงินกินปูนร้อนท้อง พอได้ยินคนเรียกจากด้านหลัง ก็ไม่หันกลับมามอง เดินแหวก กลุ่มคนชั้นล่าง สาวเท้าโดยอ้าวหนีไป
เสร็จกัน มิใช่ตนเองขี้ระแวง แต่ห้องเตรียมเครื่องดื่มที่ชั้น บนมีพิรุธจริงๆ ความปลอดภัยต้องมาก่อน อวิ๋นหวานชื่นรีบหัน หลังกลับ ขณะจะก้าวขึ้นไปบอกรัชทายาทกับคนอื่นๆ ให้ลงมา ชั้นล่าง ด้านหลังกลับมีลมสายหนึ่งเข้าประชิด ยังไม่ทันตั้งตัว มือของตนก็ถูกจับไพล่หลังแล้ว
ผู้มาคล้ายนั่งปะปนเร้นกายอยู่ในกลุ่มผู้ชมชั้นล่างแต่แรก พอเห็นอวิ๋นหวานชิ้นเดินตามเด็กรับใช้ชุดน้ำเงินมา แล้วหัน หลังกลับ กำลังจะขึ้นชั้นบน ก็รีบก้าวขึ้นบันไดทีเดียวหลายขั้น ตามนางจนทัน แล้วจับแขนนาง เพื่อหยุดนางไว้
ชายหนุ่มสวมเสื้อกางเกงสีน้ำตาลเข้มแบบผู้ใช้แรงงาน ดู ไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อค้าหาบเร่บนท้องถนน แต่ตอนนี้พ่อค้าคลุมผ้าจากศีรษะจรดเข่า เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่เย็น ขาและสุกสกาว
นางถลึงตา กลั้นหายใจ ขณะจะส่งเสียงร้อง ชายหนุ่ม กลับเปลี่ยนเป็นจับมือนาง พลางพูดด้วยเสียงอื่นๆ ปนวิตก กังวล คล้ายกำลังสอบสวนเด็กหนีเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าท่าไมมาอยู่ที่นี่ได้
แต่กลับไม่รอนางตอบ รีบตัดสินใจอย่างไม่ลังเล โอบเอว นาง แล้วกึ่งดึงกึ่งลากให้เดินแหวกกลุ่มคนที่ส่งเสียงดังจอแจ ผ่านฉากที่กำลังสนุกสนานบนเวที ก้าวออกจากโรงละครว่าน ไฉ่ด้วยกัน
อนหวานชิ้นถูกจับให้เดินเลี้ยวเข้ามาในซอยด้านข้าง ชายหนุ่มค่อยคลายมือออก แล้วถอยหลังสองก้าว
พอเอวโล่ง อวิ๋นหวานชื่นก็ได้สติ หันมาจ้องตาชายหนุ่ม ไม่มีเวลาพูดอะไรมาก นางรีบสาวเท้ากลับโรงละครว่านไฉ่ แต่ แขนกลับถูกเขาจับไว้ ไม่ปล่อยอีก
“เจ้าบ้าไปแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีอันตราย ยังจะขึ้นไปอีก?
แรงที่ใช้จับในครั้งนี้มากกว่าเมื่อครู่ พอนางดิ้นไม่หลุด ก็ได้แต่โทษตัวเองที่เมื่อครู่พลาดท่า ด้วยเห็นว่าเขาเกี่ยวข้อง กับเรื่องนี้แน่ จึงหวาดกลัวเกินไปชั่วขณะ ปล่อยให้เขาพา ตนเองลงมาง่ายๆ
แต่พองอข้อศอกได้ ก็ทุ่มแรงที่มีอยู่กระทั่งเข้าไปที่ท้องน้อยของเขา “ปล่อยข้า
อยู่ใกล้เกินไป เขาหลบไม่ทัน จึงจุก แต่ยังคงไม่ยอม ปล่อยมือ เหตุใดเจ้าถึงอยู่กับรัชทายาทใต้
“ปล่อยข้า!” พอนึกถึงญาติผู้พี่ กับเมียวเอ๋อร์ที่ยังอยู่ชั้น บน อวิ๋นหวานชิ้นก็กระวนกระวายใจ
เขาอุตส่าหรีบพานางลงมาแท้ๆ จึงพูดใส่ผมสวยที่ยังเล็ก น้อยใต้กราม
“เจ้าก็เหมือนข้า ไม่มีแม่ มีพ่อก็เหมือนไม่มี คนที่อยู่ชั้น บนเกี่ยวอะไรกับเจ้า จะขึ้นไปตายพร้อมพวกเขา อย่าบอกนะว่า เจ้าคิดสู้ตายเพื่อช่วยแม่เลี้ยงเจ้าออกมา เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ! เขาคิดทำร้ายรัชทายาท
ไม่แปลก! เขาลงมือกับเว่ยอ๋องแล้ว จะปล่อยรัชทายาทไป ได้อย่างไร! ถ้าบอกว่าเว่ยอ๋องทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว เขาแค่ เปิดโปงมันออกมา เวยฮ่องได้รับโทษเพราะการกระทำของตัว เอง แล้วรัชทายาทที่อยู่ข้างบนล่ะ ทำผิดอะไร…เขาโหดเ ยมเกินไปแล้ว!
ผู้ก่อการร้าย
อวินหวาน นพูดเสียงเย็นชา
“ท่านเป็นคนวางดินระเบิดชั้นบนโรงละคร เพราะต้องการ ทําร้ายรัชทายาท ใช่หรือไม่!
พอเขาก้มหน้าลง กลิ่นดอกมะลิของยาสระผมที่คุ้นเคยก โชยเข้าจมูก ตอนที่เขากอดนางอยู่ในหมู่บ้านสกุลเก่าที่เงียบ สงบและห่างไกลนั้น เป็นยามค่ำคืนที่ฝนตกปรอยๆ ในหุบเขา ลีก เวลาเหมือนหยุดนิ่ง ไม่ว่าเขาใกล้ชิดนางในสภาพกึ่งเมา กิ่งไม่เมา หรือแหย่ให้นางโกรธ นางก็โกรธเพราะเขิน ไม่ใช่ โกรธจนชักกระบี่ออกมาฟาดฟันเขาเช่นนี้
เขาไม่ชอบเผชิญหน้ากับนางแบบนี้เลย
โดยเฉพาะเหตุใดต้องมีรัชทายาทเข้ามาแทรกกลาง นางรู้จักรัชทายาทได้อย่างไร หรือสวมเงินเป็นคนแนะนำให้ แล้วทำไมนางต้องทำเหมือนห่วงรัชทายาทมากด้วย
นี่ทำให้อย่าโหวชื่อถึงไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็ยังพยายามทำเสียงเรียบแบบไม่รู้สึกอะไร “ถ้าข้า บอกว่าไม่ใช่ เจ้าจะเชื่อหรือไม่
“เพ้อเจ้อ หลอกลวง” เชื่อกับผีสิ นางจะเชื่อได้อย่างไร
“ไม่ใช่จริงๆ” เขายกมือขึ้นทำท่าสาบานโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ รีบวางมือลง ดีที่นางมองไม่เห็น ขายหน้าจริง
ลมหายใจอันร้อนรนของชายหนุ่มรดใส่หลังต้นคอนาง
นางพยายามหดตัวลง แต่ร่างของคนทั้งสองคล้ายคู่ฟ้า ประทานที่สมบูรณ์แบบ นางยิ่งหลบหลีก ร่างอันแข็งแกร่งที่อยู่ ด้านหลังก็ยิ่งแนบชิดติดแน่น
ไม่ใช่เขา…จริงหรือ แล้วทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่แถมยังทำลับๆ ล่อๆ อีก เห็นชัดว่า เขารู้ว่าชั้นบนมีปัญหา แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใด คำพูดเหล่านี้ถึงได้แต่วนเวียนอยู่ ในท้อง
อนหวานซิ่นพูดไม่ออก…เข้าข้างเขาเข้าแล้ว คนอย่าง เขาถ้าทำ จะไม่กล้ารับหรือ ไม่จำเป็นต้องโกหก
แต่ถ้าไม่ใช่เขาแล้ว คือใคร
อีกอย่าง ทำไมเขาถึงอยู่ในที่เกิดเหตุ แล้วทำไมถึงรู้ว่าชั้น บนผิดปกติ
และในตอนนี้เอง เสียง ปัง ก็ดังขึ้นที่โรงละครว่านไฉ ตามด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนในโรงละครและบนท้องถนน ผสมกับฝีเท้าเร่งรีบและสับสนวุ่นวาย
หัวใจแทบหยุดเต้น นางผลักเขาออกอย่างแรง
เมื่อระเบิดไปแล้ว ก็ถือว่าโรงละครปลอดภัย อย่าโหวชื่อ ถึงจึงผละแขนทั้งสองข้างออก คล้ายปล่อย
กระต่ายที่จับไว้ไม่อยู่ ให้วิ่งหนีไป
โถงชั้นล่าง โรงละครว่านไฉ
ผู้ชมไม่น้อยทยอยวิ่งกันออกมา ต่างพากันซุบซิบพลางหัน กลับไปมอง แต่เด็กรับใช้ของโรงละครที่ยืนอยู่หน้าประตู พยายามดูแลความเรียบร้อย บอกให้ผู้ชมรีบออกไปกันก่อน
เจ้าหน้าที่จากที่ว่าการอำเภอเมืองมาถึงอย่างรวดเร็วกําลังทําการปิดล้อมหน้าประตู และเดินเข้าๆ ออกๆ ตรวจตรา และค้นหาผู้ต้องสงสัยและวัตถุต้องสงสัย
ไม่เห็นผู้บาดเจ็บ ดูไปแล้วผู้ชมชั้นล่างเพียงตื่นตกใจ เท่านั้น
พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหน้าต่างบานเล็กของห้องที่ติดถนน ชั้นบนเปิดทิ้งไว้ มีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาและมีเปลวไฟแทรก อยู่
อนหวานชื่นใจเต้นโครมคราม แต่พอขึ้นบันไดไปได้ไม่กี่ ก้าว เด็กรับใช้ของโรงละครที่มีผ้าขนหนูเปียกพาดไว้บนบ่า ก็ รีบยกมือขึ้นห้ามพัลวัน พลางไอไปพูดไป
“แม่นาง เขาปิดสถานที่แล้ว ไม่เห็นหรือ ชั้นบนไฟไหม้
อยู่…”
“แล้วแขกที่เหมาชั้นบนล่ะ”
เด็กรับใช้น่าจะเพิ่งลงมาจากชั้นบน แล้วถูกรมควันจนไอ ไม่หยุด พอใช้ผ้าขนหนูเปียกอุดจมูกไว้ ก็ค่อยยังชั่ว “แขกชั้น บนลงมาก่อนไฟไหม้นานแล้ว…แค่กๆ โชคดีที่ลงมาก่อน ชั้น ล่างไม่มีอะไร ชั้นบนนี่พูดยาก….
อนหวานชื่นค่อยโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ จึงกวาดตามองไป รอบๆ ก็เห็นไปเสวี่ยฮุยตัวสั่นเพิ่มขณะเกาะรถม้าเพื่อก้าวขึ้น ส่วนอนุฟางกับอวิ๋นหว่านถึงที่ถอดเครื่องแต่งกายปีศาจจิ้งจอก ออกแล้วกำลังกอดกันอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ยังหลอนไม่เลิก
ทว่าหวงน้าสี่สามแม่ลูกกลับมีขวัญที่กล้าแกร่ง ตอนลงมา ชั้นล่าง พอได้ยินเสียงระเบิดที่ชั้นบนและเห็นเปลวไฟลุกไหม้ แม้ตื่นตระหนก แต่ก็ตื่นเต้นอย่างอดไม่ได้ สามแม่ลูกกำลัง ซุบซิบกันว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฝีมือคน
แต่กลับไม่เห็นกลุ่มรัชทายาท
“คุณหนูใหญ่… เที่ยวเอ๋อรพุ่งเข้าหา “ท่านไปอยู่ที่ไหนมา บ่าวตกใจแทบแย่!
ไปเสวี่ยฮุยได้ยินเกี่ยวเอ๋อร์ร้องเสียงดัง จึงเลิกม่านขึ้น พอเห็นว่าอนหวานชิ้นไม่เป็นไร ก็คิ้วตก เอ็ดใส่คนบังคับรถ ม้า “ยังไม่รีบกลับบ้านอีก
อนหวานชื่นกับเดี่ยวเอ๋อร์จึงขึ้นรถมาก่อน
ทว่าพริบตาที่ดึงม่านลง อวิ๋นหว่านชิ้นก็คล้ายรู้สึกว่ามี อะไรอยู่ด้านหลัง จึงเหลียวหลังมอง เห็นเขากำลังยืนอยู่หน้า ปากซอยเมื่อครู่ ใบหน้าด้านข้างครึ่งหนึ่งให้ความรู้สึกอ้างว้าง เล็กน้อย ใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง จมูกที่โด่งเป็นสันสะท้อนแสง เงา เห็นเป็นเส้นโค้งได้รูป
และตรงหว่างคิ้วก็เห็นชัดว่า เขาคล้ายไม่พอใจอยู่บ้าง
ระหว่างทางกลับจวน มีหวงน้าสี่นั่งอยู่ในรถม้าด้วย อวิ๋น หว่านชิ้นกับเมี่ยวเอ๋อร์จึงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่
ถ้าผู้หญิงสกุลอวิ๋นลงมาชั้นล่างก่อน คิดว่าก็ไม่น่าจะเกิด เรื่องอะไรกับพวกรัชทายาทและญาติผู้พี่ มิฉะนั้นที่หน้า
ประตูโรงละครเมื่อครู่ ต้องโกลาหลกันใหญ่แล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ